จากประเด็น Linux Mint ประกาศไม่ใช้แพ็กเกจ Snap ตาม Ubuntu ตัวแทนของบริษัท Canonical ก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า Chromium เป็น Snap มาตั้งแต่ Ubuntu 19.10 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเปลี่ยนในเวอร์ชัน 20.04 LTS
ส่วนเหตุผลที่ทำแพ็กเกจ Chromium เป็น Snap เพียงอย่างเดียวเป็นเพราะ
- Chromium ไม่ใช่เบราว์เซอร์ดีฟอลต์ของ Ubuntu จึงถูกจัดหมวดอยู่ในแพ็กเกจกลุ่ม universe ที่ดูแลโดยชุมชน (ดีฟอลต์คือ Firefox เป็นแพ็กเกจกลุ่ม main)
- แต่ Chromium เป็นแพ็กเกจที่ได้รับความนิยมสูง ทำให้ทีมงาน Ubuntu สัญญาว่าจะดูแลแพ็กเกจนี้เอง
- ปัญหาคือ Chromium ออกเวอร์ชันใหม่บ่อยมาก (ทุก 6 สัปดาห์) และทีมงานต้องทำแพ็กเกจให้ Ubuntu เวอร์ชันเก่าที่ยังซัพพอร์ต (เช่น 16.04, 18.04) และทุกสถาปัตยกรรมซีพียู (amd64, i386, armhf, arm64) จึงเป็นภาระมาก
- อีกทั้งการคอมไพล์ Chromium บนระบบปฏิบัติการเก่า (เช่น 16.04) ก็ไม่ง่าย เพราะ Chromium ขยับมาใช้คอมไพเลอร์เวอร์ชันใหม่ๆ ที่ไม่มีในระบบปฏิบัติการเก่า
- ทางออกจึงเป็นการทำแพ็กเกจแบบ Snap เพียงอย่างเดียว ที่คอมไพล์ครั้งเดียวต่อหนึ่งสถาปัตยกรรม แล้วใช้ได้ย้อนไปถึง Ubuntu 14.04 รวมถึงดิสโทรลินุกซ์อื่นที่ไม่ใช่ Ubuntu ด้วย
ตัวแทนของ Canonical ยังบอกว่ายินดีพูดคุยกับทีมงาน Linux Mint เพื่อหาทางออกร่วมกัน และจะยินดีมากถ้า Linux Mint หันมาใช้แพ็กเกจแบบ Snap ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหลายๆ อย่างของระบบแพ็กเกจแบบเดิม
ที่มา - ZDNet
Comments
ก็ไม่ชี้แจงไม่แจ้งก่อนนี่ครับ - -" แล้วทำขนาดนั้นชี้แจงก่อนก็คงโดนอยู่ดีแต่ไม่หนักเท่านี้
แต่ Snap เนี่ยทีแรกผมชอบนะ (จริงๆ ก็ยังชอบ) แต่คือลง Chromium ให้ Raspbian บน Raspberry Pi เนี่ย ดีมากคือได้อัปเดตล่าสุด (ขณะที่ apt ได้รุ่นเก่า นานๆ จะอัปเดตสักที ก็น่าจะเรื่องเดียวกับที่ Canonical บ่นในข่าวนี้?) แต่คือกิน CPU ไปเกิน 50% ตลอดเวลาแม้ไม่ทำอะไรนี่ก็ไม่ไหวนะครับ ไม่รู้ติดบั๊คอะไรแต่ทำเอาใช้งานไม่ได้ไปเลย ?
+1 ผมเองไม่ได้มีปัญหากับ snap นะ แต่รู้สึกว่ามันกินทรัพยากรมากไปหน่อย กับตอนแรกที่ใช้มีปัญหาเรื่อง ui ตอนนี้คงแก้ไปแล้วมั้ง
เป็นเหมือนกัน ส่วนตัวเวลาทำงานกับพวกบอร์ด embedded ทั้งหลายแหล่ apt จะชอบมีปัญหาเรื่องลงแล้วได้เวอร์ชั่นไม่อัพเดท ปวดหัวทุกที
ได้กลิ่นดราม่าลอยมา
เอาไงดี ข้อดีก็มีข้อเสียก็มี
เหตุผลแบบนี้ก็รับได้นะครับ
กลับมาใช้ ubuntu เหมือนเดิม
อยากให้คนอื่นใช้ด้วยก็เลิกผูกขาด repo ไว้ที่ตัวเองสิ (ฟระ)
ส่วนตัวเสพติด appimage มากกว่า ทุกอย่างอยู่ในแอพหมด ข้อเสียคือ dependency บานออกมาถ้าใช้แพ็กเกจที่มี dependency ร่วมกันเยอะ ๆ อีกตัวที่ชอบก็ flatpak แต่มันไม่ยอมใช้ dependency ในเครื่องเลย ต้องโหลดใหม่มาเพิ่ม กินเนื้อที่เยอะมาก เลยพยายามใช้ appimage มากกว่า