Thierry Breton กรรมาธิการยุโรปด้านตลาดในสหภาพยุโรป หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมาธิการยุโรป 27 คน ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยสเตอร์ว่าควรเปิด ecosystem ของตัวเองให้คู่แข่ง ตามแนวทางของกฎหมาย DMA
Breton พูดถึงบริการสำคัญๆ ที่แอปเปิลยังผูกกับตัวเอง เช่น Wallet, App Store, และเบราว์เซอร์ ขณะที่ประกาศของกรรมาธิการยุโรปนั้นระบุว่าแอปเปิลมีสถานะเป็น gatekeeper ในบริการระบบปฎิบัติการ iOS, เบราว์เซอร์ Safari, และ App Store
Breton ให้สัมภาษณ์ครั้งนี้หลังพบกับ Tim Cook ก็อาจจะเป็นท่าทีว่าคณะกรรมาธิการยุโรปยังแข็งกร้าวกับบริษัทเทคขนาดใหญ่ต่อไป
ที่มา - Channel News Asia
Comments
มาแบบนี้ เอเปิล ไไม่ยอมแน่ๆ
ที่จริงไม่ต้องให้เปิดก็ได้ ไปกดดันลดค่า fee ของ platform เป็นผลดีกว่า
จาก 30% เอาเหลือเท่า EPIC 12% ไปเลยได้ยิ่งดี
แปลว่าในอนาคต EU ไม่ต้องการให้มีระบบปิดใด ๆ หรือบริษัทใด ๆ ที่เชื่อในการควบคุมระบบปิดเกิดขึ้นเลยใช่ไหม? อุปกรณ์ที่พร้อมใช้งานในตัว ทุกอย่างเป็นระบบปิดเหมือน apple ตั้งแต่เปิดตัว คงไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นเลยแน่ ๆ โลกเราคงจืดขึ้นน่าดู ไม่มีการแข่งขันด้านนวัตกรรมเกิดขึ้นระหว่างเปิดกับปิด
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ถ้าตามแนวทาง DMA น่าจะตีความน่าคุณปิดได้ ต่อเมื่อคุณ niche พอ ครองส่วนแบ่งเล็กพอครับ พอใหญ่แล้วโดนบังคับเปิด
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
มันต้องครองตลาดระดับมโหฬารเลยนะครับถึงจะโดน DMA
เมื่อมีส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ ระบบปิดจะกลายเป็นอุปสรรคในการแข่งขันด้านนวัตกรรมมากกว่า
ประเด็นที่ผมสงสัยคือ ส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ มาจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นคนตัดสินซื้อสินค้าระบบปิดตัวนั้นรึเปล่าครับ เพราะมือถือ มีตัวเลือกในตลาดมากมาย ถ้าระบบเปิดแข่งขันได้ดีแบบตลาดเสรีคนก็น่าจะเปลี่ยนไปอีกยี่ห้อแทนรึเปล่าครับ ส่วนตัวผมสงสัยประเด็นนี้ประเด็นเดียว ส่วนเรื่องสิทธิ์ซ่อมอุปกรณ์ ย้ายข้อมูล ผมไม่ติดและเห็นด้วย
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
มันก็มองได้อีกมุมครับว่าคนซื้อเพราะไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องใช้
เพราะwhitebox encryptionที่ดีย่อมดีกว่า blackbox encryptionที่เลว
ควรไปศึกษาDMAก่อนจะมาโพสโชว์ความฉลาด
.
.
น้อย
เรารู้จักกันหรอครับ?
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
คนเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง และคุณก็ไม่จำเป็นต้องสบประมาทคนที่ไม่รู้เช่นกัน ไม่มีผู้เจริญที่ไหนทำแบบนั้น
พูดดีๆกันไม่ได้ ต้องพูดจาต่ำตมกดหัวคนอื่นด้วยหรอ
ผมมองว่าระบบเปิดกับระบบปิดไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพราะส่วนมากก็ต่อยอดมาจากฐานเดิม และแอปเปิลก็ทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้ามองว่าการสร้างระบบปิดเป็นแรงผลักดันน่ะใช่ เพราะมนุษย์ชอบความรู้สึกของความเป็นเจ้าของมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันทำให้รู้สึกว่าของนั้น ๆ มีความพิเศษมากกว่าของในระบบเปิดที่มีดาษดื่นและรับรู้กันอยู่แล้ว
ที่ระบบเปิดเป็นปัญหาผมมองว่าส่วนมากเกิดจากผู้สร้างสรรค์ไม่ได้เข้าใจปัญหาจริง ๆ มากกว่า ลินุกซ์ดิสโทรนี่ตัวอย่างปัญหาที่ดีเลย ระบบที่มีฐานแกนกลางมาจากลินุกซ์และประสบความสำเร็จก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง เช่น AOSP และ Chromium OS แม้ว่าระบบพวกนี้จะปิดส่วนหนึ่งอยู่บ้างก็ตามแต่ตราบใดที่เข้าเงื่อนไขระบบเปิดเราก็เอา แต่ลินุกซ์ดิสโทรแทบจะ 100% ไม่ได้เข้าใจปัญหาของผู้ใช้ว่าต้องการอะไรบ้าง ส่วนมากเอามาแก้ปัญหาที่ niche สุด ๆ หรือตอบสนองกิเลสกันในหมู่ชุมชนมากกว่า
ขอเห็นต่างได้ไหมครับ เคยทำงานในส่วน Web dev มาบ้าง แล้วเกลียด Safari เข้าไส้ WebKit ที่เคยรุ่งเรืองโดน Blink ทิ้งห่างไปได้ยังไง W3C standard API ที่ออกมาร่วม 10 ปี เพิ่งมา implement เมื่อไม่นานมานี้เอง การ support PWA ก็ทำได้แปลกประหลาด ไม่ได้อ้างอิงมาตรฐานกลางแม้แต่น้อย
แล้วที่แย่ของแย่ที่สุด debugging Safari ใน iOS ต้องทำผ่าน MacOS เท่านั้น นี่คือ WTF ที่สุดที่เคยได้ยินมา แล้วยังมีการบังคับให้ Mobile browser อื่นๆ ต้องใช้ WebKit ซึ่งก็ต้อง debug แบบเดียวกับ mobile Safari นี่เคยถึงขั้น tweet ตำหนิทีม WebKit ด้วยซ้ำไป
เอ๊ะ เราก็เกลียดอย่างเดียวกันนะ และ WebKit ก็โอเพนซอร์สด้วยเช่นกัน แค่โดนบังคับใช้ในอุปกรณ์แอปเปิลเฉยๆ
EU ต้องบังคับจริงๆ ไม่งั้น EU ก็จะเสียเปรียบและตกเป็นขาหลังของอเมริกาในทางการค้า ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็จะไม่มีตัวเลือกอื่นเลย
หัวข้อ แอปเปิด > แอปเปิล
ว่าแต่ตอนนี้ ใช้ google drive แทน icloud ได้หรือยังนะครับ
มันจะยอมเหรอ เงินทั้งนั้นเลยนะ
เรื่องนี้แอปแเปิ้ลคงยอมยากหัวใจแหล่งทำเงินและจุดขายเขาเลย อยากรู้เหมือนกันแอปเปิ้ลจะดิ้นยังไง อ้างผู้ใช้อีกไหม
ออก eu edition มา จบ ตั้งแบรนใหม่ไปเลย
เห็นหลายๆท่านว่าทำไม่ได้ครับ
ผมก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่
กฏนี้ของ EU ค่อนข้างประหลาด พูดง่ายๆคือ iOS มีคู่แข่งในตลาดมือถือ คือ Android ในตลาด EU ส่วนแบ่งของ iOS เป็นที่สอง ตามหลัง Android แต่ iOS กลับถูกติดสถานะ gatekeeper , บริการพ่วงของ Apple services ใช้ได้กับ iOS เท่านั้นแสดงว่าส่วนแบ่งสูงสุดที่เป็นไปได้คือเท่ากับส่วนแบ่ง iOS มันก็น้อยกว่า Google services ที่ใช้ได้ทั้ง Android iOS Mac windows (Gmai เป็นต้น) แล้วเอาอะไรมาบอกว่าเป็น gatekeeper ไม่ได้จะ defend ให้ Apple นะ แต่กฏมันประหลาด คำถามต่อมาคือ SAP ที่เป็นบริษัท EU เอง และครองส่วนแบ่งในตลาดค่อนข้างสูง ทำไมไม่ไดน gatekeepers ด้วย มันเหมือนออกกฏมาโจมตีคู่แข่งนอก EU มากกว่าแบบนี้
SAP ตกในหมวดไหนใน 8 หมวดที่ DMA คุ้มครองหรอครับ
เอาเข้าจริงอ่านสักนิดก็รู้ว่าแล้ว DMA ออกแบบมาอย่างดีเพื่อจัดการ big tech companies เท่านั้น
จริง ๆ มีอีกหลายบริษัทที่เข้าเกณฑ์ ถ้ามองเฉพาะ SAP เอาตามเกณฑ์ IMCO คือ เข้าเกณฑ์ถูกบังคับทำ DMA แต่สุดท้ายในวันที่ 6 กันยา ที่ผ่านมา กรรมธิการยุโรปประกาศมาแค่ 6 บริษัทที่โดน DMA ก็เป็นอันว่าที่นักวิเคราะห์มองกันว่าจะ Big Tech Comp. จะโดนกันหมด กลายเป็นอันว่าเราเล่นเฉพาะ GAFAM+B
มันเลยไม่แปลกที่คนจะมองว่าเรื่องนี้เป็นสงครามการค้าด้านเทคโนโลยีของฝั่ง EU ที่เอาคืนอเมริกาบ้าง
Which platforms will be caught by the Digital Markets Act? The ‘gatekeeper’ dilemma - Bruegel
The EU Digital Markets Act – a new era for ‘Big Tech’ - PwC
EU จนตรอกขนาด
จริงๆ ผมสงสัยว่าเค้าปล่อยมาถึงขั้นนี้กันตั้งนานได้ยังไงมากกว่าครับ เคยคิดว่าคงปล่อยเพราะจีนไล่อยู่ด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นเพื่อกับทิม คุกนะ จะบอกว่าไม่ต้องขายที่ EU ไปสัก 5-6 ปี
ให้เขาได้แกร่งจนพอที่จะแข่งกับ Apple ได้ค่อยกลับไปขาย
ขอให้ปรับโน่นแก้นี่ เสียแผนที่ตัวเองวางไว้ ทิศทางบริษัทไม่ได้มี EU เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผน
ที่ผ่านมา Apple ก็ยืนมาด้วยลำแข้งของตัวเองจนโตมาได้ขนาดนี้
ผู้ก่อตั้งทำงานจนเป็นมะเร็งตาย ชีวิตครอบครัวล้มเหลว เขาลงทุนไปเยอะ
ถ้า EU ไม่พร้อมก็อย่าไปลดค่าของตัวเองเพื่อไปทำตามใจคนอื่น
ศาสดาจ๊อบ ไม่ได้สร้าง Apple มาให้ตามตูดใคร
ขออภัยที่คำพูดอาจจะดูรุนแรง
Apple กล้าแลกกับตลาดกว่า 24% ของโลกไหมครับ
มันต้องชั่งน้ำหนักว่า 24% กับรายได้ทั้งโลกที่สูญเสียไปครับ การเปิดแบบนั้นก็จะไม่เหลืออะไรไว้ขายแล้ว เหมือนอย่างมือถือแอนดรอยประเทศต่างๆที่โดนมือถือแอนดรอยค่ายจีนตีแตกไปเยอะ ความต่างไม่มรก็วัดที่ราคา เหมือนแซมซัังที่จอย่นไม่รับเปลียนเพราะผลิตน้อยราคาคายก็ไม่กำไรมากเลยบ่าย้บี่ยงการเปลี่ยนเพราะถ้าร้บมาหมดนี่เจ๊งครับ
และเพราะเปลียนน่าจะเปลี่ยนหมด ไม่งั้นต้นทุนจะสูง การทำรุ่นเฉพาะมาให้ไม่น่าคุ้ม
คำพูดไม่ได้แรงอะไรครับ แค่ดูเบียวและตลกเฉยๆเอง
อ่านแล้วเหมือนพวกคลั่งลัทธิมากผมชอบนะ มันตลกดี
ถ้าจ๊อบยังอยุ่...
แต่ทิมนี่คนละแนวน่ะ
The Last Wizard Of Century.
เดียวอเมริกาออกมาสวนบริษัทยุโรปบ้าง
ใจหนึ่งผมก็อยากเห็น Apple Google ถอนตัวจาก EU เหมือนกันนะ อยากรู้ว่าใครจะเดือดร้อนกว่าใคร
That is the way things are.
EU ไม่น่าเดือดร้อน เขาคงคิดดีแล้วล่ะก่อนจะเดินเกม ประเทศพวกนี้ไม่ธรรมดา เคยยึดครองเกือบทั้งโลก เคยก่อสงครามโลกมาแล้ว อเมริกาแย่แน่งานนี้
เคยครองโลกไม่ได้แปลว่าจะต้องคงความยิ่งใหญ่ตลอดไปครับ ดูจากกรีซ มองโกลได้
That is the way things are.
ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่ตลอดไป แต่หมายความว่าเขาเคยมีพลังระดับสูงในช่วงพีกและตอนนี้แม้จะอ่อนกำลังลงก็ยังคงมีพลังกล้าแข็งอยู่ ดูที่ gdp ครับ ประเทศพวกนี้เป็นสมาชิกกลุ่ม G7 เลยนะ อย่ามองที่กรีซกับมองโกลครับ นั่นมันนานเกินไปแล้ว
กำลังซื้อเขาสูงพอสมควรครับ แล้วสไตล์ EU ยอมหักไม่ยอมงอ
ดูตอนไม่สั่งก๊าซจากรัสเซียได้ พังเป็นพัง
สรุปว่า Apple "ต้อง"เปิด (ตามหัวข่าว) หรือ "ควร"เปิด (ตามเนื้อข่าว) ครับ? แบบบังคับ หรือ ให้ความเห็น น่ะครับ
สร้างทางเลือกตอนแอคทิเวทเครื่องได้ไหม่
ข้อแรก Unlock เครื่องแต่ประกันขาด ข้อสอง ใช้ระบบปิดแบบเดิม ประกันไม่ขาด
อยากให้ Apple google MS ถอนตัวจาก EU นะ แล้วรอประชาชนเขาซื้อเครื่องหิ้วแทน ที่จะมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แบบไทยเมื่อก่อนที่ต้องไปหาซื้อเครื่องหิ้วกันเอง อยากใช้ก็ไปหิ้วมาจากอเมริกากันเอง ปล่อยให้พ่อค้าฟันกำไรกันโหดๆ