มีรายงานล่าสุดเกี่ยวกับโครงการรถยนต์ไร้คนขับของแอปเปิล โดย Mark Gurman จาก Bloomberg คนเดิม อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง บอกว่ารถยนต์ดังกล่าวจะเลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง ออกไปเป็นช่วงปี 2026 จากแผนเดิมคือปี 2025 รวมทั้งปรับช่วงราคาลง จากแผนแรกที่ราว 120,000 ดอลลาร์ จะเป็นน้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์
แอปเปิลเดิมมีแผนออกรถยนต์ที่เป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Self-Driving, FSD) ซึ่งจะไม่มีทั้งพวงมาลัยและแป้นเบรก แต่รายงานล่าสุดนี้บอกว่าแอปเปิลตัดสินใจใส่ทั้งสองอย่างกลับเข้ามา และให้ผู้ใช้งานเลือกเองว่าจะเปิด FSD หรือไม่ในการขับขี่ ซึ่งเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าของอีกหลายค่าย
ตัวรถยนต์ใช้ชิปประมวลผลที่พัฒนาใหม่ มีโค้ดเนมภายในว่า Denali ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับซีพียู Mac รุ่นบนสุด 4 ตัวรวมกัน อาศัยข้อมูลจากเซ็นเซอร์ LiDAR และเรดาร์ร่วมกัน
โครงการรถยนต์ของแอปเปิล เป็นอีกโครงการที่มีข่าวมายาวนาน ควบคู่ไปกับข่าวการเปลี่ยนตัวทีมงานและผู้บริหารอยู่บ่อยครั้ง ก็ต้องรอดูว่ารอบนี้แอปเปิลจะทำสำเร็จออกมาหรือไม่
ที่มา: The Verge
Comments
ถ้าเลื่อนแบบนี้ VR น่าจะมาก่อนละ
งานนี้ยากสำหรับ apple แหล่ะ
ที่ผ่านๆ มา apple ทำแต่ที่มันอยู่ในสภาพแวดล้อมของตัวเองทั้งหมด(เหมือนเล่นอยู่แต่ในเซฟโซน) มันก็ทำให้ทำอะไรแปลกใหม่ หรือฉีกแนวได้ง่าย เพราะควบคุมสภาพแวดล้อมเองทั้งหมด
แต่ทีนี้ FSD มันมีปัจจัยอื่นเยอะมากๆ เข้ามา มันไม่สามารถสั่งได้ว่าอั้วจะเอาแบบนี้ๆ แล้วลูกน้องก็จัดให้ได้ เพราะสภาพแวดล้อมในการขับรถจริงไม่เหมือนใน lab หรือในสนามซ้อม ผมเห็นด้วยและคิดว่า apple ทำถูกแล้วที่เอาพวงมาลับกับเบรกกลับมา ซึ่งเป็นการกึ่งๆ โยนความรับผิดชอบหากเกิดอุบัติเหตให้คนที่นั่งหลังพวงมาลัยทันที เพราะรถยนต์หากเกิดอะไรขึ้น มันมีโอกาสร้ายแรงกว่าแค่แบทมือถือระเบิดเยอะ
จะไม่มีพวงมาลัยได้ คงต้องรอยุคที่มีกฎหมายคุ้มครองมากกว่านี้ หรือรถยนต์ในท้องถนนทั้งหมดรองรับ FSD คุยกันเองได้และมีกฎหมายบังคับให้ทุกคนต้องเปิด FSD ห้ามจับพวงมาลัยเอง(ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน)
ไม่มีอยู่จริง ^_^
ของกูเกิลแบบขับอัตโนมัติ ก็ยังมีพวงมาลัยอยุ่เลย
อยากให้ Market Cap ของบริษัทโตกว่าเดิม คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้