Mark Zuckerberg เขียนโน้ตยาวพูดถึงการเตรียม Facebook ให้พร้อมกับการเลือกตั้ง และการป้องกันไม่ให้ Facebook ถูกแทรกแซงเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
ภาพจาก Mark Zuckerberg
เริ่มต้นจากบทเรียนในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ Facebook รู้ว่า รูปแบบของผู้ไม่หวังดีคืออะไร ต้องแก้ปัญหาตรงไหนบ้าง โดย Facebook พบว่า เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างคนสร้างบัญชีปลอมกับบัญชีจริง คือต่างคนต่างบูสต์โพสต์ของกันและกันทำให้แน่ใจว่าเนื้อหาจะแพร่ได้จริงในวงกว้าง ความท้าทายอีกอย่างคือ กิจกรรมที่ชวนคนเข้าร่วมซึ่งไม่ผิดกฎแพลตฟอร์มแต่คนเข้าร่วมมีทั้งบัญชีจริงและปลอม และกลยุทธ์หนึ่งของพวกผู้ไม่หวังดีคือสร้างเนื้อหาที่ดีและไม่ดีพร้อมๆกัน
ตัวอย่างผลของการทำงานในช่วงที่ผ่านมา
ด้านรูปแบบของข่าวปลอมมีการเผยแพร่สามวิธีคือ แพร่จากบัญชีปลอม (รวมทั้งแรงผลักดันทางการเมือง), แพร่โดยสแปมเพื่อเอายอดไปทำเงิน, แพร่โดยคนธรรมดาที่รู้ว่าเป็นข่าวปลอมแต่ก็ยังเผยแพร่ กุญแจสำคัญคือต้องตัดช่องทางที่บัญชีปลอมจะสร้างรายได้ ป้องกันไม่ให้สแปมเข้าถึงช่องทางโพสต์โฆษณา ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกคอยตรวจสอบข่าว เป็นต้น
นอกจากนี้ Facebook ยังปรับนโยบายให้โฆษณาเพื่อการเมืองต้องเปิดเผยหน่วยงานที่ซื้อและเงินที่ซื้อ แต่หลายเนื้อหาก็ไม่ได้โปรโมทนักการเมืองคนไหนเป็นพิเศษ แต่ก็มีเนื้อหาที่มีเป้าหมายทางการเมือง ในการจับทางเนื้อหาประเภทนี้ Facebook พยายามผลักดันให้หน่วยงาน และธุรกิจที่มีเพจต้องได้รับการรับรอง แม้เนื้อหาบนเพจจะไม่ใช่การเมืองเลยก็ตาม
Mark Zuckerberg กล่าวสรุปในช่วงท้ายว่า ปี 2016 บริษัทไม่ได้เตรียมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ในขณะที่ Facebook เตรียมรับมือกับการเลือกตั้ง ศัตรูผู้ไม่หวังดีก็อาจเตรียมวิธีการที่ตรวจจับยากกว่าเดิมไว้แล้ว Facebook ก็ต้องทำงานและร่วมมือกับภาคส่วนอื่นเพื่อปกป้องประชาธิปไตยต่อไป
ที่มา - Mark Zuckerberg
Comments
แพลตฟอี์ม => แพลตฟอร์ม
บัชี => บัญชี
วึ่ง => ซึ่ง
เรื้อหา => เนื้อหา
ขอบคุณค่ะ
เลือกตั้งบ้านเรารอบนี้ ยอดโฆษณาทางโซเชียลน่าจะพุ่งนะครับ เราจะมีวิธีรับมือและตรวจสอบข่าวต่างๆกันได้อย่างไรบ้าง
สำหรับผม ผมอ่านทั้งสองข้างนะครับ แล้วประเมินว่า :
คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ผมกลัวผมอยู่ไม่ทันใช้คำแนะนำนี้ ในการเลือกตั้งจังเลยครับ
น่าจะทันอยู่นะครับ เพราะปีหน้าคงยังไม่มีเลือกตั้นพจำนนดนำสกสแสสไสกวแฝดไ
น่าจะไม่รอดครับ พรบ.เลือกตั้ง ถึงจะห้ามหาเสียง แต่ก็ไม่ได้ทำแคมเปญจน์ บนโซเชียลเนตเวิร์ค
ผมมองว่า
จาก fb ที่ไม่ยุ่งการเมือง มุ่งเน้นเป็นพ่อค้ารับค่าโฆษณา
กลายมาเป็นผู้จัดการเนื้อหาการเมืองได้ ซะมากกว่า
ตั้งแต่ fb ขยับตัว ก็เหมือนจะกรองเนื้อหาบางอย่างหายไปแทบหมดจด อย่างเช่นข่าวจาก rt.com
รวมถึงคนที่เคยแชร์พวกนี้รัวๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย (พี่มาร์ก อุ้มไปละ?)
ถ้าใช้ระบบเดียวกันกับประเทศเป้าหมาย เช่น บ้านเรา
มันสามารถ ควบคุมและกรองเนื้อหาจากสีนึง
แล้วปล่อยให้แสดงแต่เนื้อหาจากอีกสีนึง เป็นวงกว้างได้เลย