ชีวประวัติของ Mark Zuckerberg ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ The Social Network ไปแล้ว ตอนนี้เรื่องราวของเขากำลังจะกลายเป็นการ์ตูนคอมมิค
บริษัท Bluewater Production ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการ์ตูนชีวิตคนดัง เช่น Lady Gaga, Taylor Swift, Arnold Schwarzenegger ได้ประกาศว่าการ์ตูนเรื่อง "Mark Zuckerberg: Creator of Facebook" จะออกวางขายปลายปีนี้ ราคาเล่มละ 6.99 ดอลลาร์
Jerome Maida ผู้เขียนบทให้สัมภาษณ์ว่า จะพยายามสร้างสมดุลให้กับ Zuckerberg เวอร์ชันการ์ตูน ระหว่างภาพเศรษฐีใจบุญที่ทุ่มเงินเพื่อการศึกษา และอัจฉริยะวัยเยาว์ที่หักหลังเพื่อนฝูงจำนวนไม่น้อยก่อนจะขึ้นมาถึงจุดนี้
ที่มา - CNET
Comments
ย่อหน้าสุดท้ายเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เล่นหักหลังเพื่อนได้ไม่น่าจะเรียกว่าใจบุญแล้วม้าง
ใจบุญ กับ คนดี ไม่เหมือนกันนะครับ :D
พยายามเข้าใจนะ แต่ก็ยังงง :>
คนไม่ดี อาจจะชอบทำบุญก็ได้นะคับ (^^)
ตามที่คุณ alcanfane บอกครับ :)
มันคล้ายๆแนวคิดที่เคยมีในอดีตประเภท คนรวย หน้าตาดี ไว้วางใจได้ เป็นคนดี ไม่ป่าเถื่อน ฯลฯ ซึ่งเราก็เห็นกันดีว่าไม่เสมอไป
ที่เขาชอบๆ FB ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะชอบ Mark นะเธอ
ผมว่าไอ้เรื่องหักหลังไม่หักหลังนี้มันเป็นการคร่ำครวญอดีตของคนแพ้มากกว่านะ
น่าภูมิใจซะอีกที่ไอเดียเรามันกลายเป็นจริงยิ่งใหญ่ได้
ไอเดียดีๆใครก็คิดได้ แต่คนที่จะทำให้มันเป็นจริงได้นี่สิ ไม่ว่าจะหักหลังหรือไม่ก็ต้องยกย่องเขาอยู่ดี
ผมคิดถึงเพื่อนร่วมงานในบริษัท ถ้าคำว่าหักหลังคือการเหยียบคอเพื่อนนี่ผมรับไม่ได้เลย เจอกับตัวเองและเห็นคนอื่นโดน
+1
ดูจากรายได้ของ FB ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็น่าจะคร่ำครวญนะครับ
สรุปแล้วตามาร์คนี่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเหรอ นึกว่ามันเป็นแค่ในหนัง
เหยียบไม่เหยียบใครมันอยู่กับแนวคิด วิธีมอง
แหม .. กรณีหักหลังนี่ผมว่า มันเป็นพอยส์ของจุดขัดแย้งเพื่อโปรโมทหนังกับสินค้าอื่นๆ (เช่น comic นี้) มากกว่า แม้ว่าจะมีอยู่จริงก็ตาม ทำยังกะ M$ กะ Apple หรือแม้กระทั้งบริษัทอื่นๆ โตมาได้ด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวอย่างนั้นแหล่ะคร๊าบ ทุกบริษัทมันอยู่ที่ตรงนี้ทั้งนั้น บางที ถ้าคนเหล่านี้ไม่มีไหวพริบเพียงพอ ก็คงไม่สามารถบริการจิดการ สินค้า หรือบริการของตัวเองให้ใหญ่โตแบบนี้ได้
มันก็คือกัน ..
my blog
ต้องรอดูกันต่อไป การหักหลังอาจไม่ใช่แค่จุดขายก็ได้
แล้วถ้าเค้าว่าแนวคิดเพื่อนเค้า ทำไมเพื่อนเค้าไม่เสี่ยงทำเองหละครับ ถึงเป็นแนวคิดแต่การลงมือทำคือคนที่เค้าได้รับการยกย่องนะครับ ไม่ใช่สักจะอ้างว่าแนวคิดตน แต่ตัวเองทำตามแนวคิดนั้นไม่ได้แล้วมาอ้างเอาผลประโยชน์ทีหลัง ซึ่งจริงๆแล้ว FB ก็ยอมจ่ายเงินให้เค้าไปแล้วนี่ อ้างว่าแนวคิดตัวเองแล้วได้ตังหลายล้านโคตรคุ้มแล้ว เพราะไม่รู้ว่าถ้าตัวเองทำแล้วมันจะรุ่งจริงเหรอ FB มีมานานมากแล้วตอนแรกแทบไม่มีใครเล่น ผมเจอคนชวนผ่านเมลตั้งเจ็ดแปดปีได้แล้วมั้ง แต่ไม่สนใจเท่าไหร่สมัครตั้งไว้ ผ่านมาห้าปีหลังหลังจากวันที่สมัครถึงเข้าไปเล่นด้วยซ้ำ ทำไมไม่อ้างกันตอนนั้นหละ แล้วทำขึ้นมาเองตอนนั้นตามแนวคิดตนยังทันนี่ครับ พอมันบูมอ้างกันใหญ่เชียว
+100
7 ปีที่แล้วมี facebook แล้วเหรอครับ ปี 48 มันเพิ่งเกิดแล้วใช้กันแค่ที่ มหาลัยฮาร์เวิร์ดเองไม่ใช้เหรอครับ จากที่เคยอ่านประวัติมันมานะ
อ้าว เขาหักหลังเพื่อนเหรอนี้
เฮ้อ โลกเราทำไมเป็นแบบนี้ คนรวยคือที่เลวจริงๆใช่ไหม
อย่างน้อยๆ อันดับหนึ่งอย่างบิลล์ เกตส์ ก็ทำบุญทำทานมหาศาล แล้วผมก็ค่อนข้างจะเห็นว่าแกเป็นคนดีนะครับ แต่จริงๆ แกดีหรือเลวผมก็ไม่รู้อ่ะนะ
ถ้าจำไม่ผิด เพื่อนที่ร่วมก่อตั้งบริษัทกับบิลเกตุ ยังอยู่ด้วยกันครบ แม้กระทั่งพนักงาน+แม่บ้านคนแรก
บางคนอาจจะยอมเป็นคนเลวเมื่อต้องเสียผลประโยชน์ที่ควรได้
แต่เมื่อได้ผลประโยชน์มากเกินกว่าที่จำเป็น ก็ยังรู้จักที่จะแบ่งปัน
คนเราไม่ได้เป็นคนดีตลอดเวลา
และคนเราไม่ได้เป็นคนเลวตลอดเวลา
คนรวยเป็นคนที่เห็นผลประโยชน์และก็เข้าไป บางทีที่เราคิดอะไรดีๆออกตอนนี้ถ้าไม่ทำ อีกสักสองสามปีมีคนทำเราจะอ้างได้ไหมว่าเราเป็นคนคิดได้นะ ลอกไอเดียเรานี่.. ผมว่ายากแหะ
แต่ถ้าเพื่อนเลิกคบนี่มันก็ต้องมีเหตุผลพอสมควร
เลวดีมันอยู่ที่มุมมอง และ standard ของแต่ละคน
My Blog
แต่ถ้ามุมของใครหลายคนมองว่าเลว มันก็คือเลวแหละครับ เหอๆ