อะไรก็เกิดขึ้นได้กับไมโครซอฟท์ยุคนี้ ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศเปิดเอกสารสเปกของ exFAT ระบบไฟล์ที่ไมโครซอฟท์พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับสตอเรจแบบเสียบได้ เช่น SD card หรือ USB drive เพื่อให้เคอร์เนลลินุกซ์สามารถทำงานกับระบบไฟล์นี้ได้ราบรื่นกว่าเดิม
ระบบไฟล์ exFAT เป็นสิทธิบัตรของไมโครซอฟท์มาตั้งแต่เริ่มใช้งานในปี 2006 และไมโครซอฟท์ก็ประกาศให้สิทธิการคุ้มครองสิทธิบัตรตัวนี้กับองค์กร Open Invention Network (OIN) ที่ทำหน้าที่คอยคุ้มครองโลกโอเพนซอร์สจากการถูกฟ้องสิทธิบัตรด้วย
ตัวเอกสารสามารถอ่านได้จาก Microsoft
ที่มา - Microsoft
ภาพจาก Microsoft
Comments
เพ่ก็ Hardcore เกิ๊น
ข่าวดีสำหรับคนใช้และนักพัฒนา Linux จริงๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ในเมื่อ Linux ไม่มีคนใช้งานกันอยู่แล้วจะทำไปเพื่ออะไร
Linux developer / Linux DevOps / Developer ที่สามารถ develop system ที่ run อยู่บน server ไหนก็ได้แต่ไม่ชอบ Mac บลาๆๆ
Android ไม่มีคนไช้เหรอ ???
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Azure cloud
เดี๋ยวนี้เค้าไม่ใช้กันแล้วหรอครับ แล้วเค้าใช้อะไรครับ
วันไหนจะเปิด open source windows ล่ะ 555
ที่ทำแบบนี้อยากรู้ว่าเขามีแผนอะไร ไม่ใช่ระยะสั้นนะ แต่ระยะยาวแล้ว MS จะได้อะไร
Windows เป็นมิตรกับ OS อื่นๆ อ่านเขียนไฟล์ system ยุคใหม่แบบข้าม platform ได้ทดแทน FAT32 ที่มีข้อจำกัดเรื่อง filesize เดิม เป็นทางออกที่ดี และทำให้การทำงานข้ามกันทำได้ง่ายขึ้นมาก (มากจริงๆ)
คือในแวดวงธุรกิจ Microsoft มีชุดซอฟต์แวร์หลักระดับพื้นฐานที่ตอบโจทย์กว่า ทั้งคู่มือ การฝึกอบรม และชุมชน-ตัวอุตสาหกรรมสนับสนุน ถ้านึกไม่ออกก็ Office นั้นแหละ คือไปใช้พวก open source อย่างชุด Office ตัวอื่นๆ ก็ได้ แต่มันมีต้นทุนแผงเยอะกว่ามาก (ใน 3 ปัจจัยที่กล่าวไปแล้ว) การจะใช้ Office ได้และทำงานได้ครบ ก็ต้องใช้บน Windows
แล้วหากเอาไปเชื่อมต่อบนระบบใหญ่ๆ ตลาด Server ในรายย่อยถึงกลางมักใช้ Linux การที่ซอฟต์แวร์ client เป็น Windows ที่ user ทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรกว่า Linux นั้น การสนับสนุนข้างต้นนั้น ทำให้ Windows ทำงานร่วมกับ Linux ได้ดีขึ้น แม้จะไม่ได้ค่า license ฝั่ง Server แต่ฝั่ง client ยังคงตอบโจทย์
และหากต้องการใช้ฐานข้อมูลเฉย ๆ การที่ SQL Server ทำงานได้บน Linux ก็ยังขายชุด SQL Server บน Linux ก็ยังได้ ซึ่ง partner ที่ Microsoft มีอย่าง SUSE ก็ยังขายชุดนี้ได้เช่นกัน
หากคิดว่าซื้อเครื่อง ซื้อ S/W ต่างๆ เป็นก้อนมันแพง ย้ายไปบน Azure ก็ได้ มีให้เลือกทั้งหมดครบ stack อยากได้ OS แบบไหน ฐานข้อมูลแบบไหน กดเลือกใช้เป็น on-demand เอา จ่ายรายชั่วโมงใช้ตามต้องการ แบบเดียวกับ Office 365 และ Microsoft 365 (Windows+Office)
ทั้งหมดที่เล่ามา จะเห็นว่า การมีชุดซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนแบบเปิด เพิ่มทางเลือก มันจะต้องมีจุดใดจุดหนึ่ง ที่ตัว Microsoft เองมีส่วนร่วมเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่ ๆ สักจุด และรุกคืบไปเรื่อยๆ เร็วๆ นี้ก็ฝั่ง Java ที่เพิ่งไปซื้อบริษัทที่ดูแล Java JDK ทางเลือกอย่าง AdoptOpenJDK ด้วย
แล้วแผนถัดไปที่กำลังมาคือ Windows มี Linux kernel ตัวเต็มที่ทำบน WSL2 ทำให้รันงานที่ใช้งานบน Linux ได้ผ่าน Windows โดยไม่ต้องลง VM ไปก่อนอีกรอบ ทำให้ overhead ระหว่าง layer OS มันบางลง ทำให้การย้ายไปใช้ macOS ที่ตัวมันเป็น Unix based ก็น้อยลง เพราะทำงานบน Windows ก็ได้แบบเดียวกัน
+1
+1
ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ FCPX, LPX, Sketch บน Mac ก็ซื้อ laptop ธรรมดามาเปลี่ยนจอก็ได้
ผมว่าถ้ามองแบบหยาบ ๆ ตอนนี้คนซื้อ pc ด้วยเหตุผลหลัก ๆ สองอย่าง เล่นเกม กับ ทำงานที่มากกว่างานทั่ว ๆ ไปอย่าง dev
ตอนนี้ในส่วนของเกม windows ยึดได้เกือบหมดแล้ว ฝั่ง dev ส่วนใหญ่ตอนนี้เลือก mac เป็นหลัก ถ้ามี linux มาเสริมก็น่าจะดึงกลับมาได้บ้าง
น่าจะเดินหน้าแบบคู่น่ะครับ Windows+Linux เพื่อจัดการกับระบบในอนาคต ยิ่ง MS ปล่อย Code มากเท่าไหร่ MS ก็จะได้เปรียบในการจัดการกับระบบ Linux มากขึ้น และเสียเวลาในการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ น้อยลงเพราะความเข้าใจในระบบที่สูงกว่า
แถม MS ยังไม่ต้องระดมคนจำนวนมากไปเพื่อพัฒนา OS อีกตัวแยกด้วยน่ะครับ อีกอย่าง MS ก็จะมีตัวเลือกที่ไม่จำเป็นต้องเป็น X86-64 อีกต่อไปอย่างเดียว ทำให้ในมือ MS กลายเป็นมี OS หลัก 2 ตัวที่สามารถนำมาทำเงินได้ ไม่จำกัดที่ Windows อีกต่อไป
เดานะครับ
ไม่ว่าใครจะใช้ SW/OS อะไรก็สามารถใช้ Product/Service ของ MS ได้เสมอ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ Win ทั้ง MS และผู้บริโภค ฝากที่เคยใช้แต่ Linux อาจจะใช้ MS บางส่วนที่ดีจริงๆ ก็ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมด
MS ยุค Satya มันดีขึ้นจริงๆ ดูหล่อขึ้นมาก