หลังจากปล่อยภาพทีเซอร์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ในที่สุด Valve เปิดตัวแว่น VR ของตัวเองอย่างเป็นทางการในชื่อ Valve Index
Valve Index เป็นแว่น VR ที่ใช้กับแพลตฟอร์ม SteamVR แบบเดียวกับที่เคยพาร์ทเนอร์กับ HTC ทำแว่นตระกูล Vive (แต่เคสนี้คือ Valve ทำเองทั้งหมดโดยไม่พึ่งพา HTC อีกแล้ว)
ในชุดของ Valve Index ประกอบด้วยอุปกรณ์ทั้งหมด 3 ชิ้นคือ แว่น, คอนโทรลเลอร์ และตัวดักจับความเคลื่อนไหวภายนอก (Base Station)
Headset ตัวแว่นครอบศีรษะเป็นแว่นความละเอียดสูง เป็นจอ LCD ความละเอียดข้างละ 1440x1600 ซึ่ง Valve คุยว่ามีพิกเซลรวมเยอะกว่าจอ OLED ถึง 50% ให้ภาพที่คมชัดกว่าจากการเรนเดอร์แบบเดียวกัน, เฟรมเรตสูงถึง 120Hz และมีโหมดเร่งได้ถึง 144Hz, เลนส์คุณภาพสูงกว่า มีมุมมองมากกว่าแว่น HTC Vive 20 องศา
ระบบเสียงของ Valve Index เป็นแบบ off-ear คือหูฟังไม่ต้องแนบกับหู แต่ลอยอยู่เหนือหูเพื่อให้เสียงเปล่งออกมาได้มีมิติมากขึ้น ใส่สบายกว่า ไม่ร้อน ไม่อึดอัด หูฟังสามารถปรับตำแหน่งได้ตามต้องการ
ตัวแว่น Valve Index ยังมีกล้อง RGB ด้านหน้า เพื่อใช้จับภาพเบื้องหน้าส่งต่อไปยังจอภาพ และ Valve จะเปิดให้นักพัฒนาเข้าถึงอินพุตตรงนี้ด้วย นอกจากนี้ ด้านหน้าของตัวแว่นยังมีช่อง USB Type-A สำหรับเสียบอุปกรณ์ต่อพ่วงในอนาคต
ตัวแว่นอย่างเดียวขายในราคา 499 ดอลลาร์
Controller ชื่ออย่างเป็นทางการของคอนโทรลเลอร์ตัวนี้คือ Valve Index Controllers เป็นคอนโทรลเลอร์ 2 ชิ้นสำหรับ 2 มือเหมือนกับคอนโทรลเลอร์ของแว่น VR ยี่ห้ออื่นๆ
Valve คุยว่าคอนโทรลเลอร์ตัวนี้มีเซ็นเซอร์ถึง 87 จุดต่อข้าง สามารถดักจับตำแหน่งและท่าทางของมือ นิ้วมือ ความแรงในการกด ได้อย่างละเอียด, มีอินพุตให้เลือกหลากหลายทั้งปุ่ม A/B สำหรับเกมปกติ, ก้าน thumbstick, ปุ่มกด trigger, ปุ่ม trackpad ที่ใช้สำหรับแตะ ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือรองรับการบีบ (squeeze) โดยวัดน้ำหนักของการบีบได้ด้วย
แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 7 ชั่วโมง และมีระบบชาร์จเร็ว ตัวคอนโทรลเลอร์ขายแยกในชุดละ 279 ดอลลาร์
Base Station 2.0 แว่น Valve Index ยังเลือกใช้ตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวภายนอก (external tracking) แทนการใช้ระบบตรวจจับภายในตัวแว่น ด้วยเหตุผลว่าการมีตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวอยู่ภายนอกให้คุณภาพดีกว่า แถมกรณีนี้ยังต้องใช้ถึง 2 ตัวทำงานร่วมกัน
Base Station 2.0 มีมุมมอง (FOV) กว้างขึ้นเป็น 160º x 115º ระยะทำการเพิ่มเป็น 7 เมตร รองรับพื้นที่เล่นเกมใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ตัวเลเซอร์กวาดพื้นที่ 100 ครั้งต่อวินาที ให้ความแม่นยำระดับละเอียดกว่ามิลลิเมตร และถ้าไม่พอใจยังสามารถซื้อ Base Station ตัวที่ 3 และ 4 เพื่อสร้างพื้นที่เล่นเกมขนาดใหญ่ถึง 10x10 เมตรได้ด้วย
Base Station ขายเป็นชุด 2 ตัว ราคา 149 ดอลลาร์
เนื่องจาก Valve Index เป็นแว่นระดับพรีเมียม เน้นลูกค้าที่ต้องการคุณภาพของ VR ระดับสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ราคาขายทั้งชุดคือ แว่น คอนโทรลเลอร์ และ Base Station รวมกันจึงอยู่ที่ 999 ดอลลาร์ หรือถ้าซื้อเฉพาะแว่นกับคอนโทรลเลอร์ก็คือ 749 ดอลลาร์
Comments
ระดับพรีเมี่ยมนี่มีมากมายก่ายกอง
น่าจะทำระดับราคาถูกออกมาบ้าง ตลอด VR จะได้กว้างขึ้น
ผมว่ากลับกันนะครับ VR ราคาถูกมีไล่ไปตั้งแต่ มือถือ + Cardboard ราคาหลักสิบ แว่น Google daydream,Samsung Gear VR แพงขึ้นมาหน่อย หลักหมื่นต้น ๆ PS VR, Windows Mixed reality headset (อันนี้มีหลายยี่ห้อหลายตัวเลือกมาก), Oculus GO
ส่วนระดับพรีเมี่ยมมีอยู่ 3 รุ่นเองครับ HTC Vive, Oculus Rift, ละก็ Valve Index สามตัวแค่นี่เองนะครับ และสามตัวนี้เป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันวงการ VR ไปข้างหน้าด้วยครับ
ตัว Headset จะยังกิน USB Resource เยอะเหมือน Vive มั้ยนะ
ไม่ชอบหูฟังที่ออกแบบเลยแฮะ แบบนี้เสียงลอดรบกวนชาวบ้านน่าจะหนักกว่าพวกหูฟังแบบ Open Back อีก - -"
ปกติ VR เขาก็เล่นกันในห้องอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ไม่ใช่อยู่ในที่ๆมีคนอยู่เยอะๆเพราะเหวี่ยงแขนไปมา+เดินนิดหน่อย ผมอยากให้ทำหูฟังแบบนี้ออกมาขายมากเลยนะหูฟังปกติใส่สักพักก็เจ็บหู แบบครอบหูก็ร้อน เลยใช้ลำโพงแทน
ไม่เหมาะเวลาเอามาดูหนังครับ โดยเฉพาะหนังเฉพาะทางพวกสารคดี 360 มันค่อนข้างรบกวนชาวบ้าน ต่อให้อยู่ในห้องก็เถอะ
ผมซื้อที่ครอบหูฟังแบบผ้ามาครอบอีกชั้นนึงครับ ไม่ร้อน ไม่อับดี เป็นของ vrcover
อย่าใช้เลนส์ห่วยๆแบบ Vive แล้วกันครับ เกลียดมากเลย
ถ้าแว่นใช้ร่วมกับจอย และ Sensor Vive ได้ผมรอซื้อเลยเนี่ย
ภาพชัดกว่า PSVR แน่นอน
เอ๋ ซื้อแยกถูกกว่าซื้อเป้นชุดหรือครับ
$999 กับ $749+$149