ก่อนหน้านี้แอปเปิลออกมายืนยันการเลื่อนออกฟีเจอร์ใหม่ Siri พลัง Apple Intelligence ที่จะล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งมีข้อมูลไม่ทางการว่าแอปเปิลอาจต้องรื้อทำทั้งหมด กว่าจะเปิดตัวได้อีกทีก็ปีหน้า กระทบต่อแผนเปิดตัวสินค้าใหม่เช่นอุปกรณ์สมาร์ทโฮม นอกจากนี้แอปเปิลยังปรับตำแหน่งผู้บริหารที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
The Information มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้างกับการพัฒนา Siri ในช่วงที่ผ่านมา และแอปเปิลวางแผนแก้ปัญหานี้อย่างไรบ้าง ซึ่งสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้
เหตุการณ์ใหญ่จนนำมาสู่ประกาศเลื่อนออกฟีเจอร์ คือการนำเสนอฟีเจอร์ Siri ในงาน WWDC 2024 เช่น การอ่านอีเมลดูข้อมูลเที่ยวบิน สร้างการแจ้งเตือน ซึ่งทั้งหมดฝ่ายการตลาดเลือกทำวิดีโอขึ้นมาโดยทีม Siri ไม่ได้อนุมัติว่าสามารถทำได้จริงแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาแอปเปิลจะไม่เสี่ยงทำอะไรแบบนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ Mike Rockwell ที่เคยดูโครงการ Vision Pro และ Craig Federighi หัวหน้าทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ได้เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา Siri แล้ว ซึ่งแนวทางที่ Federighi บอกคือทำอย่างไรก็ได้ให้มีฟีเจอร์ AI ที่ดีที่สุดออกมา แม้ต้องใช้โมเดลโอเพนซอร์สจากภายนอก ซึ่งทำให้ทีมพัฒนา Siri มองว่ากำลังมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
ที่มา: The Information
Comments
apple intelligence แพ้แล้ว
ติดปัญหา , ว่า .. ไม่สามารถ เพิ่มแรม ได้ , เลยทำ ฟีเจอร ที่ รัน on device ไม่ได้
หาก เพิ่มแรม , ต้นทุน จะ พุ่งสูงมาก .. ถ้ายังขายราคาเดิม ก็จะขาดทุนหนักมาก ( คือทุกวันนี้ ก็แทบจะไม่มีกำไรอยู่ละ ) , รึถ้าเพิ่มราคาขาย ก็อาจทำราคาสู้เจ้าอื่นไม่ได้ ( กลายเป็นขายไม่ออก ซึ่งทำให้ขาดทุนอยุ่ดี )
อันนี้คือพูดถึงอะไรหรอครับ กำไรแทบจะไม่มีแล้ว?
เปนข้อมุล inside , เป็นข้อมูล ทางใน คนับ 😜
Apple น่าจะพยายาม play safe ที่สุดแน่ ๆ แบบเว็บไหนไม่มั่นใจไม่เอามาเทรน ไม่อยากโดนฟ้อง ทั้ง ๆ ที่ LLM จะเก่งคือยิ่งเทรนด้วยข้อมูลเยอะยิ่งดี กับ ข้อมูลยิ่งมีคุณภาพยิ่งมากยิ่งดี
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
AIMLess .. สิ้นหนทาง ไร้ทิศทาง ( เคว้งคว้างเหมือนหลงทางกลางป่า ยืนมองฟ้าไร้ดาว 🎵 ) , ไร้เป้าหมายจุดหมาย หายใจกินนอนไปวันวัน ( เดินเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย 🎶 )
“ John Giannandrea หัวหน้าฝ่าย AI ที่รับผิดชอบ Siri มอง ChatGPT ว่าไม่สร้างคุณค่าให้กับลูกค้าแอปเปิล จึงเลือกแนวทางสร้างโมเดลขึ้นมาเอง”
ผิดตั้งแต่นี้แล้ง สร้างเองแต่ทำไม่ไหว เลือก open source ก่อนพร้อมกับทำเองจะดีกว่า ได้ผลมาเปรียบเทียบกัน ไม่ใช่เลือกทำเองแต่ 0
ผลก็เป็นงี้
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ขั้นสุดโดยไม่เก็บข้อมูลอะไรเลย แล้ว ต้องเก่งกว่าค่ายอื่นๆ ก็ จะยากหน่อย
iPhone เองก็ย่ำอยู่กับที่มาตั้งแต่ 11 แล้ว
ตอนที่ทีม MKT ทำ Video AI หลอกๆ ออกมาในงาน WDC2024 ทั้งที่รู้ว่า Apple ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คือ กล้ามากที่หลอกลวงคนทั้งโลก แม้แต่ Tim ก็ยัง Ok กับการตลาดแบบนี้หรอ OMG! มาก
บิล เกตส์ เป็นไอดอลครับ
เข้าใจว่า Apple ห่วงเรื่อง Privacy มากจึงพยายามจะเอาโมเดลมารันในมือถือ แต่เทคโนโลยีปัจจุบันมันทำไม่ได้ไง ยังไงมันก็ต้องใช้โมเดลบน cloud แนวทางที่ทำได้และเป็นไปได้มากกว่าคือ เปิดให้ iOS integrate กับผู้ให้บริการโมเดลภายนอกก็น่าจะจบ
ห่วง หรือ หวง .. แล้วก็ , ยิ่งแตะยิ่งยุ่งกับข้อมุลน้อย ค่าดูแลบริหารจัดการและความเสึ่ยงก็ยิ่งน้อย .. อีกส่วนก็ , ยิ่งทำงานที่ฟาก client ได้มาก ก็ยิ่งลดค่าใช้จ่ายที่ฟาก server ได้เยอะ
แตกเรียบร้อย ความเป็นส่วนตัวที่ขายๆมาก็น่าจะพังไปด้วย
เหมือน ios อันล่าสุด , จะดีดแอพไวขึ้น .. บางแอพ ไม่กี่นาทีก็เจอดีดแล้ว , แอพเดียวกัน ใน se1 ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เจอดีดเลย
จะว่าไป , ถ้าอยากพลิกเกม ก็ exclusive กับ model ที่มีอยู่แล้ว ( เผลอๆ จะได้ตังค , อย่างที่ google จ่ายค่า search engine ให้ 🤔 ) .. แล้วใส่แรมมา 16 หรือ 32 จะช่วยมั้ย , ขนหน้าแข้ง ยังไม่น่าจะร่วง ? ต่อให้ double storage , ขนหน้าแข้ง ก็ยังไม่น่าจะกระเทือน ?