คนแถวๆ นี้น่าจะเล่น Bing กันหมดแล้ว (ถ้ายังก็ลองซะ ไม่ธรรมดาเลยล่ะ แต่ต้องเซ็ตประเทศเป็น USA ก่อนนะครับ) ตอนนี้เรามารู้จักกับหัวเรือสำคัญผู้สร้าง Bing กันดีกว่า
Qi Lu (น่าจะอ่านว่า "ฉี ลู่" ใครแม่นภาษาจีนช่วยยืนยัน) ฟังชื่อดูก็รู้ว่าเป็นจีน ปัจจุบันอายุ 47 ขวบ อดีตเคยเป็นหัวหน้าฝ่าย search technology ให้กับยาฮู เขาเป็นลูกหม้อของยาฮูมาตั้งแต่ยุค 1998 ช่วงหลังเขาเริ่มท้อแท้กับอนาคตของบริษัทเลยวางแผนจะพับเสื่อกลับเมืองจีน ระหว่างที่กำลังลังเลอยู่นั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งจากผู้ชายที่ชื่อว่าสตีฟ บัลเมอร์ และเรื่องทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น
ย้อนประวัติชีวิตของ Qi Lu กันสักหน่อย เขาเกิดในเมืองจีน ที่เซี่ยงไฮ้ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมพอดี พ่อแม่เลยส่งไปอยู่ชนบทกับญาติในมณฑลเจียงสูเพื่อความปลอดภัย เขาโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา อาชีพในฝันของเขามีสองอย่าง อย่างแรกคือต่อเรือแต่ดันตัวเล็กเกิน อย่างที่สองคือนักฟิสิกส์แต่ก็ดันมีปัญหาเรื่องสายตา
Qi Lu จึงหันมาเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อหวังจะได้งานในโรงงานผลิตวิทยุ แต่เมื่อเรียนจบปริญญาโท เขากลับได้งานเป็นอาจารย์ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งได้เงินเดือนแค่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ ชีวิตดูจะราบเรียบเป็นอย่างนี้ไปจนตาย แต่คืนหนึ่งในวันที่ฝนตก เขากลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ไม่ได้จึงต้องอยู่ในหอพักอาจารย์ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
นักเรียนคนหนึ่งเดินมาขอให้เขาเข้าฟังการบรรยายของศาสตราจารย์จาก Carnegie Mellon เพราะคนเข้าน้อยกลัวโหรงเหรง Qi Lu ไม่มีทางเลือก วันนั้นเป็นการบรรยายของ Edmund M. Clark (Wikipedia) ปรากฎว่า Qi Lu ถามคำถามที่โดดเด่นโดนใจศาสตราจารย์มากถึงขนาดเสนอทุนเรียนต่อเอกให้ Qi Lu รวมถึงจ่ายค่าสมัคร 45 ดอลลาร์ที่ Qi Lu ไม่มีจ่ายให้ด้วย
ชีวิตของ Qi Lu หลังจากนั้นก็พลิกผัน เขาเริ่มงานที่ IBM ก่อนย้ายมายาฮู และเป็นเจ้าแห่ง search engine ภายในยาฮูในที่สุด เขามีชื่อเสียงทั้งในแง่ความสามารถทางเทคโนโลยีและการทำงานหนักวันละ 19 ชม. (ตื่นตีสามมาวิ่ง และทำงานจนถึง 4 ทุ่ม) ลูกน้องและพนักงานในยาฮูเคารพในตัว Qi Lu มากถึงขนาดมีเสื้อยืดที่เขียนว่า "I worked with Qi. Did you?"
Qi Lu พบปัญหาในการของบประมาณจากฝ่ายบริหารของยาฮูเพื่อมาผลักดันด้าน search ให้แข่งกับกูเกิลได้ แหล่งข่าวรายงานว่าเขาหมดศรัทธากับบริษัท และหลังจากบัลเมอร์มาทาบทาม เขาลาออกจากยาฮูเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และเข้าทำงานกับไมโครซอฟท์ในเดือนธันวาคม ตำแหน่งปัจจุบันคือ ประธานฝ่าย Online Services Division
ในระหว่างที่ Qi Lu ปรับปรุงฝ่าย search technology บัลเมอร์ก็ได้ให้ Susan Athey นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่าไมโครซอฟท์ยังมีโอกาสในตลาดนี้หรือเปล่า? ตอนแรก Athey เกรงว่าจะไม่มีที่ยืนสำหรับเบอร์สองในตลาด แต่หลังจากวิจัยพฤติกรรมผู้ใช้ search engine ว่ายังไม่พอใจกับการทำงานของ search engine ในปัจจุบัน เธอก็มั่นใจว่า "ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไมโครซอฟท์จะสู้กูเกิลไม่ได้"
Qi Lu กำลังวางแผนระยะยาวสำหรับยุทธศาสตร์ด้าน search engine ให้กับไมโครซอฟท์ เขามองว่าจุดแข็งของไมโครซอฟท์คือความมุ่งมั่นที่จะสู้ในเกมระยะยาวกับกูเกิล ในอนาคตไมโครซอฟท์จะมุ่งไปยังวิธีการค้นหาแบบอื่นๆ เช่น ค้นหาด้วยเสียง หรือ ผ่านมือถือ Qi Lu ทิ้งท้ายว่า "Bing ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น"
ที่มา - BusinessWeek
Comments
ประวัติน่าสนใจมากเลยครับ อยากเก่งเเบบนี้จัง
อิๆ
หรือว่า MS ซื้อหุ้น Yahoo ไม่ได้เลยซื้อตัวพนักงานแทน.. อิอิ
แต่นับถือลูกผู้ชายสู้ชีวิตครับ
http://www.beartai.com : Beartai Hitech
อ่านประวัติแล้ว รู้สึกไฟลุกโชนอยากทำอะไรขึ้นมาบ้าง @_@
ฉี่ลู่...ลม
พรึ่ดดดดดด
หน้าเหมือน Dr. Pierre Chang ใน Lost เลยเนอะ
ประวัติน่าสนใจมากครับ
อยากรู้ว่า Qi Lu ถามคำถามอะไรถึงโดนใจ Edmund M. Clark ขนาดนั้น
+10 น่าสนใจคำถามนี้มาก
+1 อยากรู้เหมือนกันครับ
อยากทราบเหมือนกัน
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
นับถือในเรื่องดวงด้วยอย่างนึงครับ ลูกผู้ชาย (หญิง) ล้วนต้องมีชะตาลิขิตบ้างบางครั้ง
I will change the world, to the better day.
I will change the world, to the better day.
+1 ฟ้าลิขิตจริง ๆ
โว้วๆๆๆ คนจีนอีกแย้ววววว สู้ๆ
------
Unlimited Asian Music (ดูเอ็มวี ไทย, เกาหลี และญี่ปุ่น ฟรีๆ)
คนจีนเก่งจัง
ได้ตัวเทพมาอีก 1(น่าจะตามมาด้วยความคลั่งในอะไรซักอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างที่ตัวเทพ ๆ ใน MS ชอบเป็นกัน) ตัวเทพเฉพาะทาง+ทุนหน้า+ความอึดของ MS ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก
จริงๆ ถ้าตามอ่านเว็บพวก TechCrunch หรือ ValleyWag มันจะมีข่าวย้ายข้ามห้วยกันอยู่บ่อยๆ เพียงแต่ผมก็ไม่วงในขนาดแยกได้ว่าตัวไหนเทพไม่เทพครับ (ในวงการเขาคงรู้กัน) กรณีของ Qi Lu ตอนย้ายงานก็เป็นข่าวดังเหมือนกัน (ลอง search ชื่อพี่แกดูได้)
ส่วนที่กลายมาเป็นข่าวอันนี้ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะแผนการโปรโมท Bing ด้วย
ปีนี้มาแรงมาก เสือหลับตื่นแล้ว .. Windows 7, Bing , Natal
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
+1 อยากรู้เหมือนกันครับ
อยากรู้ว่า "เงินเดือน 10 ดอลลาร์สหรัฐ" มันเป็นช่วงปีอะไรครับ
ถ้าไม่ถึง 10 ปีนี่ ผมว่าโคตรน่าสงสารเลยนะ แพงกว่าจดโดเมนเนมปัจจุบันหน่อยเดียวเอง
ต้นฉบับมันไม่ได้บอกไว้นะครับ ถ้าลองคำนวณคร่าวๆ จากอายุพี่แก ตีว่าจบโทตอน 25 ก็จะเป็นช่วง 1989 ครับ เป็นช่วงที่เติ้งเสี่ยวผิงพัฒนาเศรษฐกิจไปได้สักระยะ กำลังค่อยๆ เห็นผล
ถ้าขยันอาจไปค้นต่อว่าค่าแรงเฉลี่ยจีนช่วงนั้นประมาณเท่าไร น่าจะหาไม่ยากนัก
Google ช่วยท่านได้ครับ
แกจบโทตอนปี 1987
คนไทยก็เก่งไม่แพ้กัน แต่ไม่ค่อยโผล่ระดับโลกซักเท่าไร ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่เจอๆมาเนี่ย เทพทั้งนั้น
Backlink|dofollow|PR..28.5 PR4! by Cloudkr
เพราะเราไม่มี "เจ๊ดัน" มังครับ
ผมว่าการแสวงหาโอกาสน่ะยากกว่าการจะเป็นคนเก่งจริงๆซะอีก
มี
แต่ปัญหาคือคุณไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่น
+100 เลย ช่วงนี้เบื่อข่าวพวกนี้ชะมัด เด็กไม่ผิดหรอกนะผมว่า ผู้ใหญ่นี่แหละจะทำผ้าขาวแปดเปื้อน!!
และผมก็เชื่อมั่นเช่นกันว่าคนไทยเทพๆ ก็เยอะ ปัญหาคือมันไม่มีคนดันนี่แหละ ไม่งั้นมันจะมีพวกสมองไหลเยอะรึ (ถึงขนาดต้องตั้งสมาคมหรือชมรมหรืออะไรซักอย่างชื่อ "สมองไหลกลับ") เฮ้อ...
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
สุดยอดครับ
รู้สึกคนจีนใน MS จะเยอะ รู้สึกว่า Aero Peek ก็จะฝีมือคนจีนนะครับถ้าจำไม่ผิด
The Phantom Thief
ดีครับ เพราะยิ่งแข่งขันกันเท่าไร search engine ก็จะฉลาดขึ้นเท่านั้น
ผู้ได้ประโยชน์คือคนที่ใช้ search engine อย่างเราๆ
อย่างที่เกิดขึ้นแล้วใน web browser ในตอนนี้
Yahoo! และ Microsoft ได้คนจีนทำ
แต่ Google ได้คนรัสเซีย (คุณพี่บริน) ทำ
aka ohmohm
"เขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งจากผู้ชายที่ชื่อว่าสตีฟ บัลเมอร์ และเรื่องทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น"
ชอบตรงนี้มากเลยครับ บางทีเราก็ต้องทำให้ตัวเองพร้อมเสมอ กับโอกาสที่เข้ามาในชีวิต อิอิ
นำเรื่องนี้มาเป็นแรงบันดาลใจได้เลย อิอิ