คดีความผูกขาดและการปะทะระหว่าง Apple และ Epic เผยให้เห็นรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเว็บไซต์ 9to5Mac พบเอกสารอีเมลส่งกันภายในองค์กรในปี 2018 ที่ระบุว่า Apple พยายามยับยั้งไม่ให้ Netflix ทดสอบยกเลิกระบบ IAP ของ Apple (In-App Purchase) เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนหักส่วนแบ่ง 30% โดย Apple พยายามทำทุกทาง แสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจของ Netflix ส่งผลต่อ Apple อย่างมาก
Carson Oliver ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการธุรกิจ App Store ระบุในอีเมลว่า จากการตัดสินใจของ Netflix ที่จะทดสอบไม่รับสมาชิกผ่าน App Store นั้นจะส่งผลต่อประสบการณ์ลูกค้า และโอกาสในการร่วมมือกันทางการตลาดระหว่าง Apple และ Netflix นอกจากนี้ Oliver ยังระบุถึงมาตรการโต้กลับ Netflix ด้วยเช่น ดึงเนื้อหาของ Netflix ออกจากแพลตฟอร์มในช่วงการทดสอบ
ในอีเมลยังเผยเอกสารพรีเซนเทชั่นแผนการของ Apple ในการยับยั้งการทดสอบของ Netflix พยายามโน้มน้าวว่า ค่าคอมมิชชั่นของ Apple นั้นสมเหตุสมผล และจะใช้แผนจูงใจเช่น ทำเนื้อหาโปรโมท Netflix ใน App Store โดยจะโปรโมทให้มากกว่าพาร์ทเนอร์รายอื่น เข้าถึงผู้อ่าน 16.5 ล้านรายทั่วโลก เพิ่มโอกาสการดาวน์โหลด 6-7%
นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ในรายละเอียดปลีกย่อยอย่าง แพ็กเกจบันเดิลกับ Apple TV, ความยืดหยุ่นในการยกเลิกสมาชิก, ทุ่มทุนการตลาดให้ Netflix ในช่องทางต่างๆ ทั้งใน App Store ช่องทางค้นหา อีเมลมาร์เกตติ้ง และโปรโมท Netflix ในร้านค้าด้วยการสาธิตเดโม่ เป็นต้น
แต่สุดท้ายแล้วความพยายามของ Apple ไม่เป็นผล เพราะ Netflix ยกเลิกระบบ IAP ไปอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2018 ประเด็นเรื่อง IAP กำลังถูกตั้งคำถามจากนักพัฒนาภายนอก และเรื่องราวถึงศาลแล้วโดย Epic ยื่นฟ้อง Apple เรื่องผูกขาด
จากการไต่สวนยังเผยเอกสารอื่นๆ ที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็น Apple ไม่ทำ iMessage เวอร์ชั่น Android เพราะไม่อยากเสียผู้ใช้ไปจาก iOS, ไมโครซอฟท์มีแผนปรับค่าธรรมเนียมฝั่ง Xbox ลงมาที่ 12% ชี้ให้เห็นว่าค่าธรรมเนียม 30% นั้นไม่ยุติธรรม
อ่านมหากาพย์ข้อพิพาทระหว่าง Apple และ Epic ได้ ที่นี่
ที่มา - 9to5Mac
Comments
โดนรุม ขนาดนี้จะรอดไหม
ไม่รู้ว่าเจ้าไหนบ้างที่เก็บค่าคอมฯ เป็นขั้นบันได เท่าที่เห็นคือสตีม ขายได้น้อย จ่ายแพง ขายได้เยอะ ก็จะลด % ลง ซึ่งทำให้ค่ายเกมค่ายใหญ่ ที่ขายได้เยอะๆ เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับสตีมแถมตัวแพลต์ฟอร์มก็ยังเรียกว่ามีฟีเจอร์ครบแทบจะทุกความต้องการแล้ว ต่างจากอีกเจ้านอกจากลันเชอร์จะอืดมากแล้ว ก็ยังไม่พัฒนาไปไหนสักเท่าไร...
The Dream hacker..
ต้องเจอกันครึ่งทาง ไม่ได้ ก้ต้องแตกหัก
ถ้า Netflix + Spotify (+ Epic) นี่ท่าจะมัน
ผมเคยคุยกับ Support Blizzard ตอนที่ เรื่องเติมเงินมีปัญหาและขอคืน
โดยที่ซื้่อผ่าน Apple
Support พูดว่า เที่ยวหน้า ซื้อผ่านของเราโดยตรงบนคอมหรืออะไรดีกว่าครับ
มีปัญหาก็คุยง่ายกว่า ถูกกว่า
netflix ยอดคนจ่ายเงินทั่วโลกมหาศาล ถ้าเป็นผมนะ คงไปแอบคุยยกดีล % พิเศษให้เลยละ จะกี่เปอร์เซ็น apple ก็มีแต่ได้กับได้ แต่พอเค้าไม่ทำ in-app .........ก็ไม่ได้อะไรเลย
แต่ apple Device มีมหาศาลเลยนะครับ ถ้า apple แตะ Nerflix ออกจาก App Store ก็...บรรเทิง
เปิดดูผ่าน browser ก็ได้นี่ครับ
อยากให้ลองเตะเลยครับ
The Dream hacker..
ในยุค content is King สมัยนี้ Apple คงไม่กล้าเตะ Netflix หรอกครับ
That is the way things are.
คงจะมีหลายคนที่ตัดสินใจไม่ซื้อ iPad เพราะดู Netflix ไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนน้อย (รึเปล่า) แต่ก็ส่วนนึงเลยนะครับ
ทำไมอ่านคอมเม้นนี้แล้ว คิดถึงวลี
"ไม่พอใจ ก็ออกจากประเทศนี้ไป"
ก็ไม่รู้ - -"
Browser คือคำตอบจ้า
จะไม่คุ้มเอานะ ถ้าคนที่ใช้ Apple หนีไปใช้ Android
ไม่หนีกันหรอกครับ เปิดบราวเซอร์ก็แก้ปัญหาได้แล้ว
ผลมันออกมาแล้วครับว่าใครต้องยอม Netflix ถอด iap ออกมา3ปีแล้วแต่ยังมีแอพ Netflix ใน app store
ขอบคุณ Epic ทำให้โลกรู้จักเบื้องหลังกันมากขึ้น
Epic นี้เหมือนตัวเปิดเลยน่ะ
ทุกๆอย่างเริ่มไหลมากองรวมกัน เหม็นจริงๆ Apple
จริงๆเรื่องนี้มันมีอยู่ 2 ประเด็นนะ คือ
- IAP ของ Apple เก็บส่วนแบ่ง 30%
- บังคับให้ใช้ IAP ของ Apple อย่างเดียวห้ามเก็บเงินทางอื่น
ส่วนตัวผมคิดว่า 30% มันไม่ใช่ประเด็นหรอก ราคาที่เหมาะสมคือเท่าไหร่คนนอกคงไม่มีทางตอบได้ และศาลก็คงไม่ไปบังคับให้ลดอะไรตราบเท่าที่ให้เหตุผลได้ ไม่งั้นมันจะไปขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมแทน
ที่น่าจะเป็นประเด็นก็เรื่องการบังคับ IAP ของ Apple นั่นแหละ ทำให้ไม่มีเจ้าอื่นมาแข่งกันแบบตรงๆ เพราะงั้น 30% แพงไปหรือไม่มันจึงตอบไม่ได้
+1
เขาสู้กันด้วยเรื่องนี้อยู่แล้วครับ ว่าควรให้โอกาสช่องทางจ่ายเงินอื่นกับแอพในสโตร์ แต่เอาตรงๆ แพลตฟอร์มแฝงที่แอบขายของถูกกว่า iap ของ Apple มีเยอะนะครับ อย่างการขายบิตหรือดาวในทวิชกับ FB gaming ถ้าซื้อผ่านบราวเซอร์จะถูกกว่าในแอพบน iPhone/ipad แต่ก็ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรกัน หรือถ้าทำแอบๆไม่โฆษณาก็ไม่เป็นไรแต่ถ้ามาโปรโมตถึงจะมีเรื่อง ก็ไม่ทราบ
เข้ามารอความเห็นเทียบ "ตลาด", "ร้านค้า" จะมีมั้ยนะ
ราคาที่เหมาะสมมีด้วยหรอ ฮ่าๆ เอาเถอะโลกธุรกิจ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ทำไม Netflix ทำได้ แต่ EPIC ทำไม่ได้
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
Epic คือใส่ช่องทางจ่ายเงินอื่นเข้าไปในแอปด้วยซึ่งอันนี้ผิดกฏเต็มๆ
ส่วนของ Netflix เข้าใจว่าไม่มีช่องทางจ่ายเงินใดๆเลยในแอป ต้องไปจ่ายเงินนอกแอปเอา ก็เลยไม่ได้ผิดกฏอะไร (ไม่แน่ใจ รอคนมายืนยันครับ)
ของ epic ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็นคือ
1.เรื่อง มีช่องจากในแอพที่ลงใน ios ให้สามารถออกไปจ่ายเงินนอกแอพได้ เลยโดนแบน
2.พอจะมีแค่ช่องทางที่จ่ายผ่าน apple อย่างเดียว ก็ติดที่ต้องเสีย 30% ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นตอนนี้
จากที่เคยทำงานมา แม้เราจะมีบริการจ่ายเงินผ่านเว็บหรืออื่นๆ แต่พอเอาขึ้น app store ต้องไม่สามารถหาทางเข้าช่องทางอื่นจากในแอพได้ แม้แต่ลิงค์ก็ห้าม(ส่วนข้อความเฉยๆ ไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะห้ามเหมือนกัน)
อย่าง netflix เนี้ยแอพของ ios มีหน้าที่เอาไว้ล็อกอิน แล้วรับชมเฉยๆ ไม่มีช่องทางจ่ายเงินเลย ต้องไปหาจ่ายจากที่อื่นเอง
The Dream hacker..
Epic เลือกจะสู้แบบตรงๆ ดึงผู้เล่นของตัวเองมาเป็นตัวประกัน แต่Apple ไม่สนใจ ความซวยเลยตกไปอยู่ที่คนเล่นเกม ที่ต้องเลือกระหว่าง เปลี่ยนเครื่อง กับ เปลี่ยนเกม
ส่วนผมเลือกเปลี่ยนเกมครับ 555
ที่บอกแบบนี้ได้ คือ คุณไม่ได้อยากจะเล่นเกมเขาแต่แรกแล้วป่ะ?