เป็นที่รู้กันมานานว่ากูเกิลได้จ่ายเงินให้แอปเปิล ด้วยจำนวนที่สูงในทุกปี เพื่อแลกกับการถูกกำหนดเป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้นใน iPhone, iPad และ Mac แต่ไม่เคยมีตัวเลขออกมาเป็นทางการ อย่างไรก็ตามมีการวิเคราะห์อยู่ทุกปี และปีนี้ก็คาดว่าอาจสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ (2019 ประเมินไว้เกือบหมื่นล้าน)
Toni Sacconaghi นักวิเคราะห์จาก Bernstein ให้ข้อมูลว่าปี 2021 กูเกิลน่าจะจ่ายเงินให้แอปเปิลส่วนนี้ราว 15,000 ล้านดอลลาร์ และในปี 2022 ตัวเลขน่าจะอยู่ในช่วง 18,000-20,000 ล้านดอลลาร์ โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากรายได้ส่วน Services ของแอปเปิลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไปสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายสำหรับการเพิ่มทราฟิกให้เว็บกูเกิล (TAC - Traffic Acquisition Costs)
Sacconaghi คาดเหตุผลที่กูเกิลจ่ายเงินให้แอปเปิลสูงขึ้นทุกปีนั้น เพื่อให้ตัวเลขนี้ไมโครซอฟท์เลือกไม่จ่ายเงินสู้ราคา
ที่มา: 9to5Mac
Comments
เสียดาย
ถึงไม่จ่าย คนก็น่าจะเข้าเองอยู่แล้วนะ
ในเมกาคนใช้ BIng เยอะนะครับ เก่งสู้ Google ได้อยู่นะตอนเสิขภาษาอังกฤษ
ถึงภาษาไทยห่วยแต่ประเทศที่ใช้ภาษาอื่นที่เป็นตัวอักษรละตินผมว่าพอใช้ได้และใช้กันระดับนึง
ถ้ามันเป็น default ก็ถือโอกาสเพิ่มฐานผู้ใช้งานได้ระดับนึงเลยนะเพราะถ้าพอๆกัน ไม่ได้แย่กว่ากันมาก คนไม่เข้าไปเปลี่ยนหรอกครับ
Microsoft เสียบแน่นอนครับ ตอนนี้ Bing ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยผมใช้อยู่ ภาษาอังกฤษผลลัพท์แทบจะใช้แทน google กันได้ แต่ก็มี ฟีเจอร์ ที่แตกต่างกันไป ส่วนภาษาไทยก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ คำค้นที่พิมพ์ผิด ๆ แต่ได้ผลลัพท์คำที่ถูกให้หรือใกล้เคียง เมื่อก่อนห่วยกว่านี้มาก
ถึงจ่าย Google ก็น่าจะได้กำไรอยู่แล้วครับ
อย่าลืมว่า iDevice ฐานคนใช้เยอะมากและเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี จะจ่ายมากขึ้นทุกปีก็ไม่น่าแปลกถ้าคิดต่ออุปกรณ์
อย่าลืมว่านี่แค่จ่ายเพื่อให้เป็นค่า default นะครับ ไม่ใช่ exclusive
คนส่วนใหญ่แทบไม่ค่อยเปลี่ยน search engine หลังกล่อง search กันหรอกครับ ถ้า bing เสียบ คนก็ใช้ทั้งอย่างง่้นแหละ
จากเงินที่จ่ายไป กูเกิลไม่น่าจะคิดแบบนั้นนะครับ...
มันเป็นเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค คนเรามักเคยชินค่าเริ่มต้นหากผู้ผลิตเลือกได้เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลต่อระบบสมองอัตโนมัติให้ยอมรับเป็นค่าเริ่มต้นโดยปริยาย พอเกิดความเคยชิน ร่างการจะตอบสนองทันที หรือเลือก Brand นั้นทันทีโดยไม่ผ่านกระบวนการด้านเหตุ และผล รายได้ก็ไหลมาเทมา เพราะเมื่อใดก็ตามที่ระบบสมองอัตโนมัติบันทึกค่าเริ่มต้น ก็ถือว่าผู้บริหารการตลาด Brand นั้นประสบความสำเร็จแล้ว เรื่องนี้ถูกพัฒนาจนเป็นทฤษฎี Habit ซึ่งนิยมมากในสินค้า Brand ใหญ่ๆ ในปัจจุบัน แต่มันก็มีข้อเสียที่ให้ผลตรงข้ามเช่นกัน เพราะผู้บริโภคจะคาดหวังกับตัวสินค้าสูง พอสินค้าไม่ได้ตามความคาดหวังก็จะเกิดการโจมตี Brand อย่างรุนแรงมากกว่าปรกติ
ตัวอย่างง่ายๆ ก็พวก Brand Consumer เปิดตัวใหม่ๆ พอเปิดตัวก็จะทุ่มโฆษณามหาศาล เพื่อให้ผู้บริโภคจดจำ และเคยชิน พอคนจำได้ก็หายต๋อม ขายอย่างเดียวแล้วทีนี้
Android เกิดมาด้วยไอเดียว่ากลัวไมโครซอฟท์ห้ามใส่ Google ใน Windows Mobile เลยนะครับ
ตอนนี้ผมใช้ทั้ง Chrome และ Edge สลับกันไป อยากใช้อะไรก็เข้าอันนั้น เหตุผลที่ย้ายจาก Chrome ไม่ได้เพราะมีอะไรผูกกับมันไว้เยอะเกินถอนตัว ถถถ
ถ้าเข้า Edge ผมก็เสิร์ชด้วย Bing เลยผลลัพท์ก็โอเค ส่วนแปลภาษาก็ใช้ได้เหมือนกันครับ
BIng ค้นหาที่เป็นภาษาพื้นฐานที่โครงสร้างแบบภาษาอังกฤษนี่ให้ผลไม่ต่างกันนะครับ บางทีดีกว่าด้วย ที่คนไทยติด google เพราะมันเข้ากับภาษาไทยดีสุดแล้ว
แต่ต้องไม่ลืมว่า ปกติเวลาคนใช้งานทั่วไปเขาไม่รีบเปลี่ยนตัว default search ก่อนหรอกครับ มีแต่ใช้ก่อนแล้วมันไม่ถูกใจถึงเปลี่ยน ดูคนทั่วไปข้างๆตัวก็ได้ แบบคนทั่วไปนะ
500,000 ล้านบาท !!!
เยอะมากๆๆๆๆๆ
ต้องจ่ายให้ samsung ด้วยปะ ผมใช้ brower samsung มือถือ samsung