รายงานจาก Edison Research พบว่า Facebook สูญเสียฐานผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 15 ล้านคน นับตั้งแต่ปี 2017 จนถึงปัจจุบัน โดยช่วงอายุคนที่เลิกใช้งานมากที่สุดอยู่ในกลุ่ม 12-34 ปี
ตัวเลขวิจัยอาจขัดแย้งกับผลประกอบการ Facebook ไตรมาส 4 ปี 2018 ที่ระบุว่าจำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกเดือน (MAUs) อยู่ที่ 2,320 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ส่วนจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) คือ 1,523 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9% เช่นกัน และยังบอกด้วยว่าตัวเลขในสหรัฐและแคนาดามีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ซึ่ง Larry Rosin ประธานสำนักวิจัย Edison Research บอกว่า Facebook ให้ตัวเลขในระดับผู้ใช้งานทั้งโลก แต่การสำรวจวิจัยนี้ชี้เฉพาะคนใช้งานในสหรัฐฯ ซึ่งคำถามที่สำนักวิจัยตั้งคือ “ปัจจุบันคุณใช้ Facebook อยู่หรือไม่” ในขณะที่ Facebook อาจใช้ตัวเลขจากฐานคิดต่างกัน และตั้งคำถามต่างออกไป เช่น เคยเปิดใช้งานแอพหรือไม่ หรือเปิดใช้งานในระดับใด
วิธีการวิจัยของ Edison Research สัมภาษณ์ 1,500 คนสำรวจพติกรรมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลและสื่อใหม่ของชาวอเมริกันอายุ 12 ปีขึ้นไป
ตัวเลข 15 ล้านคนเมื่อเทียบกับทั้งโลกก็ยังถือว่าไม่กระทบมาก แต่การสูญเสีย 15 ล้านคนภายใน 1-2 ปี นั้นก็ไม่น้อยเลยทีเดียว โดย Facebook เจอมรสุมหนักที่สุดในปี 2018 ตั้งแต่ข่าวปลอมที่ยังไม่ทันจะแก้เสร็จสมบูรณ์ก็มีเรื่องข้อมูลหลุดเข้ามาพัวพัน
ที่มา - Fast Company
Comments
แล้ว เค้า ไปเล่น อะไรกัน นะ ครับ เพื่อจะหนีไปบล้าง
ผมว่าเค้าก็ไม่ได้ไปเล่นอะไรแทนนะ คือ ก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้บวกกับข่าวที่ออกๆมา ก็ไม่ใช้ก็ได้
ส่วนมากเห็นว่าเจนใหม่เค้าเล่น Snapchat กันนะครับ
ไปตามพฤติกรรมแหละครับ สายแผือกก็ทวิตเตอร์ สายคอนเท้นวีดีโอก็ยูทูบ สายเกมก็ทวิต
อยากเลิกเหมือนกัน
ช่วงนี้เลิกเล่น Facebook ไปครึ่งเดือนแล้ว ชีวิตก็ดีขึ้นนะ ไม่เครียด เบาสมองดีครับ
ทางระบบก็ส่ง Email แนะนำเพื่อนใหม่ ความเคลื่อนไหวของเพื่อนสนิทมาให้เพียบเลย
จะยื้อให้กลับไปเล่นเหมือนเดิม แต่ไม่อยากกลับไปแล้ว Facebook ชอบหาว่าผมเป็น Bot แล้วมาแบน
หลังจากคุณเลิกเล่น Facebook ไปสักพัก มันจะตามไปหลอกหลอน คุณในโฆษณาบน Social อื่นๆ ผมเลิกเล่นมา เกือบปีแล้ว ยังตามไปลงโฆษณาใน Youtube ชวนกลับไปอยู่นั่นแหล่ะ โดนมา 2 รอบแล้ว ไปคลิปไหน ก็มีแต่โฆษณา Facebook ตามไปหลอกหลอน
แต่เลิกเล่นได้ก็ดีนะ มันเหมือนเป็นที่สร้างภาพตัวตนปลอมๆ ขึ้นมา ให้ชีวิตดูดี มีความสุขกันตลอด อวดเพื่อน ทั้งๆ ที่ตัวตนจริงๆ อาจมี Life Style อีกแบบ
แล้วก็จะมีพวกนึงจะไปตั้งกระทู้ใน pantip บอกว่ารู้สึกตัวเองไร้ค่า ตกต่ำ กำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า พอเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ที่ชีวิตดี๊ดี กินหรู อยู่สบาย เที่ยวนั่นนี่ตลอดในเฟซบุ๊ค
ผมเจอโฆษณาช่วงแรกๆ แต่หลังๆ มาไม่เคยเจอโฆษณา facebook เลยนะครับ เจอแต่โฆษณา Netflix
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อยู่ที่คนจะใช้มากกว่า หลักๆผมก็ใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของเพื่อนที่เป็นเพื่อนจริงๆ เช่นบางคนย้ายไปอยู่ที่อื่นไกลๆ เราก็ยังเห็นว่าชีวิตมันเป็นยังไงมีลูกแล้วกี่คนหน้าตาลูกมันเป็นยังไงไรแบบนี้
ส่วนเรื่องอวดรวยผมมองเป็นเรื่องธรรมดา ในชีวิตจริงก็เจอเป็นปกติ ในโลกออนไลน์ยังจัดการง่ายกว่าอีกไม่พอใจก็ Unfollow ก็จบ แต่ในชีวิตจริงบางทีต้องทนดูเพราะหนีจากมันไม่ได้เช่นเพื่อนร่วมงานไรอย่างงี้
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่ในโลกแห่งความเป็นจริง ก็โลกเสมือน หรือไม่ก็ทั้งคู่