สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเห็นข่าว แบรนด์สินค้าหลายราย เช่น North Face, Patagonia, Verizon ระงับการลงโฆษณาใน Facebook ประท้วงที่ไม่สามารถจัดการปัญหา hate speech ได้
รอบวันที่ผ่านมา มีอีก 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลกคือ Unilever และ Coca-Cola ที่ประกาศหยุดลงโฆษณาในโซเชียลทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ Facebook) เพื่อประท้วงเช่นกัน
Unilever ใช้มาตรการแรงคือจะหยุดจ่ายเงินโฆษณาบนโซเชียล (ที่ระบุชื่อคือ Facebook, Instagram, Twitter) ไปจนถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้ (มีผลเฉพาะงบโฆษณาของ Unilever ในสหรัฐ) โดยจะนำงบโฆษณาเหล่านี้ย้ายไปลงสื่อประเภทอื่นแทน
ส่วน Coca-Cola ประกาศมาตรการแบบเดียวกันคือระงับโฆษณาบนโซเชียล แต่เป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าคือ 30 วัน โดยบริษัทแถลงว่าจะขอดูผลก่อนปรับนโยบายโฆษณาในระยะยาวต่อไป
แคมเปญรณรงค์บอยคอตโฆษณาบน Facebook ในเดือนกรกฎาคม มีชื่อว่า Hit Pause on Hate ที่ตั้งมาสู้กับนโยบายของ Facebook ตรงๆ หลังมีคลิปเสียงของ Mark Zuckerberg ตอบคำถามพนักงานหลุดออกมา
Comments
หยุดลงโฆษณา แต่มีผลให้มีคนพูดถึงมากขึ้น
พอยอดตก เดี๋ยวก็กลับมาลงโฆษณาต่อ
ของพวกนี้คนใช้เป็นปกติอยู่แล้ว ระยะสั้น อาจจะไม่เห็นผลมาก
แล้วเขาบอกว่าระงับแค่ Facebook แปลว่าช่องทาง online อื่น ๆ และ offline ก็ยังมี
ลดค่าใช่จ่ายช่วง Covid-19 ยังไงให้ดูหล่อ แล้วได้พื้นที่สื่อไปแบบฟรีๆ
โดยจะนำงบโฆษณาเหล่านี้ย้ายไปลงสื่อประเภทอื่นแทน
เรื่อง นี้ ต้องให้ ทางเฟส จ้างพนักเพิ่ม มาค่อยไล่ ดุ ไล่ตรวจตามแฟนเพจต่างๆ คอมเม้นต่างๆ แล้ว มาคอ่ยไล่ลบเอาเหรอ
Ai นี้ก็ไม่น่าจะเก่ง ขนาด ทุะลุ่ทะลวงได้ขนาดนั้นนะ
อันนี้ต้นเหตุมันมาจากโพสต์ของ Trump น่ะครับ เป็น account ใหญ่ที่ทุกคนจับตาอยู่แล้ว มีคนไปท้วงกันว่าไม่ลบเหรอ Mark ก็บอกว่าไม่ลบแน่ๆ
ส่วนตามแฟนเพจตามคอมเมนต์ คนก็ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องไล่ลบมันให้หมดขนาดนั้น หลักๆคืออยากแสดงออกเพื่อโต้ตอบท่าทีของ Mark มากกว่า
เฟสจะเงียบๆแล้วรับโฆษณาจากเจ้าอื่นแทน