นิวยอร์ก ประกาศแบนการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า และไบโอเมตริกซ์ในรูปแบบอื่นๆ ในโรงเรียนไปจนถึงปี 2022 โดยตอนนี้รอผู้ว่าการรัฐ Andrew Cuomo ลงนาม
เดือนมกราคมที่ผ่านมา เขตการศึกษา Lockport City School District ในนิวยอร์กได้ประกาศใช้การจดจำใบหน้าในโรงเรียนอย่างชัดเจน โดยมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน ตรวจจับคนไม่หวังดีรวมถึงผู้กระทำความผิดทางเพศหรือผู้ที่ถูกสั่งห้ามตามคำสั่งของศาล แต่กลุ่มสิทธิมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและความเป็นส่วนตัวเด็ก รวมถึงมีความกังวลว่าจะเก็บมีการเก็บข้อมูลเซนซิทีฟของเด็กหรือไม่
New York Civil Liberties Union หรือกลุ่มสิทธิที่เคยยื่นฟ้องเขตการศึกษาเมื่อเดือนที่ผ่านมา แสดงความเห็นชื่นชมที่ทางการนิวยอร์กออกประกาศแบนเทคโนโลยีจดจำใบหน้าในโรงเรียน และยังบอกด้วยว่าระบบจดจำใบหน้ายังไม่แม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อต้องนำมาใช้กับผู้หญิงและคนดำ นอกจากนี้ หน้าตาของนักเรียนก็จะเปลี่ยนไปตามการเจริญเติบโตซึ่งเป็นคำถามว่าระบบจะทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ หรือจะนำไปสู่การลงโทษทางวินัยผิดคนหรือไม่
ภาพจาก Facebook Lockport City School District
ที่มา - Venture Beat
Comments
ตรงคำว่าคนดำ นี่เปลี่ยนเป็นคนผิวสีดีมั้ยคะ? เห็นในต้นฉบับเป็น People of color
จริงๆในมุมของคนดำ เค้าโอเคกับการเรียกเค้าว่า Black people เพราะสื่อถึงอัตลักษณ์ชัดเจน แต่ไม่โอเคกับคำว่า Color people ที่รากเหง้ามาจากการแบ่งชนชั้นทางสังคมในยุคเหยียดเพศหนักๆ
เดี๋ยวนี้เห็นใช้คำว่า Black กันหมดแล้ว ไม่รู้ทำไมต้นทางถึงเลือกใช้ People of color
USA : Privacy
CHN : Security
TH:... ?
อั้วะจะทำ มีปัญหาอะไรปะ
ปล. ดูง่ายๆ เลยก็เรื่องครูตัดผมนักเรียนที่ยาวเกินกฎโรงเรียน ทั้งๆ ที่กฎกระทรวงศึกษาธิการบอกห้ามตัด แถมยังระบุเลยว่านักเรียนไว้ยาวได้แต่ต้องจัดการให้เรียบร้อยครับ
อยากจะถามครูที่ไล่ตัดว่า ช่วยไปบังคับครูทั้งโรงเรียนไว้ทรงพวกนั้นเป็นตัวอย่างแก่เด็กหน่อย พวกเขาจะว่าไง
อยากรู้ ว่าถ้าเป็นแฝดเหมือน จะแยกออกมััย
ไม่ออกครับ แค่คนหน้าคล้ายก็ยากแล้วครับ ความน่าจะเป็นอยู่หลักหมื่นเลยครับที่จะซ้ำ ผมยังเคยเจอเคสลูกค้าหน้าเหมือนเลยครับไม่รอด