Nissan มีเทคโนโลยีช่วยขับ ProPILOT ติดตั้งอยู่ในรถยนต์หลายรุ่น เช่น Nissan LEAF รุ่นใหม่, Nissan Altima, Nissan Rogue (X-Trail ในไทย) และ Nissan Qashqai สามารถรักษารถให้อยู่ในเลนตัวเองได้แต่ผู้ขับขี่ยังต้องเอามือจับพวงมาลัยไว้ตลอดเวลา ล่าสุด Nissan ประกาศเปิดตัวระบบ ProPILOT 2.0 แล้ว
Nissan ProPILOT 2.0 พัฒนาจากของเดิมตรงที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องจับพวงมาลัยแล้ว และเพิ่มระบบตรวจจับว่าผู้ขับขี่ยังตื่นตัวอยู่หรือไม่ หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้เข้ามาควบคุมรถได้ทัน
นอกจากนี้ ProPILOT 2.0 ยังใช้กล้อง, เรดาร์, โซนาร์ เพื่อการวาดแผนที่รอบตัวรถแบบเรียลไทม์อีกด้วย
แม้ระบบ ProPILOT 2.0 จะยังคิดเปลี่ยนเลนเองแบบ Tesla Autopilot ไม่ได้ แต่ระบบสามารถรู้ได้ว่ารถคันข้างหน้ากำลังขับช้าและแนะนำให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเลนเพื่อแซงได้ โดยรถจะส่งเสียงแจ้งและขึ้นข้อความบนหน้าจอ จากนั้นผู้ขับขี่ต้องเอามือจับพวงมาลัยและเปิดไฟเลี้ยวเพื่อยืนยัน รถจึงจะเปลี่ยนเลนและแซงให้อัตโนมัติ เมื่อผ่านรถคันที่ช้าไปแล้ว ผู้ขับขี่ก็ต้องเปิดไฟเลี้ยวอีกครั้งเพื่อบอกให้รถกลับเลนเดิม
หากผู้ขับขี่ต้องการเปลี่ยนเลนเฉยๆ ก็สามารถทำได้โดยการจับพวงมาลัยและเปิดไฟเลี้ยวค้างไว้ รถจะดูว่าปลอดภัยหรือไม่แล้วจะเปลี่ยนเลนให้เอง
เทคโนโลยี ProPILOT 2.0 จะถูกติดตั้งมาครั้งแรกในรถ Nissan Skyline รุ่นใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นซึ่งจะเริ่มจำหน่ายช่วงสิ้นปีนี้
เซ็นเซอร์ตรวจจับความตื่นตัวของผู้ขับ
ที่มา - Nissan Global Newsroom
Comments
ไม่ใช้ LIDAR แฮะ
lewcpe.com, @wasonliw
Engadget บอกว่าใช้ LIDAR แต่ press release ของ Nissan ไม่เห็นพูดถึงอะครับ ผมเลยยึดตาม Nissan
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
เทคโนโลยี ProPILOT 2.0 จะถูกติดตั้งมาครั้งแรกในรถ Nissan Skyline รุ่นใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นซึ่งจะเริ่มจำหน่ายช่วงสิ้นปีนี้
ตั้งครุยซ์ไปเลยที่ 180 จากนั้นก็ปล่อยมันทำงานไป 555
ยี่ห้ออื่นจะอัพด้วย software ได้ไหม ทุกวันนี้ขับประคองพวงมาลัยก็แทบไม่ได้ดูถนนแล้ว
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ของ nissan น่าจะใช้ระบบตรวจจับการตื่นตัวที่เพิ่มมาครับ เลยสามารถเอามือออกจากพวงมาลัยได้
ผมนี่อ่านข่าวข้างล่างติดกันเลยครับ
มีเซ็นเซอร์เปลือกตาเพิ่มมาไว้ detect คนหลับ
นำมาใช้ในไทย ไม่สามารถทำงานกับถนนบางเส้นได้ เพราะหาเส้นแบ่งเลนไม่เจอ หรือไม่ก็เส้นแบ่งเลนจางซีดจนแทบมองไม่เห็น
ฮาร์ดแวร์ดูซ้ำซ้อนไปหน่อยมั้ยอะ มีเซ็นเซอร์กระทั่งจับความตื่นตัวของผู้ขับ อรรถประโยชน์ด้อยกว่ากล้องธรรมดาอย่าง Model 3 มาก
ไม่แน่ใจว่าการจับด้วยคลื่นสะท้อนจะมีปัญหาแทรกสอดเมื่อใช้กันทุกคันรึเปล่า แต่ยังไงมันก็เหมือนใช้มีดฆ่าโคมาฆ่าไก่อยู่ดี เพราะรถไร้คนขับ แค่กล้องก็เกินพอขอแค่ AI ที่ทรงพลัง
ในขณะที่สินค้าก็ต้องทำออกมาขาย และต้องแข่งกับคู่แข่ง และเราก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้เราสามารถไว้ใจ AI ได้ขนาดไหน การพยายามสร้างความมั่นใจและทำให้รู้สึกปลอดภัยกับผู้ขับขี่ มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องซ้ำซ้อนหรือมากเกินไป ถ้าเทียบตรรกะแบบเดียวกันถุงลมนิรภัยก็คงไม่จำเป็น แค่ทำ AI ให้ทรงพลังเพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ทุกรูปแบบ
ตรรกะผมพูดถึงฟังชั่นในหน้าที่ของมันอะครับ ไม่แน่ใจว่าผมสื่อดีรึเปล่า
เพราะเรื่องถุงลมนิรภัยมันอยู่ในฟังชั่น "รักษาชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุ"
แต่ในแง่ฟังชั่น "ตรวจจับ" การรับรู้ด้วยแสง(กล้องจับภาพหรือไลด้า) ศักยภาพของฮาร์ดแวร์เพียงพอให้ให้จับทุกอย่างที่อยู่รอบตัวรถได้แล้ว อยู่ที่ซอฟแวร์แล้วว่ามันจะเข้าใจในวันไหน
ผมเข้าใจความหมายคุณเรื่องแข่งกับคู่แข่งนะ
แต่ผมเชื่อว่าในอนาคต กล้องรับแสงมันทำฟังชั่น "ตรวจจับ" ได้เพอร์เฟคในตัวมันเอง
เดี๋ยวเรามารอดูศักยภาพของมันกันในอนาคตครับ จะเข้าใจฮาร์ดแวร์เท่านี้ พลังมันเยอะแค่ไหน และจะเป็นเทรนของรถไร้คนขับในตอนนั้น
น่าจะเพราะว่า AI มันยังไม่ดีพอและไม่สามารถใช้ได้ในทุกสภาพแสงนะครับ เลยต้องใช้ sensor อื่นๆประกอบด้วย
Toyota C-HR รุ่นที่ขายในไทย แค่ cruise mode ก็ใช้ทั้งกล้องและ radar แต่ก็ยังเคยพลาดมองไม่เห็นรถคันหน้าเลยครับ
สำหรับผมคงจะ level 0 แล้วรอไปทีเดียว level 5 เลยดีกว่าแฮ่ะ ช่วงนี้มันดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ