นักวิจัยจากมหาิทยาลัย New York และ Princeton ทำงานวิจัยเผยให้รู้ว่า คนอเมริกันที่แชร์ข่าวปลอม ส่วนใหญ่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
งานวิจัยตีพิมพ์ใน Science Advance เป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้งาน Facebook ในช่วงหลายเดือนก่อนและหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 โดยช่วงต้นปีนักวิจัยเริ่มทำงานกับบริษัทวิจัย YouGov เพื่อรวบรวมผู้คนให้ได้จำนวน 3,500 คน (มีทั้งคนที่ใช้และไม่ใช้ Facebook)
จนกระทั่งในวันที่ 16 พฤศจิกายนหลังการเลือกตั้ง กลุ่มนักวิจัยขอให้ผู้ใช้ Facebook ติดตั้งแอพที่เป็นการขออนุญาตให้พวกเขาแชร์ข้อมูลการแชร์ข่าวของตัวเอง หน้าโปรไฟล์ที่มองเห็นได้สาธารณะ เพจที่พวกเขากดติดตามไว้ เพื่อจะดูเนื้อหาที่พวกเขาแชร์นั่นเองซึ่งมักสะท้อนมุมมองการเมือง ศาสนาของตนเอง โดยมีผู้ใช้งาน Facebook 49% ยินยอมแชร์ข้อมูลให้นักวิจัยดู
จากนั้นนักวิจัยได้ตรวจสอบลิงก์ที่ผู้ให้ทำวิจัยโพสต์ลงในไทม์ไลน์ของตน กับรายการโดเมนเว็บที่มีข่าวปลอมในอดีตซึ่งรวบรวมโดย Craig Silverman นักข่าวของ BuzzFeed และสอบลิงก์กับรายการข่าวและโดเมนปลอมอีกสี่รายการเพื่อดูว่าผลลัพธ์จะสอดคล้องกันหรือไม่
ภาพจาก Shutterstock
ราว 8.5% ของผู้ให้การสำรวจแชร์ข่าวปลอม ผู้ใช้ที่ระบุตนว่าเป็นอนุรักษ์นิยมก็มีแนวโน้มจะแชร์ข่าวปลอมมากกว่ากลุ่มเสรีนิยม แต่เมื่อแยกเป็นอายุพบผลลัพธ์น่าสนใจคือ คนอายุมากกว่า 65 ปีราว 11% แชร์ข่าวปลอม เทียบกับคนอายุ 18-29 มีเพียง 3% เท่านั้น เรียกได้ว่าคนมีอายุแชร์ข่าวปลอมมากกว่าคนอายุน้อยหลายเท่าตัว
ในงานวิจัยไม่ได้สรุปว่าทำไมผู้ใช้ที่มีอายุมากมีแนวโน้มที่จะแชร์ข่าวปลอมมาก แต่นักวิจัยได้ชี้ไปที่ความเป็นไปได้คือผู้สูงอายุที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตช้ากว่ายังขาดทักษะ digital literacy หรือทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้พวกเขาติดกับดักข่าวปลอมได้ง่าย
ที่มา - The Verge
Comments
ประเภทแชร์แล้วรวย แชร์แล้ถ้าถูกหวยก็บ่อย
งานวิจัยนี้ ใช้กับคนไทยไม่ได้
+1 เจอกับตัวเลยครับ แม้แต่พ่อผมเองก็ด้วย เรื่องจริงไม่ต้องสงสัย เป็นหมดทุกกลุ่มอายุครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เพราะอะไร ไม่อธิบายสักหน่อยหรอครับ
น่าจะเป็นเพราะ คนไทยเข้าถึงคอมและเน็ตช้ากว่าประเทศเจริญๆหลายปี
น่าจะเพราะคนไทยถูกปลูกฝังให้ 'เชื่อง' มากกว่าครับ
ต้องเชื่อฟังโดยไร้ข้อสงสัย ว่านอนสอนง่าย คนไทยไม่ได้พัฒนากระบวนการคิด
เช่น
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่,
หัวก้าวหน้า กล้าพูดในสิ่งที่คิดก็บอก แก่แดด,
ผู้ใหญ่เถียงสู้ไม่ได้ก็บอก ไม่เคารพผู้ใหญ่
ถ้าเหตุผลนี้ มันสนับสนุนผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้ครับ ว่าผู้สูงอายุชอบแชร์โดยไม่คิด
แต่ข้อความของต้น comment บอกว่าใช้กับประเทศไทยไม่ได้ แสดงว่าต้องมีอะไรที่ประเทศไทยปฏิเสธสมมติฐานงานวิจัยนี้ครับ เลยอยากรู้ว่าอะไร
เค้าน่าจะหมายความว่าที่ไทย อายุน้อยก็แชร์ข่าวปลอมเหมือนกัน
เอาแบบง่ายๆ เลยครับ Hotmail กำลังจะเก็บเงิน Facebook กำลังจะเก็บเงิน ต้องส่งต่อข้อความนี้ต่อไป บลาๆๆ เรามักจะเห็นอะไรแบบนี้ส่งต่อๆ กันมาโดยคนทุกช่วงอายุ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา แต่ช่วงหลังๆ ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ แล้วเพราะน่าจะมีภูมิคุ้มกันกันมากขึ้น สาธุ 99+
ถ้าเหตุผลนี้ มันสนับสนุนผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้ครับ ว่าผู้สูงอายุชอบแชร์โดยไม่คิด
แต่ข้อความของต้น comment บอกว่าใช้กับประเทศไทยไม่ได้ แสดงว่าต้องมีอะไรที่ประเทศไทยปฏิเสธสมมติฐานงานวิจัยนี้ครับ เลยอยากรู้ว่าอะไร
คือมันก็ไม่เชิงว่าหักล้างหรือโต้แย้งครับ แต่อาจจะเป็นการสนับสนุนมากกว่า คือมีทั้งผู้สูงอายุที่เข้าข่าย แต่อาจจะมีช่วงอายุอื่นก็เข้าข่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่ามีมากน้อยแค่ไหน
เค้าหมายถึงว่า ไทยจะเป็นทุกช่วงอายุครับ
พ่อผมนี่ตัวแชร์เลย ข่าวปลอมข่าวมั่ว กดแชร์หมด
แต่ผมว่าจริงนะ คนมีอายุมีแนวโน้มเชื่อข่าวปลอมที่แชร์กันในโลกออนไลน์มากกว่าคนอายุน้อย สังเกตุจากคนรอบๆตัว แถมบางทีเราโดนด่าอีก เถียงก็ไม่ได้บางคนเขาบอกอาบน้ำร้อนมาก่อน
ผมว่าคนมีอายุอาจจะชินกับสมัยยุคที่สื่อต่างมีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพกว่านี้นะครับ
ผมกลับเห็นต่างคือ มันเป็นยุคที่ช่องทางการรับสื่อมีอยู่จำกัด และการจะหาข้อหักล้างเมื่อเกิดการสงสัยก็ยากที่จะไปสืบเสาะหามาได้ เลยกลายเป็นว่าเมื่อสื่อหลักบอกอะไรมาก็ มุมมองและแนวคิดของประชาชนเลยสามารถชี้นำหรือชักจูงได้ง่าย เลยกลายมาเป็นแนวคิดในการรัยสาส์นของคน generation นี้
เห็นด้วยกับเมนต์บนนะ
แต่ก่อน(จนถึงปัจจุบัน) แม้แต่สื่อกระแสหลักก็มั่วเยอะ แต่สมัยนี้มันตรวจสอบฃ่ายขึ้น คนรู้ทันมากขึ้น
ยุคสมัยข่าวว่านักศึกษาธรรมศาสตร์เป็นพวกหัวรุนแรงก็สื่อหลักนะครับ
คิดว่าหลักๆก็ความสามารถแยะแยกข้อมูลถูกผิดคนสมัยก่อนมีจำกัดว่าสมัยนี้ ทำให้ปรับตามไม่ทัน
รวมถึงการอยากทำตัวโชว์ว่าตนมีคุณค่า หรือ เร็วไว้ก่อนเพื่อโอ้อวดบางอย่าง
อย่างของไทยเราปัจจุบันจะมีเรื่องสื่อชี้นำ หรือไอดอลของตนชี้นำ ถ้าต้นทางผิดก็จะเฮผิดตามไปกัน บางเคสใครพลาดไปขวางก็จะโดนรุม Bully ทั้งที่คนแย้งอาจจะถูกก็ตาม
อย่างเช่น ข่าวป้าเมียทหารถีบคนท้อง ตายายเก็บเห็ด แพะครูขับรถชน ฯลฯ พอมีเซเลปทางโซเชี่ยลชี้ไปทางไหนคนก็พร้อมจะเฮไปทางนั้น แต่พอความจริงเฉลยไปอีกทางเหรอ เหอะๆๆๆ.......
ขนาดเพจดังๆที่แอดเคยเป็นหมอ ชอบบอกคนอื่นจะแชร์อะไรก็หัดคิดหน่อยก็ยังพลาดเพราะรีบแชร์เหมือนกัน
+1
ฉายาศาสดาของคนโง่ไม่ได้มากันง่ายๆ ครับ
ขนาดผิดแล้วยังไม่ขอโทษเลย ไปเล่นเรื่องอื่นแทนกลยเกบื่อนความเงิบของตัวเอง
น่าจะจริงครับ เห็นแชร์เรื่อง โค้กเอาไปขัดส้วมได้ ไม่ควรกิน อะไรแบบนี้บ่อยๆ
📸
พูดเรื่องนี้แล้วเหนื่อย ในเกรู๊ปเครือญาติผมต้องคอยแก้พวกข่าวปลอมที่ญาติ ๆชอบเอามาแชร์กันในกลุ่มแทบทุกวันบางอันแชร์แล้วก็แชร์อีก จะนิ่ง ๆก็กลัวเอาไปทำกันจริง ๆพวกข่าวกินอันนี้แล้วโรคหาย กินนี่กับนี่แล้วตาย ...
พ่อแม่ผมอายุ 50 ก็แชร์แล้วอะ สมุนไพรรักษาทุกโลก กิน xxx เพื่อสุขภาพ แถมว่าบอกด้วยว่าคนที่แชร์เป็นหมอจบ....เชื่อถือได้ จะไปซื้อมาใช้บ้าง ผมนี่เพลียแทน เบรกแทบไม่ทัน
นึกถึงโฆษณานมเด็ก ที่โม้ว่านมเด็ก@#$& ดีกว่านมแม่
สุดท้ายเป็นหมอปลอม. ทำงานวิจัยปลอม. ที่มีคนหลงเชื่อเยอะมาก
แบรนด์สินค้าดังระดับโลกก็ดันหลงเชื่อเป็นทอดๆ เอางานวิจัยปลอมมาอ้างแล้วทำการตลาดระดับโลก
กว่าจะเปิดโปงได้ผ่านเกือบสี่ยิบปี เสียหายวงกว้างแค่ไหนคิดดู
ขิงยิ่งแก่ ยิ่งเผ็ด
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
สิงที่ผมคิด เป็นจริง
เรื่องข่าวปลอมนี่ผมพยายามเทรนแม่ผม(ฮา)เสมอๆเรื่องนี้ แล้วก็กดไลค์เพจชัวร์ก่อนแชร์หรือเพจอาจารย์เจษไว้ให้ ก็ช่วยได้มากขึ้น เดี๊ยวนี้ดูจะไตร่ตรองตลอด อันไหนดูแปลกๆจะส่งมาถามลูกก่อนว่าอันนี้จริงไหม ตรวจสอบให้หน่อย อะไรอย่างนี้
ผมว่า ก่อนที่เราจะบ่นว่าพ่อแม่เราชอบแชร์อะไรแปลกๆ การที่เราดูแลเอาใจใส่ผู้ปกครองญาติผู้ใหญ่ของเราก็เป็นเรื่องดีเรื่องน่ารักนะ ยอมรับว่าอาจจะยากหน่อย แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดีกว่าให้ท่านเชื่ออะไรผิดๆไปปฏิบัติ ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพยิ่งอันตราย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะแม่ผมท่านยอมรับด้วยแหละว่าเรื่องเทคโนโลยีท่านประสบการณ์น้อยกว่าเรา ท่านเลยปรึกษาเรา
อย่างไรก็ดี ในหัวข้อนี้มันเน้นเกี่ยวกับเรื่อง "การเมือง" ซึ่งมันก็เป็นอีกกรณีที่แตกต่าง มันไม่ใช่ข่าวปลอมแบบวิทยาศาสตร์ที่คนจะยอมรับหรือเชื่อจากข้อมูลจริง
ผมนี่ต้องไปนั่งอ่าน Paper เพื่อมาดีเบตกับคุณพ่อคุณแม่เลย
เพราะแชร์ข่าวมั่วประจำ ยิ่งส่วนมาเป็นเรื่องอาหารหารการกิน ยิ่งน่าเป็นห่วง