In The Plex: How Google Thinks, Works, and Shapes Our Lives คือหนังสือเล่มใหม่โดย Steven Levy ซึ่งเปิดเผยแง่มุมใหม่ๆ เชิงลึกของกูเกิลที่เขาศึกษาในช่วงสองปีที่ผ่านมา
หนังสือเปิดเผยว่าในสมัยที่สองผู้ก่อตั้ง Sergey Brin และ Larry Page กำลังหาคนมาเป็นซีอีโอนั้น สตีฟ จ็อบส์ คือตัวเลือกที่พวกเขาต้องการมากที่สุด แน่นอนว่าจ็อบส์ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แต่เพราะจ็อบส์มองเห็นอนาคตของเสิร์ชที่กูเกิลทำอยู่ เขาจึงตกลงเป็นพี่เลี้ยง (mentor) ให้กับสองผู้ก่อตั้ง ซึ่งที่นั่นเองทำให้พวกเขาได้พบกับ Eric Schmidt ซึ่งเป็นกรรมการบอร์ดของแอปเปิล ผู้กลายมาเป็นซีอีโอของกูเกิลช่วงที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ของจ็อบส์กับสองผู้ก่อตั้งมาแตกหักเอาเมื่อกูเกิลเริ่มทำ Android จ็อบส์หัวเสียมากเมื่อเห็นฟีเจอร์อย่าง pinch-and-zoom จ็อบส์มองว่ากูเกิลขโมยมันไปจาก iPhone จนเป็นที่มาของวาทะที่ว่า Don't be evil เป็นเรื่องเหลวไหล นอกจากนี้ความสัมพันธ์ทั้งสามก็เป็นแบบไม่วางใจกันมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นได้จาก iPad สมัยที่ยังเป็นโครงการลับขณะนั้นต้องถูกปกปิดไว้ไม่ให้ Schmidt ซึ่งยังเป็นบอร์ดแอปเปิลตอนนั้นรู้เด็ดขาด
หนังสือยังพูดถึงช่วงที่กูเกิลตัดสินใจถอนการลงทุนในประเทศจีนว่า "เป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์องค์กร" โดยระบุว่า Brin เป็นคนเสนอให้ถอนการลงทุนออกไปทั้งหมด แต่ Schmidt ไม่เห็นด้วยและอยากให้อยู่ในจีนต่อ แต่เมื่อแพ้เสียงโหวตกันก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ที่ทำให้ Schmidt ขอลงจากตำแหน่งซีอีโอ
ที่มา: Daily Mail
Comments
ดุเดิอดจริง การฟาดฟันด้วยมันสมองเนี้ย
รักสามเส้า.. *-*
ทำเป็นหนังอีกเรื่องได้เลยนะเนี่ย
หนังเรื่อง "The Google" สินะ
"The Search Engine"
wow!
อาห์ Romance of the three kingdom
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
นึกว่า Brokeback Mountain :P
ซ้ำ -.-
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
แสดงว่ายังไม่เข็ดสมัยเคยร่วมงานกับ Bill Gates
สุดขั้วนึงย่อมก่อเกิดอีกสุดขั้วนึง นี่แหละที่มาของ Android
ดราม่านะเนี่ย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
The Pirate of Mountain View
So Einstein is real furious about E=MC^2 being copied. :))
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จ๊อบส์ทำให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นบนโลกนี้หลายอย่าง แอปเปิ้ล พิกซ่าร์ ...
ส่วนบรินกับเพจก็ทำให้สิ่งฟรีๆ เกิดขึ้นบนโลกหลายอย่าง
+1 ชอบชอบ
+10 เห็นด้วย
ส่วน เกจ ทุ่มเทกายใจและเงินที่ได้มารักษาโลกของเราไว้ :p
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
:-)
อ่านไปอ่านมาชักตะหงิดๆ กับลุงจ็อบส์ว่าแกหัวเสียอะไรกันแน่
จริงๆ แล้วแกต้องดีใจถึงจะถูก เพราะถ้า Google ออก Android ได้แสดงว่าแกเป็นพี่เลี้ยงที่เก่งมากจริงๆ ยิ่งลุงแกส่ง Google ได้ไกลเท่าไร ยิ่งแสดงว่าแกเป็นครูที่เยี่ยมยอดและประสบความสำเร็จมากเท่านั้น
ส่วน Feature Pinch and Zoom ผมขอพูดอย่างไม่อายและกล้าหาญว่าผมคิดออกตั้งแต่มัธยมแล้วครับ แต่วิธีการที่ผมคิดมันใช้เมาส์และทำไม่ได้จริงๆ เพราะใน 1 ระบบปฏิบัติการมันมี Mouse Cursor แค่อันเดียว แม้ว่าเราจะเสียบเมาส์กี่อันก็ตาม
ฉะนั้นแกจะหาว่า Google ลอกเพียงเพราะแกเป็นคนทำ(ให้เป็นจริง)ก่อนคงไม่ได้
ถ้าคิดแบบนี้ หวังว่าคงไม่มีที่พูดว่า Konfabu...อุ๊ป หรือว่า XXX ลอก(ขโมย หรือเลียนแบบ) YYY มาจาก ZZZ ออกมาจากปากคุณเลยนะครับ ปล. จริงๆผมมีวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนบนโลกได้นานแล้วนะครับ แต่ทำไมยังไม่มีใครให้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพโลกให้ผมเลยล่ะ
มาเอาจูบแห่งสันติภาพจากผมก็ได้ครับ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ปล. Konfabu นี่อะไรครับ ขอความรู้หน่อย อยากฮาด้วยง่ะ
สิทธิบัตรนี่คิดเฉยๆ ไม่ได้ครับ ต้องทำได้ด้วย ไม่งั้นเครื่องบิน, โทรศัพท์, แผ่นเสียง, กล้องถ่ายภาพ ฯลฯ มีคนคิดได้ก่อนทั้งนั้นครับ
ส่วนว่าใครคิดก่อนใคร หรือคนจดสิทธิบัตรได้เป็นคนคิดคนแรกจริงไหม ต้องตั้งคำถามอีกเยอะครับ
เรื่องหนึ่งที่เราควรรู้กันคือระบบสิทธิบัตรของสหรัฐฯ เละมากครับ มีการจดสิทธิบัตรซ้ำซ้อน หรือสิทธิบัตรหลายต่อหลายอันไม่น่าเข้าข่ายสิ่งที่จดได้แต่ก็จดกันเป็นปรกติ แถมกระบวนการถอนสิทธิบัตรช้าและยุ่งยาก
ประเด็นการปฏิรูประบบสิทธิบัตรสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่พูดกันมานาน และแทบทุกคน ที่ทำมาค้าขายจริง ไม่ได้ถือสิทธิบัตรไล่ฟ้องไปวันๆ หรือที่เรียกว่า patent troll เท่าที่เห็นมีจุดยืนร่วมกันว่าอยากให้มีการปฏิรูปครับ เพราะยิ่งบริษัทใหญ่ ยิ่งค้าขายดี ยิ่งตกเป็นเป้าโดนฟ้องหนัก
lewcpe.com, @wasonliw
Patent Troll นี่ใช่พวกที่หากินโดยการฟ้องมั้ยครับคุณ lew
แกก็หัวเสียตลอดล่ะ เพราะแกเป็นศิลปิน อุตส่าห์บรรจงสร้างงานกะว่ามาสเตอร์พีซ ดันโดนก๊อป
จริงๆพี่แกก็แค่ทำเซิร์ซเอนจินแข่งกูเกิ้ลไปสิ ก็อปผลการค้นหามันเลย
+1 เห็นด้วยครับกับไอ้เรื่องอารมณ์ศิลปินของลุงแกเนี่ย
คำว่าขโมย มันเหมือนตอนที่ เกจ พูด กับ จ๊อบ ตอนแตกหักกันเลยนะครับ
จ๊อบด่ากราดว่า พฤติกรรมเยี่ยงโจร
ซึ่งในท้ายที่สุดก็เป็นอันเข้าใจกันทั้งสองคนว่า
แทนที่จะมานั่งทะเลาะกัน ต่างคนก็ต่างมีแนวทางเป็นของตัวเอง ความคิดสร้างสรร เลียนแบบกันได้ แต่สุดท้ายอยู่ที่ลูกค้าจะเลือกใคร ด้วยเหตุผลว่าของทำออกมาขายคนกลุ่มไหน
ซึ่งจุดมุ่งหมายต่างกันสิ้นเชิงก็คือ
จ๊อบต้องการสร้างผลงานศิลปะเพื่อให้คนที่เห็นค่าของมันครอบครอง
ส่วน เกจ ต้องการสร้างสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ไม่ว่าคนนั้นจะเชยหรือเดิ้ลแค่ไหน
ส่วนเรื่องการฟาดฟันทางธุรกิจ ก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ
ความสร้างสรรค์เลียนแบบกันได้นี่ผมว่าไม่ดีครับ เพราะสุดท้ายจะไม่มีคนาร้างสรรค์อะไรดีๆ ออกมา รอก็อบ
ยกตัวอย่าง รองเท้าแกมโบคิดรองเท้าลายแปลกๆ ด้วยการทำวิจัยมาอย่างดีว่าคนจะชอบอะไร แถมโหมโฆษณาอย่างหนัก ออกมาไม่กี่วัน แอดดาก็อบ แต่แอดดาใช้เงินไปกับการหาวัสดุดีๆ ทั้งคู่ราคาเท่ากัน แอดดาวัสดุดีกว่า คนก็เลือกแอดดา แล้วแกมโบจะวิจัยแทบตายเพื่ออะไร
ปล.อ่อ ลืมไป น่าจะยกตัวอย่างเป็ดกระดาษ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
กลับมาเล่าต่อด้วยครับ ผมกำลังอ่านสนุก
อันนี้ถามจริงๆ ใช่ไหมครับ: เป็ดกระดาษเป็นกรณีดังระดับนึงในอินเตอร์เน็ต
เริ่มที่ SCG ทำกระดาษรักษ์โลกชื่อ idea green แล้วในตัวโฆษณามีเป็ดเป็นมาสคอต ไม่กี่วัน(ไม่กี่วันจริงๆ) มีกระดาษออกมาในชื่อเป็ดกระดาษ มีโฆษณาออกมาตัวนึงใช้เป็ดเป็นโลโก้เหมือนกัน ตัวฟอนต์ที่แปะหน้าบรรจุภัณฑ์ยังเลียนแบบเลย และขายราคาถูกกว่า 9 บาท จนคนไปเจอว่ามันไม่ใช่ของ SCG นั่นแหละ เลยดราม่า(เป็ดกระดาษเป็นของ AA)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
โอ้ ขอบคุณมากครับ
ผมเองรู็จักเป็ดกระดาษของ SCG แต่ไม่เคยได้ยิรเรื่องแบบนี้ครับ
.
นี่เองที่มาของคำว่า เซ็งเป็ด!!
ขอบคุณสำหรับภาพครับ ภาพเดียวแทนล้านคำพูดจริงๆ
อันนี้ก่อนที่จะอายแล้วเปลี่ยนโลโก้แก้เขิน
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อืม เซ็งเป็ด จริงๆ
แต่เผอิญเจอเจ้านี่มาพอดี นี่เป็นที่มาจริงๆ ใช่ไหมครับ เซ็งเป็ด
http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2006/09/L4678033/L4678033.html
ไม่จริงเลยครับ เพราะสุดท้าย แทบทุกสิ่งประดิษ คนที่ทำให้มัน บูม ไม่ใช่คนที่คิดทั้งนั้นเลย
มันเป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ว่าจะ 2000 ปีที่แล้ว หรือตอนนี้