ภาพ Lena Söderberg นางแบบนิตยสาร Playboy ที่ตีพิมพ์เป็นภาพกลางเล่มนิตยสารฉบับพฤศจิกายน 1972 และในปี 1973 ระหว่างทีมวิจัยใน University of Southern California กำลังพัฒนาอัลกอริธึมในการบีบอัดภาพที่เป็นต้นกำเนิดของ JPEG ทีมวิจัยก็ตัดสินใจใช้ภาพกลางเล่มนิตยสาร Playboy วันนี้สารคดี Losing Lena แสดงปัญหาว่าการใช้ภาพ Lena โดยไม่ได้ใส่ใจ ส่งผลต่อการผลักดันผู้หญิงออกจากวงการวิทยาการศาสตร์อย่างไร
หลังจากนั้นทีมวิจัยส่งต่อภาพสแกนให้ทีมวิจัยอื่นเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของอัลกอริธึมเพื่อมาเทียบผลกัน เนื่องจากภาพของ Lena เป็นภาพตัวอย่างที่ดีภาพหนึ่งในยุคนั้น จากการเป็นภาพพอตเทรตที่ต้องไล่สีผิว มีรายละเอียดทั้งผมและใบหน้า
สารคดี Losing Lena สร้างโดยทุนจากมูลนิธิ Creatable และ Code Like a Girl เนื้อหานอกจากเรื่องของภาพ Lena แล้วยังพูดถึงการสร้างวงการวิทยาศาสตร์ให้เป็นมิตรต่อกลุ่มคนที่หลากหลาย
สารคดียาวครึ่งชั่วโมง เปิดให้ชมฟรีบน Facebook Watch
ที่มา - OneZero
Comments
5555 อย่างว่าถูกอ้างอิงต่อๆ กันมา เปรียบเทียบมาเรื่อยๆ สงสารนางแบบเลยทีเดียว
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ผมอ่านแล้วงงครับ เลยขอเรียบเรียงใหม่
ในปี 1973 ระหว่างที่ทีมวิจัยใน University of Southern California กำลังพัฒนาอัลกอริธึมในการบีบอัดภาพที่เป็นต้นกำเนิดของ JPEG อยู่นั้น ทีมวิจัยก็ได้ตัดสินใจใช้ภาพกลางเล่มนิตยสาร Playboy ซึ่งเป็นภาพของ Lena Söderberg นางแบบนิตยสาร Playboy ที่ตีพิมพ์เป็นภาพกลางเล่มนิตยสารฉบับพฤศจิกายน 1972 มาเป็นต้นแบบทดลองในการพัฒนา
หลังจากนั้นทีมวิจัยส่งต่อภาพสแกนให้ทีมวิจัยอื่นเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของอัลกอริธึมเพื่อมาเทียบผลกัน เพราะภาพของ Lena เป็นภาพตัวอย่างที่ดีภาพหนึ่งในยุคนั้น จากการเป็นภาพพอตเทรตที่ต้องไล่สีผิว มีรายละเอียดทั้งผมและใบหน้า
วันนี้สารคดี Losing Lena แสดงปัญหาว่าการใช้ภาพ Lena โดยไม่ได้ใส่ใจ ส่งผลต่อการผลักดันผู้หญิงออกจากวงการวิทยาการศาสตร์อย่างไร
สารคดี Losing Lena สร้างโดยทุนจากมูลนิธิ Creatable และ Code Like a Girl เนื้อหานอกจากเรื่องของภาพ Lena แล้วยังพูดถึงการสร้างวงการวิทยาศาสตร์ให้เป็นมิตรต่อกลุ่มคนที่หลากหลาย
555 ถึงกับต้องขอเรียบเรียงใหม่หมดเลย