Tim Cook ตอบคำถามในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 1/2020 โดยกล่าวถึง iPhone SE เวอร์ชันใหม่ ว่าจะช่วยดึงให้คนย้ายจาก Android มาใช้ iOS เพราะคุ้มค่ามาก ราคาถูกแต่ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกับ iPhone รุ่นท็อป และ "เร็วกว่ามือถือ Android ที่เร็วที่สุด" ซะด้วย
I’d expect some fair number of people switching over to iOS. It’s an unbelievable offer. It’s the engine of our top phones, in a very affordable package, and it’s faster than the fastest Android phones.
เขายังยืนยันว่า iPhone SE ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างราคาของ iPhone ทั้งหมดให้ถูกลง แอปเปิลเพียงแต่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาที่ดีเท่านั้น
ที่มา - 9to5mac
Comments
เห็น Dave lee รีวิวบอกว่า แบตหมดไวเวอร์เพราะซีพียูแรงระดับ iPhone 11 แต่แบตจิ๋วระดับ iPhone 8
อ่าว ผมนึกว่าโดยคอนเซปต์มันควรจะตรงข้ามกันเลย
ซีพียูรุ่นใหม่นี่ไม่ประหยัดพลังงานกว่าเดิมเหรอครับ
ประหยัดพลังงานกว่าเดิมถ้าเทียบที่การได้งานเท่ากัน
แบตอึดกว่า 8 นะ แต่ถ้าเทียบกับ 11 จะหมดเร็วกว่าก็ไม่แปลกเพราะขนาดตัวเครื่อง
ดูเมนท์คุณ zyzzyva ข้างบนครับ
เปิดวิดีโอเฉยๆ อะไรพวกนี้อันใหม่ซีพียูประหยัดกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าสมมุติเล่นเกมส์ อันใหม่จะแรงกว่าลื่นกว่ารุ่นเก่ามาก แต่ก็กินแบตกว่าพอตัว ส่วนรุ่นเก่าประหยัดกว่าเพราะไม่สามารถใช้พลังงานออกมาเป็นการประมวลผลได้มากเท่า
เปิดโหมดประหยัดแบต ไปด้วยก็สิ้นเรื่องนะ แรงพอจะปรับสุดอยู่ละ
ล่อเป้า อีกแล้ว ครับท่าน
ขยันเรียกแขกจริง ๆ
ไม่เร็วได้ไงลองดูความละเอียดจอสิครับท่าน
ตัดเรื่องความละเอียดจอไป มันก็ยังเร็วอยู่ดี
เอาไปวิ่ง benchmark เขาก็ทดสอบแบบ off-screen
ดูวิดีโอนี้ก็จะเห็นว่าทั้งแอปและเกมส์ส่วนมากs20ทำงานได้เร็วกว่าแม้จะมีการประมวลผลภาพมากกว่าเกือบ 5 เท่า จอความละเอียด 1ล้าน กับ 4.6ล้าน
ผลทดสอบเบนมาก s20 ก็สูงกว่าพอสมควร
https://www.youtube.com/watch?v=CGrLxSg1d5g
ตัว SD865 ก็แรงโหดอยู่นะครับ แต่ถ้าตัว Exynos นี่อีกเรื่อง
แค่เปิดปิดแอพมันวัด raw performance ไม่ได้หรอกนะครับ อีกอย่าง SE มันพึ่งออกมา software มันยังไม่สมบูรณ์ ไม่ต้องเอา se มาเทียบก็ได้ ถ้าจะมห้แฟร์ไปเอา 11pro แล้วปรับ s20 ultra เป็น fullhd+ แล้วมาเล่น fortnite เทียบกันก็ได้เฟรมใครนิ่งกว่า อ่อ อย่างที่บอกครับ benchmark ทดสอบแบบ off screen ลองหาข้อมูลดู off screen คืออะไร ส่วนตัวมองว่า 865 กับ A13 มันสูสีกันทั้งคุ่แหละ
https://youtu.be/hJbLDavIPV4
เราควรจะพอกันได้แล้วกับการเปิดปิดแอพแข่งกัน มันไร้สาระ และ youtuber ชอบทำ คนก็ยังง่าวเชื่อถืออะไรกับการเปิดปิดแอพ ในชีวิตจริงเราไม่มานั่งปิดแอพกันหรอกใน ios เขาเปิดคาไว้ ส่วนแอนดรอยด์คงต้องเคลียร์แอพ
เดี๋ยวแบตไหลเอา สิ่งที่ควรทดสอบคือการเรนเดอร์วิดีโอ หรือเล่นเกมแล้ววัดเฟรมนิ่งๆ
ถ้าเทียบ performance ด้านการใช้งาน Samsung S20(SD865) เป็นมือถือที่ดีกว่ามากครับ iPhone SE2 แย่กว่าหลายอย่างทั้งเรื่องแรม หน้าจอ และ thermal headroom อย่างไรก็ตาม A13 ก็ยังเป็น SoC ที่แรงกว่า SD865 อยู่ครับ(แม้ปัญหาด้าน thermal headroom จะค่อนข้างหนักบน SE2 หล่ะนะ อย่าง basemark GPU นี่ sustain ความเร็วตกลงไปกว่าครึ่ง)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ลองดูนาทีที่ 12.28 iphone se2 geekbench ได้ 2742 s20 ได้ 3165 ครับ
จริงๆก็แค่ให้เห็นว่าเร็วกว่าจริง? หรือพอพบโคดทดสอบก็ใช้วิธีโกงแบบหลายๆเจ้าให้ดูดี ทั้งที่ประมวลผลภาพน้อยกว่า5เท่าแต่ก็ไม่ได้เหมือนที่คุยว่าเร็วกว่า ส่วนเรื่องแรมคิดว่ามีอีกหลายรุ่นที่ทำได้ดีกว่า s20 เรื่องการจัดการหน่วยความจำ
ถ้าผมอ่าน commentคุณ mckey แล้วเข้าใจไม่ผิด ที่ performance ตอน Geek bench มันแย่กว่าเพราะน่าจะติด thermal throtting จากการที่รันอย่างอื่นมาพอสมควร ซึ่งพอ CPU เริ่มร้อนจะโดนลดความเร็ว ซึ่งอาจจะบอกได้ว่าตาม spec แรงกว่า ถ้าทดสอบหลังจาก restart เลยแต่ไม่สะท้อน real world performance เพราะร้อนแล้วช้าลง
Geekbench วัดที่ CPU อย่างเดียวครับ
ส่วนที่ทำไม A13 multicore บน SE2 มันช้ากว่า ก็เพราะมันติด DVFS/power+thermal headroom ครับ ดูที่ i11 ได้ อย่างไรก็ตามการประมวลผล foreground ที่สำคัญเกือบทั้งหมด แทบจะทำงานภายใน big core ครับ(2 core Ax, 4 core SD) การใช้งานสำคัญอย่าง web browser นี่ทำงานแบบ single thread(foreground tab) เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้งานเว็บ SE2 ทำได้ดีกว่ามาก (และก็ตันเร็วมากเมื่อติด thermal headroom เมื่อทดสอบ WebXPRT 3 ที่เป็นการประมวลผลขนาดหนักและเวลานาน)
? ไม่เข้าใจครับ คุณตีความช่วงไหนของคลิปครับที่บอกว่าประมวลผลน้อยกว่า 5 เท่าแต่ไม่ได้เร็วกว่า หมายถึง Geekbench เหรอครับ? ถ้า Geekbench นี่ความละเอียดหน้าจอไม่มีผลต่อคะแนนเลยนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
หัวข้อคือมือถือไม่ใช่ cpu appถูกประมวลผลตั่งแต่กดก่อนaminationครับไปดูการวิเคราะห์โหลดappของ ios และก็เป็นส่วนหนึ่งของ os ที่ทำให้ช้าซึ่งไม่ตรงกับหัวข้อข่าวที่บอกว่าโทรศัพซึ่งจะอ้างอะไรก็ตามตามที่หลายๆหัวข้ออ้างมาจากวิดีโอก็ทำให้เห็นว่าไม่เป็นความจริง
ถ้าจะอ้างว่าติดเรื่อง power+thermal ก็ไม่ควรเรียกมือถือที่เร็วที่สุดควรเรียก cpu ที่ไม่สามารถทำงานได้ในความเร็วสูงสุดเมือใช้งานจริง
เพราะการทดสอบคือการทดสอบบนโทรศัพใช้งานจริงเหมือนในวีดีโอไม่ใช้แค่การทดสอบเฉพาะ cpu
ซึ่งจะแก้ตัวหน่อยก็แค่เพิ่ม speed โดยใช้งานพื้นที่ที่มีความร้อนต่ำมากและป้อนความถี่ที่สูงขึ้นเพื่อให้ cpu รุ่นต่างๆได้ผลการทดสอบที่แรงกว่า ซึ่งต่างจากการใช้งานจริงมากที่ผลทดสอบ geekbenck ในวีดีโอที่อยู่บนมือถือที่ใช้งานจริงของมือถือทั้งคู่ ไม่ใช่การทดสอบที่เพิ่มความถี่เองเพื่อให้ผลการทดสอบดูสวยหรู
ส่วนที่บอก 5 เท่าคือทั้งการประมวลผลภาพตามพื้นที่แสดงผลของ pixel ที่ต่างกัน เมื่อใช้งานจริง ไม่ใช่แค่ cpu และ refrish rate ที่ต่างกันมากก็ย่อมใช้การประมวลผลที่มากกว่าหลายเท่า
อ่านแล้วมึนมาก จะสื่ออะไร
ถึงมันโดน thermal throttling ก็ยังเร็วกว่าอยู่ดีครับ คุณบอกวัดการใช้งานจริง อันนี้ถามตามตรงนะครับวินาทีไหนบ้างที่คุณพยายามบอกว่า S20 มันเร็วกว่า
ก็ยังไม่เข้าใจครับ คุณจะสื่อว่าอะไรหรือครับ
ผมขอยกกรณีนี้ละกันนะครับ
PC A: Core i9 10900K, 2080ti, 12GB RAM(ติ๊ต่างว่ามัน dual channel ได้สมบูรณ์), 21.5" 768p 60Hz
PC B: Ryzen 7 3700, 2070Super, 32GB RAM, 27" 1440p 144Hz
PC B ให้ประสบการณ์ดีกว่า PC A และก็เป็น better buy ครับ แต่ผมคงไม่กล้าบอกว่า PC B เร็ว/แรงกว่า PC A นะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ยังกับอยี่ห้ออื่นไม่ติด thermal throttling ทำงานหนักยาวๆ ก็ติดทั้งนั้นละครับ คอมบ้านถ้าระบายอากาศไม่ดีก็ติดด้วยทั้งนั้น
S20 นี่ถ้าไม่ใช่ Snapdragon ด้วยก็ยิ่งต่างกันมากมาย
ไอ้เรื่อง pixel นี่สาวกแอนดรอยด์เอามาเป็นข้ออ้างตั้งแต่นานนมตลอดแล้ว ผมว่ามันฟังไม่ขึ้นอะ เอาง่ายๆ ตอนนี้ไม่มีความละเอียดที่สุงขนาดนั้นก็เอา 11pro max มาเทียบได้มั้งมหรือเอา 855/855+ vs A12 ในไอแพด air ถึงจะแฟร์สำหรับเขากัน
I am sure the discussion will be civilized.
I am sorry, you overestimated internet. lol
มีใครรู้บ้างว่าตอนนี้ Itune support file Flac หรือยังอ่ะครับ
อาจจะย้ายไป IOS บ้าง
ส่วนตัวลง .flac แล้วใช้แอพ 3rd party เล่นเอาครับ
อ่าฮะ ??
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
เดี๋ยวนี้เอาตัวเองมาเทียบกับแอนดรอยแล้วหรอเนี่ยฮ่าๆ
ตอนเปิดตัวเขาออกตัวแรงขนาดนั้น ก็ถือว่าเปิดหน้าแลกตรงๆ แล้วล่ะ
ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิดนะ พูดในจุดเด่นตัวเอง แต่อีเจ้าที่บอกว่าชิพจะแรงนำหน้าคู่แข่งแล้วผลเป็นอีกเรื่องอะ ....
หลังๆ มา เทียบประจำนะครับ ใน Keynote นี่โชว์เต็มๆ
https://techcrunch.com/2019/09/10/apples-new-a13-chip-is-faster-according-to-charts-with-no-numbers/
according to charts with no numbers ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คิดว่าเป็นคะแนน single core นะครับ
ในกราฟรูปเป็นของ GPU นะครับ
ขออภัยครัย ลืมดูดีๆ ตอนแรกดูคะแนนผ่านๆ ก็คิดอยู่ว่ามันห่างกันเยอะจัง แต่นีกถึง single core ตลอดเพราะ single core ของแอปเปิ้ลมักจะแรกกว่ามากๆ แต่ตอนนี้เห็นแล้วว่า gpu ก็แรงกว่าพอประมาณสน gen เดียวกัน
คุณไม่รู้อะไร สาวกเขาเห็นว่าเส้นมันยาวกว่าก็ควักตังซื้อแล้ว
ไม่ใช่สาวกก็ซื้อครับ กลุ่มคนที่ไม่ใช่สายไอที ต่อให้มีตัวเลขคนทั่วไปก็ไม่เข้าใจหรอกว่าตัวเลขพวกนี้คืออะไรหรือเร็วแค่ไหน ให้ดูเข้าใจแค่ว่ามันเร็วกว่าก็พอแล้ว
ที่เจอจริงๆ สาวกเขาไม่ดูตัวเลขหรอกครับ เห็นไอโฟนออกใหม่ก็เข้าตีหมดแล้วครับ ถึงสเป็คบางตัวท็อปจะไม่ท็อปสุดก็มี
การตลาดให้ดูง่ายๆ ครับ ถ้าสายชอบตัวเลขคงหาเว็บเทียบได้ไม่ยาก ขนาด android ด้วยอย่าง S20 CPU ต่างผลทดสอบยังหากันเจอเลย
ดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องแบต ทำไมไม่จัดเต็มสัก 3000 mAh มันยากตรงไหน กั๊กฉิปหาย เพิ่มราคาอีกนิดยอมจ่าย
แบบนั้น 11 คงขายไม่ออกครับ
ยังคงขายได้ 11 สำหรับคนชอบ face id และจอใหญ่
เท่าที่มองการรื้อเครื่อง ตัวถังมันก็เต็มแล้วนะครับ ไม่ได้กั๊กที่ว่างแต่อย่างใด ถ้าจะใส่แบตเยอะกว่านี้ก็คือต้องเปลี่ยนขนาดเครื่อง ซึ่งในแง่ operation ก็หมายถึงการเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่นๆ
ราคาที่มันได้เท่านี้เพราะชิ้นส่วนจำนวนมากมันใช้ชิ้นเดิมต่อไปได้ เป็นแนวทางที่ Tim Cook ให้ความสำคัญมาตลอด (ลด SKU ชิ้นส่วนที่ต้องสต็อก บริหารง่าย กดต้นทุนได้ต่ำ)
lewcpe.com, @wasonliw
ไม่มีที่ว่างในแนวระนาบ การเพิ่มความหนาเครื่องน่าจะเป็นคำตอบ ในอดีตเราเคยใช้โทรศัพท์ Nokia เครื่องเล็กๆหนาเป็นเซ็นยังไม่อะไรมาก iPhone SE จอเล็ก 4.7" หนา 7.8 mm ถ้าเพิ่มความหนาอีกนิดนึงก็คงไม่กระทบการใช้งานอะไรมาก จะได้ยัดแบตเตอรี่ก้อนโตๆหน่อย
แต่ก็อย่างว่าแหละ iPhone SE2 ใช้บอดี้เดิมที่เหลือๆจาก iPhone 8 เลยเปลี่ยนแปลงมากไม่ได้ หวังว่า SE3 รุ่นหน้าแอปเปิ้ลจะจัดเต็มแบตสักหน่อย
ผมขอเดาว่าถ้าหนากว่านี้คงขายไม่ออก
ตอนนี้ผมใช่ iPhone 11 เครื่องก่อนใช้ S9
(เดี๋ยวโดนหาว่าเป็นสาวก) ผมว่ามันหนักนะ
Apple ชูจุดเด่นเรื่องความบางและเบา
ทำให้ยี่ห้ออื่นต้องวิ่งไล่ตามมาตลอด
เรื่องแบตผมว่าจะเหมือนคนเชียร์ NOKIA ให้ทำ Android
เห็นพูดกันว่าซัมซุงไม่ได้เกิดถ้า NOKIA ทำ Android พอทำเข้าจริงก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร
ถ้าเพิ่มความหนาเครื่องมันก็ใช้ชิ้นส่วนเดิมไม่ได้ตามที่คุณลิ่วว่านั่นแหละครับ
และอย่ามองแต่ว่าใช้ของเหลือครับ แค่ใช้เครื่องจักรชุดเดิมได้ปั๊มออกมาใหม่ก็กดต้นทุนไปเยอะแล้ว
มันยากตรงไม่มีที่ให้ยัดลงไปแล้วกระมังครับ
ขี้ใหม่...หมาหอม
ถ้าอยากคุยแบบนี้ได้ทุกปีก็ควรอัพเดตให้ต่อเนื่องนะ
ไม่ใช่ดองสเปคขายยาวแบบ SE ตัวเก่า
fanboy android โดนดอกนี้ไปจุกจริงๆ แล้วมัน fact 100% แบบไม่แถด้วย
ช่วงนี้ต้องลืมๆเรื่องความเร็วไปก่อน ต้องเอาขนาดจอเข้าสู้
จริง ไปอ่านมาโพสต์นึงที่ถิ่นแอนดรอย ชาวหุ่นแซะกลับว่ากล้องสู้ได้ไหม แรมเยอะกว่าไหม มีนู่นนี่นั่นไหม
ก็คงมีคนสดุดกับความละเอียดหน้าจอนั้นแหละ
อีกกลุ่ม คงไม่อยากซื้อ เพราะ ecosystem ของ apple จะเปลี่ยนแบต จะซ่อม แพงไปหมด
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
หลายทีเวลาเรื่องแอปเปิลมันเหนือกว่าจริงๆ ติ่งเขียวมันจะโยงเรื่องอื่น มากลบเกลื่อนตลอดไม่รู้เป็นไร
มันก็น่าสนใจจริงๆ แหละ แต่ก็ทนอยู่ในกรงทองไม่ไหวจริงๆ
จากใจอดีตคนใช้ iPhone 2G ที่ทุกวันนี้อยากเขวี้ยง XZ1 ทิ้งเพราะร้อนแล้วอืด...
ทุกวันนี้ กรงทองก็ขยายช่องเข้าออกมาเยอะแล้วนะครับ ตอน iPad ต่อ usb ภายนอกได้นี่น้ำตาจิไหล(คนใช้Androidคงคิดในใจ นี่เรียกนวัตกรรมเหรอ555)
แต่กรงก็คือกรง ใช้ได้แต่ fat32 เท่านั้น TT
format เป็น exFAT สิครับ
ห่วยบรมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือพื้นที่เยอะขึ้น
ถ้าจะเอาดีกว่าก็ HFS+ แล้วล่ะครับ แต่ win เปิดตรงๆ ไม่ได้นิ
2G กับ ตอนนี้ผมว่ามันเทียบประสบการณ์กันไม่ได้แล้วครับ
อย่างเจลเบรกตอนนี้ก็เงียบๆไปละด้วย คงเทียบไม่จำเป็นละ
Timeline ผมเริ่มต้นจากเป็นสาวก Google -> ซื้อ Android (สมัยเวอร์ชั่น 3-4) -> iPhone 4s -> iPhone SE -> กำลังจะซื้อ iPhone SE 2020
ตอนนี้อยากเข้าใจคำว่ากรงทองครับ ว่าในมุมคนวงการ Tech ไอโฟนยังมีกรงในด้านไหนอยู่บ้างครับ
ตอนผมเปลี่ยนไปใช้ iPhone 4s แรกๆ ก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้างเหมือนกัน น่าจะมาจากที่ทุกอย่างต้องทำผ่าน iTunes
แต่พอมายุค SE ก็รู้สึกไม่ติดขัดอะไรอีกเลยครับ ไม่เคยนั่งวิเคราะห์พฤติกรรมตัวเองจริงๆจังๆ แต่คิดว่าน่าจะเพราะ
1. เป็นยุคที่ทุกอย่างเริ่มขึ้นไปอยู่บน Cloud ด้วยพอดี (iCloud Auto Backup, Google Drive, Google Photos, Google Docs, Microsoft To Do, Spotify, Netflix)
2. แอพของแอปเปิลเองก็เริ่มเรียบง่ายแต่ใช้ได้จริงมากขึ้น (iMessage, Voice Memos, Notes, Clocks)
ก็คือลบ iTunes ในคอมไปเรียบร้อยครับ แล้วก็รู้สึกไม่เหลืออะไรยุ่งยากอีกเลย
แต่ก็นั่นแหละครับ อันนี้คือมุมของคนที่ชอบ Tech แต่ไม่ใช่ Dev เลยอาจจะไม่ค่อยได้ใช้อะไรนอกกรอบเท่าไหร่ เลยอยากเข้าใจครับว่าตอนนี้ "กรง" ใน Perception ของคนอื่น ๆ ในนี้ยังมีเรื่องอะไรอยู่บ้างครับ
การ transfer ตัวไฟล์นอก ecosystem ของแอปเปิลเนี่ยเป็นหลักเลยครับ ถ้าหากไม่ผ่านคลาวด์ มันซับซ้อนและยุ่งยากมาก (ผมว่ามันเป็น intentional เพราะว่าต้องการให้คนอยู่ใน ecosystem ของแอปเปิลให้ได้มากที่สุด)
เอาง่าย ๆ นะครับ ผมใช้อุปกรณ์ 3 ecosystems คือ ไมโครซอฟท์ (โน้ตบุ๊กกับพีซี), แอปเปิล (iPhone กับ iPad) และกูเกิล (มือถืออีกเครื่อง เป็นเครื่องหลัก) ผมพบว่า เวลาโอนถ่ายไฟล์ (โดยไม่ผ่านคลาวด์ ย้ำอีกรอบ) สามารถส่งผ่านบลูทูธหรือเสียบสายได้เลย
ขณะที่ iPhone กับ iPad เวลาโอนไฟล์ลำบากมาก ๆ โดยเฉพาะรูปภาพ คือแบบว่า ถ้าไม่ผ่านคลาวด์เนี่ย ก็ต้องเปิดผ่าน iTunes ซึ่งเปิดช้ามาก (แม้จะใช้ตัวที่ดาวน์โหลดจาก Microsoft Store ก็เหอะ) หรือจะส่งภาพไปยัง Android ก็ต้องใช้ 3rd party อีก
นี่คือหนึ่งในนิยามของ "กรง" ของผม แถมยังไม่นับเรื่องของการปรับแต่ง, การตั้งค่า, ไคลเอนต์เบราเซอร์/อีเมล์/คลาวด์ตัวหลัก, การบังคับเอนจินเว็บ ฯลฯ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ขอบคุณครับ พอให้ตัวอย่างไฟล์ที่ว่าได้ไหมครับ ผมเริ่มพอเห็นภาพแล้วว่าอาจจะไม่ใช่แค่เป็นกรง แต่เป็นกำแพงทึบที่ปิดตาผมด้วย55555 แต่ยังนึกภาพแบบชัดๆ ไม่ออกว่างานหรือไฟล์แบบไหนถึงจะเข้า Condition ที่ว่า
เข้าใจว่าเงื่อนไข ไม่ผ่านคลาวด์ = ผ่านคลาวด์ยุ่งยากกว่าเสียบสายใช่ไหมครับ เช่น ไฟล์ใหญ่พอสมควร
ในมุมผม (ที่อาจจะโดนปิดตาด้วยกำแพงแอปเปิล) นึกภาพไม่ออกเลยว่าเราเอาไฟล์ใหญ่แบบนั้นไปทำอะไรในโทรศัพท์แต่แรก
สมมตินะครับ ผมใช้ iPhone อัดวิดีโอที่เอาไว้ส่ง pitch งานแข่งรายการหนึ่ง (เมื่อปีที่แล้ว) และผมต้องการจะมาตัดต่อวิดีโอ ไฟล์วิดีโอนั้นถ่ายไว้ประมาณ 10-15 นาที ถ่ายที่ 1080p 60fps ขนาดไฟล์ราว ๆ 400-800 MB ซึ่งใหญ่มาก
แน่นอนว่า ผมสามารถตัดต่อโดยการโยน AirDrop ไป iPad ได้ แต่เนื่องจากผมถนัดใช้ Adobe Premiere Pro มากกว่า iMovies และผมไม่ได้ใช้ Premiere Rush
สิ่งที่ผมทำได้คือ ผมต้องก็อบลงพีซีด้วยการเสียบสาย หรือใช้ Lightning to USB ที่เอาไว้สำหรับต่ออุปกรณ์เสริมอย่าง flash drive ได้ ซึ่งตอนนั้นทำอันแรกไป ส่วนอีกอันต้องจำใจใช้ Premiere Rush ไปแทน (เสียโควต้าใช้ฟรีไป 2 อัน เพราะไม่ได้สมัคร Adobe CC)
ปัญหาคือ ตอนนั้นผมไม่มีอุปกรณ์ที่ว่า และหลังจากที่มีอุปกรณ์นั้น ตัวสายก็ไม่รองรับการต่ออุปกรณ์บางประเภทที่ใช้ไฟสูง เช่น แฟลชไดรฟ์ USB 3.0 (ที่ผมเอาไว้ใช้โอนงานแบบเร็ว ๆ) หรือแม้แต่ต่อคีย์บอร์ดแบบ mechanical ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะมีไฟ RGB
คำถามที่ตามมาคือ ทำไมไม่ใช้กล้อง Android หรือกล้องถ่ายวิดีโอจริง ๆ
อย่างแรกคือ กล้องที่ใช้อยู่สู้ iPhone ที่ใช้อยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะวิดีโอที่ยังไม่มีรุ่นไหนที่ดีเท่า iPhone (รอดู Xperia 1 II อยู่) อย่างที่สอง ไม่ได้แบกกล้องมา เพราะไม่มีกล้องติดไว้กับตัว และสุดท้ายคือ ถ่ายงานในร้านในห้าง (ตอนนั้นตอนปลายปีที่แล้ว ก่อนไปแข่ง)
อีกประเด็นคือ การอัปโหลดบนคลาวด์ ส่วนมาก พวกไฟล์ภาพหรือวิดีโอจะมีการบีบอัดเพิ่มเข้าไปอีกขั้น นั่นหมายความว่า คุณภาพวิดีโอที่ได้ตอนท้ายอาจจะไม่ได้ดีเท่ากับที่อัดไว้ตอนแรก ฉะนั้นคลาวด์จึงไม่ใช่ทางเลือก (นอกจากจะเอาไว้แค่แบ็คอัปข้อมูลไว้เฉย ๆ)
นั่นแหละครับ คือสถานการณ์ที่ผมมองว่า การทำงานข้าม ecosystem ของแอปเปิลยังลำบากมาก ๆ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ไม่ลองโอนไฟล์โดยนผ่าน wifi ทาง smb ล่ะครับไวอยู่นะ
ตอนเซ็ตอัปมันหลายสเต็ปนะครับ และมันก็ไม่ได้เซ็ตง่าย ๆ ด้วย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผ่าน cloud โดนลดคุณภาพน่าจะแค่ Google Photo นะครับ ถ้า cloud ตัวอื่นๆจะมองเป็น file ไม่ไปยุ่งอะไรกับคุณภาพนะครับ
แต่เห็นเทียบกับ andriod ที่โยนกันแบบ bluetooth ได้ ถ้า file ขนาด 400mb ผ่าน bluetooth ผมว่าไม่น่าจะรอดนะครับ
รูปนี่ เสียบ usb ก็เอาออกได้แล้วนะ ยิ่งถ้าเอาแบบ heic นี่ยิ่งก๊อปเร็วเลย
โอนไฟล์จากคอมเข้า iOS ตอนนี้ใช้ smb สะดวกมาก ไม่ต้องต่ออะไร เพราะปกติคอมแชร์ไดร์ฟอยู่แล้ว
แต่มันไม่รองรับแฟลช์ไดรฟ์ USB 3.0 ครับ ถ้าหากไม่ใช้ iPad Pro (ผมใช้ iPad 6th Gen)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
หมายถึงเสียบ usb กับคอมครับ
ช่วงนั้นก็อบลงคอมแบบนี้ครับ แต่ในกรณีที่ข้ามไป Android เนี่ย โคตรลำบากครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
สำหรับผมใช้ notebook windows 2 ตัว (ส่วนตัว/office) และ macbook 1 ตัว, ipad, iphone, และเคยมี android อีกเครื่อง(เพิ่งไม่มีอาทิตย์เดียว) ทุกอย่าง save ลง onedrive ครับ ไม่มีปัญหาเรื่องโอน file เลย อาจจะเพราะต้องใช้คอม 3 เครื่องด้วยครับ มันเลยสะดวกกว่าที่จะต้องมา save ลง thumb/ext hd
ตอนนี้ไม่ได้ใช้ thumb/ext hd มา 2-3 ปีแล้วครับ ใช้แค่ตอนลง windows ใหม่เท่านั้น แต่เห็นว่า windows update หน้าก็สามารถ install ผ่าน internet ได้เหมือน mac แล้ว คงแทบไม่ได้ thumb แล้วครับ
คือเรื่องาน document มันไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ เพราะผมเซฟเข้า OneDrive เหมือนกัน ทุกงานเอกสารเลย
อันนี้หมายถึงงานครีเอทีฟครับ ที่ต้องถ่ายวิดีโอเพื่อตัดต่อบนคอม
Coder | Designer | Thinker | Blogger
กรงสำหรับผมคือแนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Apple ครับ
แนวทางในการออกแบบผลิตภัณฑ์ผมรู้สึกว่า Apple คิดแทนผู้ใช้เยอะเกินไป (คือไม่ใช่แค่เพิ่มฟังชั่นเข้ามา แต่ตัดทางเลือกออกด้วย) ถึงแม้ตอนนี้สิ่งที่ Apple คิดให้มันอาจจะดีสำหรับบางคนแต่อาจไม่ดีสำหรับผม หรือดีตอนนี้แต่อนาคตมันอาจจะไม่ดีก็ได้ และด้วยความที่ Ecosystem ของ Apple หลายๆอย่างมันใช้ได้แค่ในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แม้จะไม่ถูกใจผลิตภัณฑ์แค่ไหน การย้ายออกก็ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆครับ
Ecosystem ที่เข้าง่ายออกยาก แม้ตอนนี้มันจะดีแค่ไหน แต่มันก็อาจจะกลายเป็นไม่ดีได้ทุกเมื่อ และเมื่อถึงตอนนั้นสิ่งที่ทำได้คือทนใช้หรือเสียทุกอย่าง ความกังวลนี่แหละคือเหตุผลที่ผมไม่เลือกใช้สินค้า Apple ครับ
แนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เราต้องใช้สิ่งที่ Apple คิดมาให้... นี่แหละครับคือกรงสำหรับผม
มีเพื่อนผมบางคนที่ไม่ชอบ iPhone MacBook รุ่นใหม่ๆ แต่ก็ต้องใช้ต่อไปเพราะ Ecosystem ของ Apple ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมไม่อยากเป็นครับ
ปล. จริงๆแล้วตอนนี้มันก็มีอะไรหลายๆอย่างที่ Apple คิดแทนแต่ผมก็ไม่ชอบนะ เช่น มือถือตัด 3.5mm ออก จอติ่ง หรือ Macbook มีแค่ USB-C เป็นต้น มันก็เลยยิ่งทำให้ผมไม่กล้าเข้าไปใน Ecosystem ของ Apple ครับ
ผมกลับชอบนะ ทำไมชีวิตต้องมารุงรังกับการปรับตั้งค่าต่างๆด้วย คิดมาแทนให้เลยง่ายดี
คือคิดแทนอะได้ครับ แต่ไม่ควรตัดทางเลือกอื่นของผู้ใช้ออกไป
เพราะความต้องการคนเราต่างกันไงครับ
การคิดแทนมันไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ก็ต้องตระหนักด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดเหมือนกัน เพราะงั้นก็ควรจะมีตัวเลือกให้คนที่คิดไม่เหมือนกันด้วย
สำหรับแบรนด์ที่คิดแทนและไม่ให้ตัวเลือกกับคนที่คิดต่าง... ผมคงไม่ใช่ลูกค้าของเขาครับ
ผมเห็นด้วยที่มันชอบคิดแทน แต่แอนดรอยด์มันก็ไม่ใช่ระบบที่เพอเฟคสมบูรณ์อะ สร้างมาจาก java หน่วงๆ แลคๆ ที่มันลื่นทุกวันนี้ได้เพราะอานิสงค์ฮาร์ดแวรืทั้งนั้น เวลาถกกันเรื่องระบบระหว่าง android กับ ios ฝั่งแอนดรอยด์จะชอบดึงเรื่องฮาร์ดแวร์มาบลัฟตลอดเลย ซึ่งมันมีหลายตัวมากๆ สิ่งที่ผมอยากเห็น android พัฒนาไม่ใช่การอัดแบต มา5000-6000 mah หรือการเพิ่มกล้องมา 4-5 ตัวหรือเพิ่มแรมมา 10GB+ แต่เป็นการทำยังไงให้ระบบมันสามารถเอาชนะคู่แข่งที่แบต 39xx ได้ ทำไงให้ ui ตัวเองลื่นติดนิ้วแบบที่ไม่ต้องอัดจอ refresh rate สุงๆ แล้วแดกแบตจนต้องอัดแบตมา 5000-6000 mah เพื่อประคับประคองจอลื่นๆ ทำยังไงให้แรม 4 GB หรือ 3GB ไม่ดูต่ำเตี้ยจนไม่น่าใช้ ผมอยากเห็นความก้างหน้าทางด้าน software ในเรื่อง performance และ power management ไม่ใช่การอัดอะไรมาเยอะๆ เพื่อกลบจุดบกพร่อง os ตัวเอง แล้วเอาไอ้พวกสเปคแบบนี้มาข่มอีกเจ้า ถ้าทำได้ผมจะใช้เลย เพราะ ios เองอะ แอปเปิ้ลมันก็กั๊กไม่เข้าเรื่องหลายอย่างนะ แต่ระบบมันทำได้น่าปนะทับใจจริงๆ ในเรื่องอย่างว่า ตอน xs max ออกมาแพ้แบตราบคาบ เพราะให้แบตมา 31xx พอ 11pro max แบต 39xx ชนะเรือธงเกือบทุกรุ่น
Android มีการพัฒนาตลอดนะครับ เช่น
Project Butter (4.3/Jelly Bean) ลื่นไหลขึ้น
Project Svelte (4.4/Kit Kat) กินแรมน้อยลง
Project Volta (5/Lollipop) กินแบตน้อยลง
Project Treble (8/Oreo) ได้อัพเดตไวขึ้น
Project Mainline (10) อัพเดตผ่าน Play Store ได้
ไม่ทราบว่าตอนนี้ใช้ Android รุ่นอะไรอยู่หรอครับทำไมถึงได้ประสบการณ์ใช้งานที่ไม่ดี ผมยังใช้ Nexus 5 ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2013 พิมพ์ตอบใน blognone
มันก็ยังพื้นฐานเหมือนเดิมครับ ต้องปิดแอพตลอด เคลียร์แรมตลอด กันแบตไหล ถ้ามันกินทรัพยากรน้อยลงจริงนะ งั้นลองเอารุ่นที่ฮาร์ดแวร์เก่าๆ มารัน android ใหม่ๆ ผมควรจะดีกว่า android version ใหม่ๆ ผมเข้าใจถูกไหม ? ส่วน project butter อะผมใช่โซนี่รุ่นกลางๆ ปี 2012 ยี่ห้อนี้เขาว่ารอมดี ผมอัพจาก ice cream มา jelly bean บอกตามตรง ไม่ได้รู้สึกว่าลื่นขึ้นเลย อาจจะลื่นขึ้นจริงแต่เพียงนิดเดียว และไม่ significant สำหรับผม ผมไม่เห็นว่ามันแตกต่างกันเท่าไหร่เลย ผมอะเคยใช้ mi4 ที่คนชอบบอกว่าลื่นไหลดุจดั่ง ios เอาจริง animation ดูลื่นแต่อย่าให้เทียบ ios เลยครับ ต่างกันเยอะ แบ้วผมก็เอาไปลงรอม cyanogen หรือ lineage มันก็ยังสู้ ios รุ่นเก่าๆ ไม่ได้เลย (ipad 4 ipod touch 5) ผมรู้สึกว่าบางอย่างไม่ลองตัวเองไม่รู้จริงๆ
ZC553KL Android 8.0
กระตุกบ่อยตอนเล่นเกมแม้ปิดแอปหมดแล้ว ต้องสั่ง force close ด้วย hibernator ถึงจะปิดหมดและลื่นขึ้น (นิดหน่อย) เปิด bluetooth แล้วเครื่องค้างทันที สั่ง force reset เท่านั้น ถึงจะกลับมาเปิด bluetooth ได้, เริ่มกระตุกตอนที่ standby นาน ๆ ต้องสั่ง restart ทุกอาทิตย์, หน่วง (มาก) ตอนสลับแอป
และอื่น ๆ แต่จำไม่ได้ละ
อุ้ย เป็นมือถือกลุ่ม budget phone ผมไม่กล้าคอมเมนต์ (Snapdragon 430 มันช้ากว่า Snapdragon 800 ที่ผมซื้อปี 2013 เสียอีก) และ iPhone เองไม่ได้ขาย(และไม่คิดจะขาย)ตลาดนี้ด้วย เลยเทียบยากครับว่าที่ราคาระดับนี้มันลื่นสมเหตุสมผลกับราคาไหม
เคยใช้ Lumia 520 ก็ลื่นดีนะ
เหมือนจะบอกให้รถสิบล้อต้องน้ำหนักเบาเท่ารถสปอร์ต โครงสร้างพื้นฐานมันต่างกันจะไปเทีนบกันได้ยังไงครับ
ก็ผมบอกแล้วไงว่าอย่างเห็นอะไรแบบนั้น ถ้าสาวกหุ่นเขียวส่วนมากเขารู้จักยอมรับว่าระบบ android มันกินทรัพยากรเครื่องแบบคุณมันจะดีครับ ทุกครั้งที่มีการถกเรื่อง "ระบบ" android vs ios ฝั่งนู้นชอบเอาเรื่องฮาร์ดแวร์มาเกี่ยวข้องตลอด 120Hz เอย แบต 5000 เอย แรม 10 GB เอย เชื่อเถอะพอเสลามีใครบอกว่า ios จัดการทรัพยากรดี มันจะมีคนกลุ่มคนบางกลุ่ม triggered แล้วใส่บวกด้วยเรื่องฮาร์ดแวร์ที่ปริมาณมากๆ เสมอ
มือถือ Android ตัวสูงๆรุ่นใหม่ๆ ถึงจะไม่ได้ใช้ real-time process แยกเฉพาะสำหรับการ touch เหมือน iOS แต่ touch sampling rate ก็สูงมาก(e.g 120-240Hz)จนปิดข้อด้อยตรงนั้นไปได้ครับ ยกเว้นจะ render ไม่ทันจนต้องเปลี่ยนไปใช้ triple buffering ในกรณีใช้ความละเอียดสูงมากๆ
ตามคลิปนี้ ตัว Android ใช้เวลาในการ register input ประมาณ 2ms ครับ ดังนั้นฝั่ง software นี่ไม่น่าจะมีปัญหา แต่น่าจะเกิดจาก touch sensitivity + touch sampling rate ที่มือถือบางรุ่นใช้แบบแย่ๆมากกว่า
ผมมองว่า iPhone ฮาร์ดแวร์ฝั่งประมวลผลดีกว่านะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จริงครับ เห็นด้วยเรื่อง HW iPhone ยัดมาเยอะมากๆ แต่ไม่ค่อยบอก บอกปลายทางว่าเร็วกว่า แต่ไม่ได้บอกว่าเร็วมาจากอะไร ต้องมารื้อกันเอาเอง แต่ปีหลังๆ เริ่มเอามาพูดในงานเปิดตัว ดูไม่เป็น iPhone เอาซะเลย ปีนี้คงมีพูดกันยันความเร็ว ram กับ storage แน่นอน
กลับกัน อย่าง pixel เปิดตัวแทบไม่บอก
ประเด็นคือ หัวใจหลักของการโฆษณามักจะพูดถึงแต่จุดเด่นของตัวเอง หรือสิ่งที่ตัวเองได้เปรียบ สำหรับ pixel นี่ ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ถ้าจะไม่ถูกยกเอามาพูดถึง ส่วนสิ่งที่เด่นมากๆ ที่เคยถูกยกเอามาโฆษณาที่เคยได้ยินก็จะเป็นเรื่องของกล้อง ที่ตอนนี้ก็เริ่มจะแผ่วๆ ลงไปแล้ว
ผมหมายถึงมือถือจีนส่วนมากราคากลางๆ ทัชแย่จริงๆ นะ เช่น mi9 จากที่เคยลองมา
ส่วนฮาร์ดแวร์ที่ผมบอกอะหมายถึงพวกฮาร์ดแวร์ในเชิงปริมาณอะที่ฝั่งนู้นชอบเอามาบลัฟ เช่น จำนวนกล้อง จำนวนพิกเซลกล้อง ปริมาณแบต ปริมาณแรม คือมีเยอะก็ดี แต่คือมันบอกอะไรบางอย่างระบบมันแย่ถึงขนาดต้องเอาอะไรพวกที่เข้าสู้เลยหรือไง ลองทำแบบ pixel ก็ได้ แต่ไม่รู้ feedback เป็นไงบ้าง สเปค minimal มากๆ เห็นชอบบอกกันว่า pure ลื่นสมูทดุจดั่ง ios
เชื่อเถิดครับว่ายังไงมันก็ยังติดที่แอปและตัวโอเอสอยู่ดี อย่าลืมว่าแอปของแอนดรอยด์ ถึงจะเขียนฝั่งโพรเซสด้วย native หมด หรือเร่ง touch sampling rate ยังไงก็ต้องมาเจอความอืดจากตัว framework ที่ทำงานร่วมด้วยอยู่ดี ถ้าประมวลผลไม่ทันเฟรมที่เกิดขึ้นก็หน่วงได้ ซึ่ง iOS กลบจุดนี้จนหมดเพราะมันไม่ต้องรอโพรเซสทำงานเสร็จก่อน
ส่วนทางฝั่งโอเอสเอง ด้วยความที่มันเป็น monolithic จากเคอร์เนลของ Linux (ทุกอย่างอยู่ในไพป์ไลน์เดียวกัน) ซ้ำร้ายแทบทุกอย่างทำงานบน VM ถ้าหนึ่งโพรเซสเกิดทำงานไม่ทัน ต่อให้เขียนโปรแกรมแบบ asynchronous ยังไงก็อืดครับ และนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่กูเกิลซุ่มพัฒนา fuchsia ไว้รอ ถึงจะเริ่มใช้กับ IoT ก่อนก็เถอะ
ปล. แต่ส่วนตัวผมอยากให้ Android ทำงานแบบ native หรือ near-native (เช่น LLVM) ให้ได้มากกว่า ใช้ข้อดีของ monolithic ให้เต็มที่ ถ้าทำได้คือ iOS แพ้ราบคาบ แตอย่างว่า ฮาร์ดแวร์มันมีเยอะมาก จะให้ดูแลโค้ดโอเอสไปด้วยก็กะไรอยู่
Android ก็มาไกลพอสมควรแล้วครับ
เรื่องแบตมันก็ตาม size จอแหละครับ
เขาก็วางมาให้เต็มเฉยๆ iPhone ล่าสุดก็เพิ่มมาเกือบ 4,000
เรื่องความเร็วห่างกันไม่ได้มาก เรื่องชาจเร็วก็ยังเป็น Android อยู่
ราคาที่ถูกกว่ามาก ราคา mate30 pro ยังไม่สามารถซื้อ i11Pro ความจุต่ำสุดเครื่องเปล่าได้เลยนะครับ
ส่วนเรื่อง ui จอติดนิ้ว apple มันคือ touch-sensing ไม่ได้เกี่ยวกับตัวระบบเลย ทำมาตั้ง 120hz ทั้งๆ ที่แสดงผลแค่ 60hz
ไม่ติดก็แปลก
จะบอกว่า iPhone ไม่เน้นเรื่อง hw อันนี้ขอเถียงครับ แกใส่มาเยอะมากๆ แต่ไม่บอกมากกว่า ล่าสุด storage ใน iPhone เป็น nvme นะครับ Android ยังใช้ ufs 2.1 กันอยู่เลย ที่มันแรงไม่ใช่ระบบอย่างเดียวหรอกครับ
ไม่ครับ เรื่อง touch screen ผมหมายถึง ios ทุกรุ่น iphone ทัชดีตั้งแต่ iphone รุ่นปี 2007 ผมไม่ได้อวยนะ ไปลองเล่นมาของเพื่อนมา เอา ios รุ่นเก่าๆ สักสองสามปีมาปาดนิ้วเทียบกันก็ติดนิ้วกว่าแอนดรอยด์ที่ใหม่กว่าอยู่ดี ถ้ากรณี refresh rate เท่ากัน เพื่อนใช้ tab s4 มาลองเขียน ipad 6 ยังบอกเลยว่าลื่น
แอนดรอยด์ที่ทัชดีเท่าที่เคยมีโอกาสลองคือ samsung อะแต่ยังดีเลย์
https://youtu.be/RVDMOP1pWCQ
ลองอ่านคอมเม้นที่มี 16 likes สิครับ มันมีคนแยกออกจริงๆ
สมัย iphone 5 ยังไม่มี touch sampling 120Hz นี่ครับ
ส่วนสมัยนี้ android touch ดีขึ้นจริง แต่ก็ต้องตัวแบรนด์ตลาดหน่อยอย่าง samsung แต่ผมว่าก็ยังไม่แม่นยำและสุดเท่า ios
ย้ำอีกครั้งผมไม่ได้เอาเฉพาะไอโฟนจอติ่งมาเทียบ ผมหมายถึงไอโฟนที่ผ่านมาอะทัชดีกว่า
และพวกมือถือจีนที่อัดสเปคมาเยอะๆ เอาชิพเรือธงมาใส่อะ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าลดต้นทุนเรื่องทัชสกรีนจอไปพอสมควร เพราะเอา xiaomi mi9 มาลองเล่นแล้วหน่วงๆ นิ้วกว่า A50s อีก
เรื่องฮาร์ดแวร์ทางด้านคุณภาพไอโฟนดีกว่าจริงๆ ผมเข้าใจว่ามัน nvme แต่ฮาร์ดแวร์ที่ผมกล่าวไปหมายถึงแอนดรอยด์ชอบโฆษณามาในเชิงปริมาณ เลยทำให้คนทั่วไป ตัดสินว่าสเปคไอโฟนกากไง
+1 ความเห็นนี้เลยครับ Apple ชอบคิดแทน ซึ่งในหลายๆ Feature ออกมาดีจริงๆ แต่สุดท้าย Device ของเรามันควรจะต้องปรับแต่ง Personalize ได้
ยกตัวอย่างของผมคือ ยุคที่ Jailbreak รุ่งเรือง ผมปรับแต่งให้มี icon แถวล่างสุด มี 5 icons เพราะผมว่ามัน align สวยกว่า แค่นั้นเลย
นี้แหละครับ กรงทอง/คุกกระจก ของ Apple
Safari ครับ ตัวเดียวตายตัวเดียวจบ
คือยังไงนะครับ
ติดอยู่กับ Web Broweser ที่ใช้ Engine Safari หนีไปไหนไม่ได้ครับ
5555555
ยังงงๆอยู่ดีครับ พอยกตัวอย่างเป็น function หรือ attribute อะไรแบบนี้ได้ไหมครับ
เข่น เพราะเป็น Safari Engine เลยทำ...ไม่ได้
ก่อนหน้านี้เคยมีบั๊ค IndexedDB ครับ ไม่แน่ใจว่าแก้แล้วหรือยัง แล้วก็เจอบั๊คว่าถ้า pin web to homescreen แล้วเปิดแบบไม่มีขอบเบราว์เซอร์แล้วจะใช้งานกล้องไม่ได้ จะเจอแต่ความมืด หรือถ้าทำ PWA แล้วจะ login Facebook หรือ Google หรืออื่นๆ ใน PWA ไม่ได้เลย
Andorid แต่ละยี่ห้อก็มีกรงแปลกๆเหมือนกัน (ใช้ซัมซุง-realme แล้วเจอจุกจิกตลอด)
รอ SE Plus ดีกว่า
ผมไม่จำเป็นต้องใช้รถที่เร็วที่สุดในโลก เพราะถนนที่ใช้ทุกวันขับได้ไม่เกิน 120
ใช้แอนดรอยด์อยู่ แต่เชื่อว่า A13 Bionic ทรงพลังกว่า
ดูเหมือน know-how ด้านนี้ของ Apple โหดจัดถึงขั้นกล้ามองหาความเป็นไปได้ที่จะทำ CPU โน๊ตบุ๊คเอง
ARM มันประหยัดพลังงานมากกว่า x86 แต่ประสิทธิภาพต้องรอดูอีกที อีกส่วนหนึ่งคือ intel พัฒนาช้าครับ
ง้อทำไม
ryzen customized แบบ console สิ
อาจจะติดเงื่อนไขสัญญาระยะยาว
แบบในข่าวนี้
https://www.blognone.com/node/115961
น่าจะต้องใช้ intel เท่านั้น เดี๋ยวโดนเปรียบเทียบ บน MacOS หล่ะยุ่ง ช่องโหว่ยิ่งมีเยอะกว่าอยู่
ผมใช้ A2 Lite อ่านข่าวนี้แล้วสนุกดี
และก็อยากลองซื้อกะเค้ามั่ง lol
ใช้ s20 ultra. อยู่
คิดว่าแรง ไม่ถึงครึ่งของ iPhone
แค่อัพเดดแอพ แล้วเปิด Chrome ไปด้วยก็กระตุกแล้ว
รอรุ่นต่ำหมื่นครับ
ตั้งแต่มี iPhone เกิดขึ้นบนโลกนี้ ยังไม่เคยมีราคานั้นเลยครับ 555555555
หมื่นกลาง ผมก็ว่าสุดๆ แล้วนะ
เรื่องนี้ต้องยอมเค้านะ
จริงสุด 5555
มันมีหลายประเด็นนะ
- iPhone SE แรงกว่า มือถือ SD865 จริงหรือเปล่า
อันนี้ยังไม่เชื่อทั้งหมดนะ คือ รู้ iPhone SE แรง แต่หลังๆฟาก SD เริ่มใกล้เคียงกับ A Series แล้ว
เอาจริงๆ คือ ไม่เคยมีมือถือ Android ทำแบบนี้ แต่ก็อยากให้ผู้ผลิต Android ดูไว้ รอดูยอดขายของ iPhone SE ก็ได้ และเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ให้ผู้ผลิต Android มันสน CPU แทนที่จะเป็นกล้อง หรือกระจกโค้ง
ส่วนตัวผมอยากได้คล้ายๆแบบนี้ CPU Top จอดี FullHD 5.5 - 6 นิ้ว Body ประกอบแน่นพอ กล้องอย่างมาก 2 ตัว Wide + Tele ขอแบตใหญ่ ราคาปานกลาง
มือถือที่ออกทุกวันนี้ทำกล้อง Top แต่ Spec Midrange กันหมด ไม่มีเจ้าไหนใช้ CPU Top Option Midrange เลย
Pocophone ไงครับ
บอดี้กาก รอมห่วย
ดีแต่แค่พรีเซนเตอร์
ยอดขายเลย แป๊ก
แตกลายใหม่ ยอดขาย 700,000 ก็ไม่น้อยนะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Apple A13 เร็วกว่า ARM Cortex-A77 เยอะครับ ยกเว้น fp memory i/o
แต่ก็กินพลังงานที่ใช้ในงานหนึ่งๆ(joules) เยอะกว่าเช่นกัน
ส่วนเรื่อง segment นี่ผมเห็นด้วยครับ แต่อย่างว่ามันเป็นสำหรับสาย geek โดยเฉพาะ การโฆษณาว่ามีกล้องหลายตัว(แม้จะใช้จริงไม่เอาไหน) หน้าจอใหญ่ แรมเยอะความจุเยอะ มันช่วยให้ลูกค้า mainstream เลือกซื้อได้ง่ายกว่า
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
โอ้โห Exynos สมัยนี้
ผมมองว่ายากที่จะมีเจ้าไหนทำนะ body มันลดค่า appreciation ลงตามกาลเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัททำและคิดค้นเอง(กำไรมันอยู่ตรงนี้) แต่ไปเพิ่มต้นทุน cpu ที่เป็นของบริษัทอื่นผลิต
ที่มีลุ้นจะทำหน่อยก็ huawei กับ Samsung ล่ะนะ แต่ก็ยากอยู่ดี
sd ตัว top +5G ต้นทุนน่าจะล่อไปครึ่งเครื่องแล้ว ใช้อะไหล่เก่าก็ไม่น่าจะลดต้นทุนเท่าไหร่มั้ง สู้ใส่ฟีเจอร์เพื่อการตลาด ออกมาขายดีกว่า
ใจจริงอยากให้ Google ทำตลาด Android แบบ ที่ตลาด Chip VGA ทำมากกว่า
คือผลิตตัว Ref. มาเลย แล้วยี่ห้อไหนก็ไปทำขายเอา
แฟน Android ก็ต้องยอมรับเรื่อง iOS ที่เป็นระบบปิด มันลื่นหัวแตกจริงๆ
อย่าไปเถียงเรื่องความลื่นของ OS และ App กับทาง iPhone เลยอายเค้า
Android มีข้อดีตรงอิสระการใช้งาน ที่ผ่อนคลายกว่า iOS ระดับนึงมากกว่า
ถ้าเรื่องความแรงไม่เถียง แต่ถ้าความลื่น ความไว จะมีตัวเลขพวก refresh rate, frame rate, touch sampling rate, latency เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งมือถือแอนดรอยด์บางตัว เช่น Black Shark 3 อ้างว่าทำได้ดีกว่า iPhone 11 Pro เหมือนในวิดีโอนี้ครับ https://twitter.com/xiaomishka/status/1232209226036060160
แอนดรอยด์จะแก้เกมได้แบบไม่ต้องรื้อทั้งระบบต้องเป็นวิธีนี้เท่านั้นแหละ แต่ปัญหาต่อมาคือ แบตเตอรี
อันนี้ไม่เถียงเลยครับ fact ล้วน ๆ แม้ผมจะไม่อยากซื้อใช้เองก็ตาม แต่ก็ว่าจะซื้อให้พ่อใช้แทนตัว iPhone 5s ที่โดนลอยแพไปปีที่แล้ว เพราะอย่างน้อยมันดูคุ้มค่า คุ้มราคากว่า
ส่วนสาวก Android ที่บอกว่า กล้องไม่สวย ก็แหงล่ะครับ พี่กูเกิลเล่นจับยัดกล้องระดับ flagship ไว้ใน Pixel 3a แต่มันดีแค่กล้องแหละ ที่เหลือ เช่น longevity หรือการอัปเดตในระยะยาว ยังไงก็สู้แอปเปิลไม่ได้อยู่ดี อันนี้ก็ต้องยอมรับตรง ๆ
เสียอย่างเดียวจริง ๆ คือเรื่องแบตที่น้อยไปหน่อย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เปิดมาแบบนี้ ยาวแน่นอน 555
มีแอบดูแฟนคลัปบัฟกัน ^^
ก็อาจจะจริง ใช้มาทั้งสองฝั่ง ram ที่เยอะก็ไม่ได้ทำให้เกมลื่นสเปคสูงกว่าแน่ๆแต่ก็เล่นเกมสู้ง ios ไม่ได้คงเพราะระบบพัฒนาสภาพแวดล้อม ios มันแคบกว่า android ก็คงใช้
รอดู gpu ของ amd ครับข่าวหลุดออกมาเค้าบอกแรงทะลุนรก แต่เอามาใช้จริงไม่รู้จะเร็วได้ขนาดนั้นรึเปล่าเพราะน่าจะต้องดูแลเรื่องความร้อนด้วย
มันไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว หน้าตา ขนาด ความจำกัด ให้ฟรีก็ขายทิ้ง โอเคนะ
ไม่คิดอยากใช้ Apple นะ ลองเล่นของน้องมาซักพัก ไม่ชอบความบังคับของ Apple เท่าไร ชอบเลือกเองปรับเองอิสระแบบ Android มากกว่า
แต่เห็นราคา 14,900 แล้วแบบ... ไม่ได้อยากซื้อนะ แต่อยากให้ Android มีราคานี้เป็คเรือธงบ้าง
ใกล้เคียงสุดคือ Redmi K30 Pro กับ iQOO Neo3 ข้อเสียคือไม่มีขายอย่างเป็นทางการในไทย
CPU GPU ของพี่ Apple เขาแรงจริง Snapdragon ยังตามอยู่หลายเสาไฟฟ้า
That is the way things are.
มันอาจจะเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริงก็ได้ แต่ลักษณะข้อความนี่ชวนคนมาทะเลาะกันมากจริงๆ
เข้ามาขำ
นานาจิตตัง อาเมน
Just a nerd, who interested in technology :p
เสียงดังจัง พวกที่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของ iPhone ยังกล้ามาออกความเห็นอีก กลับไปใช้ android ระบบเปิด ปรับแต่งได้จนเละ ยุ่งยากต่อไปเถอะ แต่ cpu ก็ยังแพ้เหมือนเคยอ่ะนะ คริ คริ
รับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานที่มีความชื่นชอบไม่เหมือนกัน มันเป็นอะไรที่ดีมากเลยนะครับสำหรับผม
มันทำให้เราได้รู้ข้อมูลโดยที่เราไม่ต้องลงทุนเงินหลายหมื่นเพื่อมาหาข้อมูลด้วยตัวเอง
คุณนี่ก็เกินไปนะครับ เขาสนทนาเพื่อให้เห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละเจ้าว่าเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่คุณพิมพ์มาในนี้เหมือนคุณเหยียดผู้ใช้อีกฝั่งโดยไม่เห็นคุณค่าอะไรเลย
คุณอย่าลืมนะครับว่าคนที่ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ คือผู้ใช้ทั่วไป ไม่ใช่คุณ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้คนอื่นชอบเหมือนคุณได้นะครับ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลของตนเอง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เค้าก็สไตล์นี้บ่อยๆ นะครับ ไม่แน่ใจว่าต้องชินมั้ย
ผมเขียนไปงั้นแหละครับ เพราะสุดท้ายก็ยังคง mindset เดิม ๆ คลาสสิกสาวกครับ เห็นชื่อก็รู้ ๆ อยู่
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1 เหยียดคนอื่น อวยตัวเอง นี่ละตัวจริง
ได้ความรู้ดีครับ อย่างว่านะใช้อะไรก็ใช้ไปนะ 555 ควรเปิดใจรับฟังอีกฝั่งด้วยก็ดีนะ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เรียกแขกได้ดีจริงๆ
เดือด ตลอด กระทู้ แนวนี้
เหมือนไม่มีอะไรจะพูด เพราะตอนประกาศยอดขายที่เพิ่มมาแค่ 1%
มันก็เร็วกว่าตั้งนานแล้ว พูดเหมือนเพิ่งเปิดตัว CPU ใหม่
ผมว่ารอบนี้คือตั้งใจพยายามจะดูดผู้ใช้ฝั่งแอนดรอยด์จะๆ เลย ก็เลยน่าจะต้องจุดกระแสให้มัน hype หน่อย ซึ่งดูแล้วก็ได้ผลค่อนข้างมากอยู่นะครับ
เอาตรงๆมั้ย เห็นประจำ ข่าว Android ไม่ค่อยเกิน 10 โดยเฉลี่ยรวมทุกข่าว แต่พอข่าว apple มา คอมเม้นแทบจะครึ่ง 100 ที่เม้นกันก็คนใช้ Android บอกไม่คิดจะซื้อ iPhone ไม่คิดจะเป็นลูกค้า apple เพราะมันปรับแต่งไม่ได้ มันคืออะไรกันครับ
ส่วนของผมไม่เคยคิดจะซื้อ iPhone เลยตั้งแต่มีมา เพราะคิดว่า iPhone เป็นสินค้าของ apple ที่ราคาเฟ้อที่สุดสูงเวอร์ ฟีเจอร์ใช้งานในไทยได้ไม่หมด เลยไปใช้ iPad pro แทน จนมี SE รุ่นแรกเคยอยากไ้รอบนึงแล้ว แต่ช่วงนั้นผมขอไป windows phone ก่อน จนตอนนี้เขาเลิก support แล้ว ผมต้องย้ายจาก windows phone แล้ว แน่นอนผมไม่ไป android เพราะแค่คนใช้ android ที่บ้านผมเขาก็เอาปัญหามาให้จนปวดหัวแล้ว วุ่นวายมากจะทำงานทำการก็ไม่ได้ ต้องมานั่งแก้ จะมาลงรอมเองก็เสียเวลาชีวิต ไม่อยากปรับอะไร ขอใช้ง่ายใส่สะดวกตรงตามความต้องการพอ จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น (ไม่นับ Android เรือธงราคาสองหมื่นอัพนะ อันนั้นยังดีอยู่แต่แพงสำหรับผมอ่ะ) แต่ทุกวันนี้มือถือ Android หมื่นต้นๆ หมื่นปลายๆ แม่ผมยังบ่นว่า เนตช้าอยู่เลย ซึ่งผมใช้ iPad ใช้เนตค่ายมือถือเดียวกันลื่นปกติ คิดว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน Android ออกแบบมาให้ยาก? คนมีอายุที่อาจลืมปิด app เครื่องก็อืดเรื่อยๆกินแบตเรื่อยๆ
ทำไมผมย้อนดูข่าวที่ติดแท็ก Apple ก็ไม่ได้เห็นจะมีคอมเมนต์เยอะอะไรนะ มีแค่ข่าวเปิดตัว iPhone SE ที่เยอะกว่าเพื่อน และข่าวนี้จะเยอะกว่าปกติก็ไม่แปลกเพราะ Tim Cook เปิดศึกเอง
ส่วนเรื่องการใช้งาน แม่คุณใช้ Android ตัวคุณใช้ iPad แล้วเอามาเปรียบเทียบกันทั้งๆที่คนใช้ไม่ใช่คนเดียวกัน งงครับ ไม่ได้ไม่เชื่อว่า iPad เร็วกว่านะ แต่เปรียบเทียบแบบนี้ ผิดรึเปล่า มันต้องเป็นคนใช้งานคนเดียวกันหรือเปล่า หรือคุณพิมพ์รายละเอียดไม่ครบเอง คุณน่าจะพิมพ์เพิ่มไปว่า ลองให้แม่ใช้ iPad แล้วแม่ชอบมาก แม่บอกว่าไวกว่ามาก แม่ขอให้ซื้อให้ด้วย
เน็ตค่ายมือถือเดียวกันความเร็วห่างกันหลายเท่านี่ผมเจอประจำครับ ไม่ค่อยได้ขึ้นกับตัวอุปกรณ์เท่าไหร่หรอก - -"
ต่างกับผมนิดหน่อย เน็ตค่ายเดียวกัน พอใช้ Android จะเร็วกว่า iPhone
หลายคอมเม้นเหมือนเปิดโลกใหม่เลย ความรู้ทั้งนั้น
ไม่ได้เห็นข่าวที่คอมเมนต์เยอะๆมาพักใหญ่แล้วแฮะ อิอิ
..: เรื่อยไป
ปัญหาสำหรับที่บ้านมีผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้โบราณจนใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ทันสมัยจนใช้เองเป็น
iPhone นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดเลยครับ เพราะหลายๆ อย่างมัน Complete จบในตัวเองมากๆ
ยิ่งหลงเข้ามาใน Ecosystem ของ Apple แล้วนี่ เรียกว่าออกไม่ได้เลยดีกว่าครับ
ทุกๆ อย่างในบ้านมันดูเหมือนจะ Connect ไปหมด เรียกว่าเอาเงินแก้ปัญหาเลยครับ
แต่เนื่องจากแต่ละคน Pain point มันไม่เหมือนกัน Apple เค้าออก SE มา ส่วนตัวผมมองว่า
ส่วนนึงเอาไว้สำหรับคนที่ชอบว่าแอปเปิลเรื่องกั๊กสเปค ราคาแพง แล้วก็เป็นของฟุ่มเฟือย
เอาตรงๆ มันก็แก้ต่างไม่หมดหรอกครับ แต่รุ่นนี้มันก็พอได้เรื่องหมื่นห้ามีทอน
ถ้าจะซื้อมือถือราคาหมื่นห้า ตอนนี้ผมเองก็พูดได้เต็มปากขึ้นว่าจะแนะนำให้ซื้อ iPhone SE2
ซึ่งถ้าใช้แค่เบสิค ผมว่ามี 5 ปี เผื่อๆ เลยครับ
ส่วนตัวตอนนี้อยากได้ X1 Mk. II มากๆ คือเป็นแฟนโซนี่ตั้งแต่ Xperia S แล้วก็ตามมา Z
แต่หลังจากนั้นในไทยก็ตกต่ำมาตลอด จะรอดูว่าเครื่องนี้จะกลับมามั้ย
แต่ถ้าปีนี้ไอโฟนใหม่ขอบเหลี่ยมผมหนีกลับแอปเปิลเลยนะ 555
สำหรับผู้สูงอายุต้องขยายความเพิ่มว่าต้องเป็น iPhone จอใหญ่ หรือไม่ก็ iPad ครับ ตอนนี้ให้ใช้ 6 นิ้ว และมีการบ่นว่าอยากได้ใหญ่กว่านี้ ตามสภาพสายตาที่ลดน้อยลง
แม่ผมพึ่งถอย iPhone 7 มาเมื่อวานนี้เอง หลังจากอยู่กับ 5S มา 5 ปีเต็ม แกบอกว่า Android ใช้ยาก
อ่านเพลินเลย ได้ความรู้เยอะเลย