ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Windows 11 รองรับแอพ Android ผ่าน Amazon Appstore ด้วย Intel Bridge Technology
อินเทลออกมาให้ข้อมูลสั้นๆ ว่า Intel Bridge Technology เป็นการรันแอพ Android แบบเนทีฟบน x86 (ไม่ใช่อีมูเลเตอร์) โดยใช้เทคนิค runtime post-compiler ที่ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก
ไมโครซอฟท์ยังให้ข้อมูลเพิ่มว่า Intel Bridge Technology ใช้ได้กับซีพียู x86 ทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดแค่อินเทล ซึ่งแปลว่าซีพียูเอเอ็มดีก็สามารถรันได้ด้วย
Comments
วันนี้ที่รอคอย อยากให้เอา app android มารันบน PC นานแล้ว บน android มีโปรแกรมหลายๆโปรแกรมที่ทำงานได้ในแบบที่ PC ไม่มี
ปัญหาคือหลายๆแอพที่ต้องใช้ GMS ไม่รู้จะใช้ได้รึเปล่านี่สิ
การใช้ Amazon Appstore อาจจะเพราะประเด็น GMS ด้วยมั้ง เลยให้พอการันตีได้ว่าดีลผ่าน Amazon Appstore แล้วแอปยังรันได้ภายใต้สภาวะที่ไม่มี GMS
Amazon App Store ไม่พี่งพา GMS อยู่แล้วครับ และทุกแอพที่มีการเรียกใช้ GMS
จะไปเรียกใช้บริการของ Amazon แทน ซึ่งมีพร้อมใช้และหลากหลายและมีประสิทธิภาพใกล้เคียง GMS เลยทีเดียว
ซึ่งต่างจาก App Gallery ของ Huawei เพราะรายนั้นใช้วิธีตัดออกไปทำให้แอพที่เรียกใช้ทำงานไม่ได้ หรือแสดงผลผิดพลาดได้
สงสัยจังว่า ซื้อผ่าน Windows ที่ผ่าน Amazon Appstore อีกที ใครได้ส่วนแบ่งหัวคิวบ้าง คนละเท่าไร google ได้ด้วยไหม
ปกติถ้าซื้อผ่าน play store ใน android นั้น google ได้ค่าหัวคิวไปคนเดียวเต็มๆ
แล้วก็สงสัยอีกว่าทำไม microsoft ถึงเลือก Amazon app store แทนที่จะเลือกจาก play store ของ google โดยตรง หรือไม่ก็ จาก app store ของ mocrosoft เองตรงๆไปเลย
ทุกวันนี้ Amazon Appstore กูเกิลก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้วนี่ครับ
เห็นมีคนบอก play store ต้องมี gms หรือเปล่าครับ ผมไม่รู้นะไม่ได้ใช้ play store
rosetta <-> attesor
เหมือนพยายามแก้ pain point ที่ store ของตัวเองแทบไม่มีแอพกับโหมดแท็บเล็ตใน windows 10 ที่พิการสุดๆ
เห็นด้วย และ Developer tools ของ Microsoft ณ ตอนนี้ก็พัฒนาแอปบน Android ได้อยู่แล้วด้วย
เลยสงสัยว่า แนวทาง Windows 11 นี้ ทางกูเกิลควรจะดีใจแค่ไหนเลย
จริงๆ ไม่ต้องใจดีน่ะ ดีลผลประโยชน์ลงตัวทุกอย่างเป็นไปได้หมดน่ะครับ
ถถถถถถถถถ เออ เนอะ ? เขินเลย
ผมมองว่า มันไปแข่งกับ Chrome OS ของตัวเองทางตรงเลยมากกว่ามั้ง ที่ใช้งาน Android App ได้ด้วย เลยไม่ปล่อย GMS ให้ MS ใช้งานใน Windows 11 เพราะจะไปแย่งยอดขายของ Chromebook ที่ขายดีอยู่แล้วด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เปิดหน้าสู้กับ ChromeOS รึนี่
CPU ARM ล่ะ…
อาจต้องรอครับ แล้ไม่รู้ว่าจะออกเวอร์ชัน ARM ในภายหลังด้วยไหม ในเมื่อ Android App ใช้งานบน ARM เยอะด้วย น่าจะง่ายกว่า x86-64 อยู่นะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
Windows 11 รองรับ CPU ARM อยู่แล้วนะครับ แถมถ้าจะรันแอป Android ไม่ต้องแปลงโค้ดด้วย
สงสัยการเอา APK x86-64 ไปรันครับ
ยังไม่ออก ผมว่ายังบอกอะไรไม่ได้ แต่ Windows 11 ก็อยู่ในรายการ support ของอุปกรณ์ ARM ส่วนใหญ่ ผมว่า Microsoft ไม่น่าพลาดไม่ support ฮาร์ดแวร์ตัวเองแน่ ๆ แต่ก็คงต้องดูตอน release ปลายปีโน่นเลย
สุดจัดปลัดบอกหรือจะให้ใครบอก ก็ยังสุดจัด
ทำไมไม่กลับไปทำ Windows Phone ซะเลย ในเมื่อสามารถทำให้มันรันแอปแอนดรอยได้
รอบหน้าก็คงเปิดตัว Surface phone ได้สักทีแหละครับ
เอา ASOP มาใส่ใน Store ตัวเองก่อน ดูทิศทางว่าเป็นยังไง ถ้าโอเค ค่อยขยับเพิ่มไปมือถือ
อีกอย่าง ทุกวันนี้ Samsung ก็ build-in Microsoft service ลงในมือถือ Android ตัวเอง แถม OS ก็ไม่ต้องพัฒนา พัฒนาแค่แอป ให้ทำงานให้ได้ดีบน Android แทน แล้วก็ขาย services พ่วงเอาไปก่อน
ทำอะไม่ยาก แต่ทำให้ติดตลาดเกิดเป็นวงกว้างได้อะโคตรยากกกกกกกกกก
dev = ทำยังไงให้จูงใจเอาแอปมาลง
user = ทำยังไงให้จูงใจคนเปลี่ยนมาใช้
Windows 10 จะให้อัพเดทรันแอพ Android อนาคตด้วยไหม
เชื่อไหมว่า ms เล็งๆหาทางเกิดทางมือถือให้ได้อยู่ เพราะ eco ของตัวเองเริ่มมาถูกทิศทางละ อาจจะไม่ได้แข่งตรงๆหรอกแต่ ถ้า eco โดยรวมๆมันลงตัว หุหุ ไม่แน่หรอก os พร้อม pc tablet mobile os เดียว กินรวบยิ่ง teamติดตัว os ด้วย office ด้วย จะลงแอนดรอยก็ได้ เล่นเกมในมือถือต่อด้วย xbox ....โห...ระบบแวดล้อมลงตัวเมื่อไหร่ผมว่า ms เอาแน่ ใช่ surface phone รึเปล่าน๊าาา
ทำไมรอบนี้ intel ไม่กั๊ก มันจะเป็นสุดยอดจุดเด่นเลยนะ
น่าจะอารมณ์เดียวกับ Microsoft Office ที่มีให้ใช้ทั้ง Mac และ Windows
อันนี้ก็คล้ายๆกัน Intel พัฒนาระบบเพื่อ Windows ก็เลยให้ใช้ได้ทั้ง Intel และ AMD
ผมคิดว่าตอนนี้คู่แข่งสำคัญของ x86 มันไม่ใช่ x86 ด้วยกันเองแต่เป็น ARM แล้ว เพราะงั้น x86 ก็เลยต้องร่วมมือกันแล้วล่ะมั้งครับ?
อันนี้น่าจะจริงครับ ถ้าเป็นก่อนหน้า Apple M1 ผมเองก็คิดว่าคงไม่ได้เห็นภาพนี้ ถถถ