ศิลปินและนักวาดกลุ่มหนึ่ง ยื่นฟ้องบริษัทด้าน AI สายวาดภาพคือ Stability AI, DeviantArt, Midjourney ที่ใช้อัลกอริทึม Stable Diffusion สร้างภาพวาด ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
Stable Diffusion เป็นเอนจิน AI ของบริษัท Stability AI ออกมาในเดือนสิงหาคม 2022 โดยเรียนรู้จากภาพวาดนับล้านบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งศิลปินกลุ่มนี้บอกว่าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะนำภาพไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้วาดก่อน
ผู้ฟ้องคดีนี้ประเมินว่า Stable Diffusion เรียนรู้จากภาพจำนวน 5 พันล้านภาพ หากคิดความเสียหายภาพละ 1 ดอลลาร์ มูลค่าจะสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ และเชิญชวนให้ศิลปินคนอื่นๆ มาร่วมฟ้องแบบกลุ่ม (class-action) ด้วยกัน
คดีนี้อาจเป็นคดีตัวอย่างของวงการ AI โดยเฉพาะด้านลิขสิทธิ์ภาพ ก่อนหน้านี้บริษัทกฎหมาย Joesph Saveri Law Firm เคยทำคดีคล้ายๆ กันแต่เป็นการฟ้อง GitHub Copilot ที่เรียนรู้โค้ดจากโปรแกรมเมอร์ ว่าละเมิดลิขสิทธิ์โค้ดเช่นกัน
ที่มา - Stable Diffusion litigation, Ars Technica
ภาพจาก Stability.ai
Comments
อยากรู้เลยว่าพวกเขาจะพิสูจน์ยังไงว่าถูกโปรแกรมลอกงานไปจริง ๆ
ศิลปินแต่ละคนเขามีลายมือของเขาซ่อนอยู่ในภาพอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ นักเขียน นักวาด นักปั้น ฯลฯ เพราะลายมือของเขานี่แหล่ะทำให้พวกเขาโด่งดัง และแตกต่างจากคนทั่วไป ณ ปัจจุบัน Ai ยังทำได้แค่คัดลอก pixel จากภาพนึงไปซ้อนอีกภาพนึง แล้วใช้คณิตศาสตร์ตกแต่งภาพ ด้วยโครงสร้างสีแบบที่ได้รับ input จากผู้ใช้ ดังนั้นก็ไม่ยากหรอกครับ ยึดแม่ข่าย แล้วดึงโมเดลที่เก็บไว้ออกมาดูก็น่าจะพอพิสูจน์ได้ เพราะโมเดลส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็เป็นภาพต้นฉบับที่ถูกย่อขนาดให้เล็กมาแต่ยังคงโครงสร้างเอกลักษณ์ของภาพเอาไว้เพื่อนำไปใช้ในการประมวลผลตาม parameter ที่ได้รับเข้ามา ดีไม่ดีถ้า upscale ขึ้นมาอาจตรงกับภาพต้นฉบับเกือบ 100% เลยก็ได้
แต่อนาคตก็ไม่แน่ เทคโนโลยีมันพัฒนาขึ้นทุกวัน อาจมีอะไรที่คาดไม่ถึงออกมาอีก เอาเป็นว่าถ้าเทคโนโลยี Ai ไปบรรจบกับ 3D แบบ Real-time ได้เมื่อไหร่เมื่อนั้นก็คงตรวจจับอะไรยากขึ้นไปอีกระดับ
ผมอ่านเอาจากต้นทางนะครับ
- Stability AI => เป็นคนให้ทุนฐานข้อมูลรูปภาพ LAION ที่รวบรวมรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน และนำมันมาใช้ในการเทรน AI ของตัวเอง
- DeviantArt => ในฐานข้อมูล LAION ที่ใช้เทรน AI นั้นมีรูปภาพจาก DeviantArt เกือบล้านภาพ และ DeviantArt ก็เหมือนจะรู้เห็นเป็นใจ เพราะแทนที่จะต่อสู้ กลับขายโปรแกรมสร้างภาพจาก AI นั้นแทน
- Midjourney => เจ้าของกล่าวเองว่าเทรนภาพจากภาพบนอินเตอร์เน็ต
กรณี Stability AI หรือ DeviantArt อาจจะง่ายหน่อย ไปค้นเอาในฐานข้อมูล LAION ได้ ส่วน Midjourney ก็อาจจะต้องค้นหน่อย
อู้ว กราบขอบพระคุณงาม ๆ สามครั้ง
ส่วนตัวที่ผมยังไม่มั่นใจที่สุดคือ Midjourney นี่แหละ เพราะงานบนอินเทอร์เน็ต มัน "กว้าง" มาก ๆ เลย เขาจะหาฟีเจอร์จากภาพมายื่นฟ้องกันยังไง ส่วน DeviantArt ผมเองก็ลงงานด้วย แต่ครึ่งหนึ่งผมเรฟจากงานลิขสิทธิ์ และผมก็ลบบัญชีไปแล้ว 555
ยุคนี้การมองภาพวาดแล้วเลียนแบบก็ผิดลิขสิทธิ์วุ้ย
เป็นประเด็นที่่าสนใจ และอาจจะต้องถกเถียง และอาจจะถึงขั้นมีข้อกฏหมาย เพิ่มขึ้นมานะ
ถ้าเจ้าของภาพ นั้นขายสิทธิการใช้ภาพ เพื่อการโฆษณาอันนี้ก็พอเข้าใจได้ มันใช้ไปครั้งสองครั้ง ตามรายคนซื้อ
แต่สิทธของภาพนั้นเอาไปเทรน AI นั้นสามารถสร้างผลงานออกมได้ไม่จำกัด
การละเมิดลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นในคดีนี้ ไม่ใช่การเรียนรู้ภาพคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ แต่เดิมทีกฎหมายลิขสิทธิไม่ได้คุ้มครองไปถึงไอเดียอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคนหรือ AI ก็สามารถเรียนรู้ภาพได้โดยไม่ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิครับ
สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ในกรณีนี้ คือการนำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์ (โดยการเอาภาพไปใส่ในโปรแกรมเทรน AI และสร้างสินค้าออกมาขาย) โดยไม่ได้รับอนุญาตครับ ซึ่งทั้ง 3 บริษัทที่ถูกฟ้องร้อง ไม่ใช่เพียงแค่ให้บริการโปรแกรมสร้างภาพด้วย AI เฉยๆ แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตไปใช้เทรนโดยตรงเลย
มันก็น่าคิดน่ะนะ
แต่ในแง่กลับกัน ศิลปินและนักวาดก็เติบโตมากับการดู ลอก เลียนแบบ ดันแปลง ลอกลาย เพื่อเรียน ศึกษา และเติบโตมาจนมีชื่อเสียงเหมือนกันนะ คนที่เป็นต้นกำเนิดลายเส้นใหม่ๆ ไม่เหมือนใครจริงๆ ก็มีแค่ไม่กี่คน
ผมวาดการ์ตูนตั้งแต่อนุบาล ไม่เคยลอกใครเลยครับ จะวาดโงกุนก็วาดได้สไตล์ของตัวเอง โดยวาดจากความทรงจำ ว่าโงกุนมันมีจุดจำแบบนี้นะ ผมตั้งๆแบบนี้ ใส่จีวรแขนกุดแบบนี้ ใครคิดว่านักวาดทุกคนต้องฝึกด้วยการลอกหลังไมค์มาได้ครับ จะสอนวิธีวาดโดยไม่ต้องลอกให้ฟรี
นั่นคือวิธีการแบบเดียวกับ AI เลยครับ จดจำลักษณะเด่นของสิ่งที่จะสร้าง แล้วสร้างออกมาโดยใช้บริบทให้ดูเหมือนสิ่งที่ต้องการ
ai มันเลียนแบบภาพต้นฉบับ pixel ต่อ pixel เลยครับ ไม่มันรู้ว่าแต่ละพิกเซลที่มันใส่สีลงไปคืออะไร มันถึงได้วาดมือออกมาประหลาดๆ มีนิ้ว 7 8 นิ้ว ขั้นตอนการวาดตั้งแต่ร่างภาพมันไม่มี และมันไม่ได้ร่างภาพจากโมเดล 3d ภาพที่มันวาดมิติ 3d มันถึงเพี้ยนๆ มันลอกภาพที่เสร็จแล้ว เหมือนนักวาดที่ไม่ใช้สมองวาด ดู ref แล้วก็ลอก ละมิดลิขสิทธิ์ภาพ ref ก็อ้าง free use
ไม่ใช่สำหรับ Generative AI ครับ ภาพต้นฉบับมันแค่ส่งไปเทรนว่ามันคือภาพอะไร สไตล์การวาดแบบไหน ส่วนตอนสั่งให้ AI วาด มันวาดออกมาตามแบบที่มัน ใช้คำว่า "คิด" ก็ไม่น่าจะผิด เพราะฉะนั้นภาพที่วาดออกมาจึงเป็นภาพใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เค้าถึงเรียก Generative AI ครับ ต้องลองเล่นดูครับจะรู้ว่ามันไม่ได้ก๊อปต้นฉบับมา แต่มันขโมยลายเส้นมาใช้วาดงานของมันได้
ไม่ได้บอกว่ามันไม่ใช่ภาพใหม่ แต่มันวาดเหมือนนักวาดที่ฝึกด้วยการลอก ref แล้ว a.i. มันวาดภาพโดยไม่มีเส้นร่างภาพ นักวาดที่ชอบลอกยังวาดมีเส้นร่าง
ลอกไปศึกษาเผยแพร่พัฒนาฝีมือ
กับ
ลอกไปใช้หาผลประโยชน์ มันมีเส้นบางๆอยู่
แถมพวกใช้ ai ก็ไม่ได้ลำบากนั่งวาดเองด้วยไง
เอ่อ ผมว่า ให้คนมอง กับโหลดเป็นข้อมูลลงไปในโปรแกรมสร้างโมเดล มันคนละความหมายกันไกลเลยนะครับ
Deep learning มันก็เลียนแบบสมองมนุษย์นะครับ
ต้องสอนให้ ai มันวาดจากพื้นฐานครับ ให้เริ่มจาก รูป 3 เหลี่ยม 4 เหลี่ยม วงกลม จำแม่สี คู่สี ไม่ใช่ลอกงานที่เสร็จแล้วแล้วไม่รู้ว่าที่ลอกมาสร้างมาแบบไหน
เลียนแบบแต่ก็ไม่ใช่นี่ครับ?
ถ้าจะให้เหมือนสมองมนุษย์ ต้องให้มันมองด้วย "ตา" จริงๆ ครับ แล้วค่อยแปรผลในสมอง ไม่ใช่เข้าไปดึงรูปแปลงเป็นโค้ดแล้วค่อยประมวลผล
นึกถึงเกมโชว์ Jeopardy! ตอนที่เอา IBM Watson มาแข่งกับแชมป์ของรายการ ตอนนั้นทาง IBM ก็ต้องทำหุ่นขึ้นมาเพื่อ "กดปุ่ม" และทำให้หุ่น "พูดได้" เพื่อตอบ ไม่อย่างนั้น Watson จะเอาเปรียบมนุษย์เกินไปเพราะกระบวนการสั้นกว่า
ทำให้ทบทวน Ai จะไม่ทำร้ายมนุษย์จริงหรือ
เพราะแค่เริ่มต้นก็ไม่สนใจเรื่องมนุษยธรรม กฏกติกาของมนุษย์ต่างไปแล้ว
ต่อไปน่าจะมีกฏหมายอะไรเพิ่มาอีกนะ ไม่งั้นข้อมูลหลายอย่าง คงโดนเอาไปฝึก ai หมด
ไม่ว่าจะ มนุษย์หรือ AI หากเจ้าของผลงานไม่ต้องการให้นำภาพผลงานของตนไปเรียนรู้ก็มีสิทธิ์ทำได้นีา
เรื่องการเอาภาพไปเทรน AI ผมว่า Process การเรียนรู้และการทำซ้ำของมนุษย์และ AI มันต่างกันนะ
สำหรับ AI นั้น เรียนรู้จากภาพสำเร็จซึ่งมีข้อมูลดิจิตอลพิกเซลต่อพิกเซล และตอนที่นำไปใช้ก็ใช้ภาพสำเร็จนั้นเลย ถึงจะต้องวิเคราะห์ลักษณะภาพเพื่อแมทช์กับคำจำกัดความก็ตาม แต่ก็ไม่ได้คิด “สร้างใหม่” ด้วยตนเอง แต่ “นำไปใช้” ทันที แม้ว่าจะนำไปใช้แบบดัดแปลงไม่เหมือนต้นฉบับก็ตาม
ในขณะที่มนุษย์ เมื่อมองเห็นด้วยตาแล้ว ไม่สามารถเอามันมาใช้ได้ทันที ยังไงก็ต้องผ่านสมองและใช้สกิลในการประดิษฐ์ทำซ้ำขึ้นมาใหม่ ดังนั้นการทำซ้ำก็ยังต้องใช้ความสามารถของคนทำซ้ำด้วยไม่มากก็น้อย (ยกเว้นแต่จะก็อปปี้ภาพนั้นมาเลยอ่ะนะ)
ดังนั้นในความเห็นผม ผมว่า AI ดูเหมือนจะใช้สูตรโกงมากกว่ามนุษย์
แต่อย่างไรก็ดี AI ก็มีข้อจำกัดในด้านการจินตนาการ เรียกได้ว่าการ จินตนาการคือ เส้นพรมแดนสุดท้ายของมนุษย์แล้ว ที่ AI ยังข้ามไม่ได้ AI ยังไงมันก็ไม่สามารถ beyond ไปเกินกว่าสิ่งที่มันมีได้
ยกตัวอย่างเช่น สมมติเอาภาพ ป่าหิมพานต์ ของ อ.เฉลิมชัย ให้ อ.ถวัลย์ดูแล้วให้ อ.ถวัลย์ วาดออกมา เราจะได้ภาพที่มีมุมมองต่างไป ลายเส้นต่างไป แบบที่ AI ก็คิดไม่ได้ ถ้า … ถ้านะ ถ้า AI ไม่เคยเห็นภาพ อ.ถวัลย์มาก่อน แต่เมื่อใดวันใดวันนึงมันได้เคยจดจำข้อมูลภาพอ.ถวัลย์ซักครั้ง ทีนี้ก็เริ่มแย่ละขั้นที่หนึ่งเพราะมันจะจดจำสไตล์การวาดได้แล้ว แต่อย่างไรก็ดี มันก็ยังขาดจินตนาการในการเสริมแต่งและเติมข้อมูลใหม่อยู่ดี เช่น ภาพเดิมที่ อ.เฉลิมชัย วาดเป็นป่าหิมพานต์มุมหนึ่ง อ.ถวัลย์อาจจะวาดอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยมี องค์ประกอบไม่เหมือน มีสระน้ำมีภูเขา มีต้นไม้บางชนิดเพิ่มขึ้นมาได้ เป็นจินตนาการใหม่ล้วนๆ ทีนี้ AI ก็ทำมาใหม่ไม่เหมือนแล้ว ถ้า…ถ้านะ ถ้ามันไม่เคยมีข้อมูลรูปนี้มาก่อนนะ ถ้ามันมี จินตนาการนี้ก็เก่าเกินไปแล้ว
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้ายังมีการเทรน AI ลักษณะนี้เกิดขึ้น มนุษย์จะเหนื่อยแน่นอน เพราะต้องสู้กับสไตล์ใหม่และจินตนาการใหม่ในทุกๆรูปที่สร้างขึ้นใหม่เลย ถ้า AI สามารถดูดภาพไปเทรนได้ไม่จำกัด ศิลปินจะถูกผลักไปอยู่ที่เส้นขอบ ที่ต้องก้าวออกจากกรอบตลอดเวลา ห้ามหยุด ห้ามเหนื่อย เพราะเพียงจินตนาการใหม่,สไตล์ใหม่ที่สร้างขึ้นครั้งเดียว ก็พร้อมจะถูกสร้างภาพใหม่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีกเป็น ล้านๆภาพด้วยจิตนาการและสไตล์เดียวกัน (ใช่มนุษย์ก็ลอกเลียนจินตนาการและสไตล์ได้ พอออกผลงานใหม่มาปั๊บมันก็เก่าแล้ว แต่มันไม่กดสูตรโกงแบบรวดเร็วทันใจเหมือน AI ไง ยังไงก็ต้องเรียนรู้ ซึมซับ ฝึกสกิลและสร้างงานขึ้นมาใหม่ด้วยความสามรถตัวเองอยู่ดี)
มนุษย์ลอกเลียนด้วยความเข้าใจและการฝึกฝน ใช้เวลาเป็นปี แต่ AI ประมวลผลจากการคำนวนหรือเปล่านะ ใช้เวลาไม่กี่วิ เอา Pixel มาเรียงๆกัน
ประเด็นเรื่อง AI สร้างภาพตอนนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ทั้งฝั่งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ออกตัวกันแรงทั้งคู่ เพราะงั้นจะอ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องระมัดระวัง เพื่อไม่ให้หลงประเด็นว่าสิ่งที่เขาฟ้องในครั้งนี้คือเรื่องไหน
ส่วนตัวผมอยู่ฝั่งที่มองว่า AI คืออนาคต แต่ตอนนี้มันถูกใช้งานแบบไม่ถูกต้องอยู่ ซึ่งก็เห็นด้วยกับคดีนี้และหวังว่าจะทำให้ AI สร้างภาพในอนาคตออกมาอย่างถูกต้องมากขึ้นครับ
ที่บอกว่าเห็นด้วยเพราะคดีนี้จริงๆแล้วไม่ได้โจมตีไปที่ AI ซะทีเดียว (เห็นหลายความเห็นมุ่งประเด็นไปที่ AI กัน) แต่โจมตีไปที่การนำภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตมาใช้เทรน AI ซึ่งมันผิดลิขสิทธิ์ตรงที่การนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับว่าจะเอามาใช้เทรน AI หรือทำอะไรก็ตาม
และทั้ง 3 บริษัทที่ถูกฟ้องร้อง คือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการหารูปมาเทรน AI เลย ไม่ใช่แค่ให้บริการ AI เฉยๆ ซึ่งส่วนตัวผมอยากฟ้องให้ชนะนะ อนาคตจะได้เกิดโปรแกรมสร้างภาพจาก AI โดยเทรนจากรูปที่ได้มาอย่างถูกต้องจริงๆ
เอาจริง ๆ ผมเห็นด้วย
แค่เจ้าของบริษัทเอไอพวกนี้ไปซื้อสิทธิจากคนที่เค้าพร้อมที่จะขายจริง ๆ ปัญหามันก็ไม่เกิดครับ (ถ้าตังค์ไม่พอก็ไปไถไมโครซอฟต์เอาก็ได้)
ผมเคยเจอฝั่งอวย AI บอกกับผมว่า "AI ไม่มีสิทธิ์ได้รับแรงบันดาลใจได้เหมือนคนเลยเหรอ ในเมื่อกระบวนการมันเหมือน ๆ กัน (?) ทำไม AI ถึงจะใช้งานภาพต่าง ๆ เหมือนคนไม่ได้
ผมนี่กุมขมับเลย ขนาดกับคนถ้าเขาจับได้ยังไงก็ผิดเต็มประตู ที่เหลือมันขึ้นกับเจ้าของลิขสิทธิ์ว่าจะยื่นฟ้องเราหรือไม่ คือเอาจริง ๆ แฟนอาร์ตนี่ก็ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เจ้าของลิขสิทธิ์ส่วนมากจะปิดตาข้างหนึ่งเพราะเขาได้ประโยชน์จากยอด engagement ของแฟนอาร์ตด้วย คือในบางส่วนของวงการศิลป์ เราละเมิดลิขสิทธิ์กันเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่ามันได้ประโยชน์ร่วมกัน เลยไม่มีปัญหา แต่กับ AI ตอนนี้มันยังหาประโยชน์ที่จะช่วยศิลปินจริง ๆ จัง ๆ ได้น้อยมาก ส่วนมากเจอแต่ Art Theft กลายร่างไปดูดข้อมูลเอามาเทรนป้อนงานเข้าไปเกลื่อนตลาด ตอนนี้มันเห็นได้ชัด ๆ เลยว่าผู้ใช้ AI นี่แหละที่เป็นปัญหาอยู่