ถึงแม้จะยังไม่ถึงวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่สำนักข่าว Associated Press ก็ได้รับหนังสือชีวประวัติของ Steve Jobs ที่เขียนโดย Walter Isaacson แล้ว และได้ยกประเด็นที่น่าสนใจประเด็นหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา นั่นก็คือปฏิกิริยาตอบโต้ของจ็อบส์ต่อการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของ HTC ที่รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เมื่อปี 2010 โดยมีใจความสำคัญว่าแอนดรอยด์มีจุดเหมือนกับ iPhone หลายประการ และการที่กูเกิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นไม่ต่างอะไรจาก "การจารกรรมครั้งยิ่งใหญ่"
คำพูดของจ็อบส์ในหนังสือของ Isaacson แปลได้ประมาณนี้ครับ
ผมจะใช้ทุกลมหายใจที่ผมมีตราบจนวันสิ้นลมหากจำเป็น และผมจะใช้ทุก ๆ เพนนีของเงินสี่หมื่นล้านดอลลาร์ที่แอปเปิลมีเพื่อที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดมหันต์นี้ให้จงได้ ไม่ว่าอย่างไรผมจะทำลายแอนดรอยด์เพราะมันเป็นงานลอกเลียนแบบ หากเป็นเรื่องนี้ให้ผมทำสงครามนิวเคลียร์
ผมก็ยอม
หลังจากนั้นจ็อบส์ได้พูดคุยกับ Eric Schmidt ซึ่งเป็น CEO ของ Google ในขณะนั้น โดยกล่าวว่าเงินจำนวนเท่าไรก็ไม่ทำให้เขายอมในเรื่องนี้แน่นอน สิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาต้องการคือให้แอนดรอยด์เลิกลอกเลียนไอเดียของเขาและแอปเปิลไปใช้
ทัศนคติดังกล่าวของจ็อบส์ทำให้เข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงมีคดีฟ้องร้อง Samsung และ HTC จากแอปเปิลเป็นจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวนำไปสู่การฟ้องร้องกลับและความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการกีดกันโทรศัพท์มือถือของฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ได้วางขายในหลาย ๆ ประเทศในที่สุด
Comments
Windows ล่ะ?
อาจะเป็นเพราะ windows เคยช่วยไว้มังครับ เลยไม่ฟ้องนะ
รอดมาด้วย $150 M ครับ
อ่านแล้วเข้าใจว่าไม่ได้ต้องการจะทำลาย Android ในฐานะที่เป็นคู่แข่งแต่ต้องการทำลายในฐานะที่เป็นผลจากการลอกเลียนสิ่งที่ตนสร้างมากับมือ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
+1
อ้านแล้วเข้าใจอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงก็คือ ต้องการทำลายในฐานะที่เป็นคู่แข่งนั่นแหละ
รู้ได้ยังไงล่ะครับ?
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
รู้ได้ยังไงครับ เก่งนะเนี่ย!!
ถ้าสมมุติว่า Android ยังไม่ได้คลอดออกมา แล้ว Steve รู้ตั้งแต่ทีแรก ว่าเป็นของที่สร้างมา โดยเลียนแบบโดยตรง หรือทำให้คล้าย... คิดว่า นี่ยังเรียกคู่แข่งไหมครับ!?
[ซ้ำครับ - server ช้านะ]
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
หากติดตามข่าวเก่า ๆ ของที่เกี่ยวกับ iPhone จะทราบว่า Eric Schmidt เคยเป็นบอร์ดบริหารของ Apple ด้วย และมันทำให้เขาได้เห็น iDea ของ iPhone ด้วยเช่นกัน จุดเริ่มต้นของปัญหาคือ Eric ทำตัวเหมือนคนที่มาจารกรรมข้อมูลแบบซึ่ง ๆ หน้า มันทำให้จ๊อบเสียเหลี่ยม
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
ถูกต้องแล้วครับ จ๊อบส์ เขาไม่ชอบมากในเรื่องนี้และบรรยายในหนังสือค่อนข้างแรงครับ
Spoil นะจ๊ะ
"We did not enter the search business," he said. "They entered the phone business. Make no mistake. They want to kill the iPhone. We won't let them. This Don't be evil mantra, it's bullshit."
Jobs felt personally betrayed. Google's CEO Eric Schmidt had been on the Apple board during the development of the iPhone and iPad, and Google's founders, Larry Page and Sergey Brin, had treated him as a mentor. He felt ripped off. Android's touchscreen interface was adopting more and more of the features-multi-touch, swiping, a grid of app icons-that Apple had created.
+5
ประเด็นที่ผมอยากให้มันชัดคืออันนี้เลย ถ้าปกติลอกแบบภายนอกสาวกว่ากันไปเรื่อยๆ ก็ไม่จบ แต่นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นการขโมยจากภายในและเอาไปทำเองโดยมาขายแข่งกันเป็นคู่แข่ง... จริงๆ พวกเรื่องความลับในองค์กรแบบนี้ ใครที่เป็นพนักงานคงเคยโดนให้เซ็นว่าด้วยว่าจะไม่แพร่งพรายความลับ หรือออกจากบริษัทแล้วห้ามทำธุรกิจแบบเดียวกันแข่ง...
กงกำกงเกวียนครับ
จ๊อบเคยทำอะไรไว้กับใคร สิ่งนั้นก้อย้อนกลับมาหาจ๊อบเหมือนกัน
Destination host unreachable!!!
แล้ว XEROX หละ
ทีหลังดังกว่า
แล้วถามผมจะตอบได้มั้ยล่ะครับ? ผมไม่ได้มีส่วนร่วมกับ Apple ซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ XD
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ ดูจากการต่อสู้ไม่สนรูปแบบ (สงครามสิทธิบัตร และสงครามสื่อ) ได้ผลในแง่ที่สามารถทำลายชื่อเสียงฝ่ายตรงข้ามได้ อย่างน้อยคนทั่วโลกก็รับรู้ว่า samsung กับ android ก๊อปมา (ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมดหรอกเพราะมันก็ต้องมีส่วนที่คิดเองบ้าง) แต่ไม่ได้ผลในแง่ยอดขาย (android ได้ที่ 1 ไปแล้ว) เออ สรุปว่าทำสำเร็จป่าวเนี่ย - -"
ผมว่าคิดเองไม่เกิน 1%
เคย SS GS Tab กับ SS GSS ของเพื่อนมาเล่นตอนแรกนึกว่า iPhone version จีนแดง
พอกลับไปเล่น iphone อ้าว! ทำไมทำเหมือนเครื่องจีนแดงไม่ได้หลายอย่างเลยนะ!?
ลง Apps ได้ไหมครับ ผมจะได้ซื้อฒาใช้แทน iPhone
??? (อาจจะเข้าใจผิดหรือเปล่า ผมหมายถึงที่เค้าว่า iphone version จีนแดง)
iPhone ดูทีวีกับฟัง FM แบบไม่ต่อเน็ตไม่ได้ แล้วก็ใส่สองซิมไม่ได้ด้วย แต่ของพวกนั้นผมไม่ได้ใช้เลยไม่สนใจ
ป.ล. คิดว่าคนใช้ iPhone ส่วนใหญ่ (ดูจากเพื่อนที่ใช้) ไม่ต้องการความสามรถพวกนั้น Apple เลยไม่ไปลอกมาใส่เครื่องตัวเองครับ
เข้าใจผิดแล้วครับ
ผมอ่านแล้วผมเข้าใจแบบเดียวกันนะ ขอคำขยายความหน่อยครับว่าเข้าใจผิดยังไง?
อย่าไปคิดแทนคนอื่น
คุณ btx คงหมายถึงว่า แอนดรอยด์มีฟังก์ชั่นบางอย่างที่ไอโฟนไม่มี
แต่สองท่านด้านบนเข้าใจว่า คุณ btx หมายถึง ไอโฟนจีนแดงมีฟังก์ชั่นบางอย่างที่ไอโฟนไม่มี
อย่างนี้หรือเปล่าครับ
ส่วนจะเป็นฟังก์ชั่นอะไรนั้นผมก็ไม่รู้ เพราะผมเป็นยูสเซ่อ :P
รู้แต่ดรอยด์มี Inotia 3 ให้เล่นฟรี แต่ไอโฟนต้องไปโหลดแอพเถื่อนเอา
ก็เค้าบอกว่าลอง s, tab แล้วรู้สึกเหมือนเป็น iphone จีนแดง ผมก็เลยแซวไปว่า พอเค้ากลับไปใช้ iphone ก็อาจจะรู้สึกว่า ทำไมมันทำอะไรหลายๆอย่างไม่ได้เหมือนเครื่องจีนแดงที่เค้าว่าไงครับ
ส่วนที่ว่ามีอะไรบ้าง ผมพิมพ์ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายเค้าก็จะบอกว่าเค้าไม่อยากได้ เค้าไม่อยากใช้ เหมือนข้างบนนั่นแหล่ะ แต่ถ้ามีความกลางสักนิดก็ต้องยอมรับว่าบางอย่าง apple อาจทำได้ดีกว่า แต่บางอย่าง android ก็มีข้อดีกว่าเหมือนกัน แม้แต่เครื่องจีนแดงที่เค้าว่าก็มีข้อดีของมันเช่นกัน
บอกฟังก์ชั่นที่เจ๋งๆ ของ Android มาให้หน่อยครับ ผมเคยให้เพื่อนโชว์ให้ดูมีอันเดียวที่ชอบคือ pattern lock อะไรนั่นแหละ นอกนั้นเฉยๆ หรือไม่ก็สงสัยว่ามีมาเพื่ออะไร
สำหรับผมแค่ไม่บังคับว่าต้องใช้ itune โลกนี้ก็เปลี่ยนไปแล้วครับ
รองรับไฟล์ได้หลาย format ไม่ต้องเสียเวลา
เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน
+ล้าน
+1
twitter.com/exfictz
ผมว่า iTunes นี่แหละจุดเด่นเลย คนที่ชอบก็ชอบ คนไม่ชอบก็เกลียดเลย แต่ถ้าไม่มี iTunes พวก iPod มันก็คือเครื่องเล่น mp3 ธรรมดานี่แหละ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แค่ไอโฟนไม่มีไฟล์เมเนเจอร์ เข้าไปเบราวซ์ไฟล์ในเครื่องได้แค่นี้ก็ง่อยแล้วครับ
แชร์วีดีโอ ก็แชร์ได้แค่ EMail, Youtube กดแชร์รูปจากแกลลอรี่เลยก็ไม่ได้
วายฟายซิงค์ไฟล์ที่อยู่ในเครื่องก็ไม่ได้ ต้องเสียบสายเอาอย่างเดียว ไม่ก็อัพขึ้นดร๊อปบ๊อกซ์
อัพไฟล์ขึ้นเว็บก็ไม่ได้ เพราะ Safari เบราวซ์ไฟล์ไม่ได้ โหลดไฟล์ซิปมาแตกในเครื่องก็ไม่ได้
ขนาดลงเพลงะยังต้องพึ่ง iTunes เลย โหลด MP3 จากเว็บมาฟังก็ไม่ได้
หลายๆ เว็บที่พรีวิวเสียงใช้แฟลชเป็นตัวเล่น ก็ฟังไม่ได้
ต้องลองมาใช้เองครับ แล้วจะรู้ว่าไอโฟนปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการเป็นเจ้าของเครื่องโคตรๆ
+1000000
โหลดมั่วๆลงเครื่องนี่แหละครับ จะทำให้เกิดไวรัส,มัลแวร์บนมือถือ แล้วก็มานั่งไล่ลง anti-virus อีก เชื่อว่าอีก 1-2ปี ไฟล์อันตรายๆจะว่อนบนอินเตอร์เน็ตแน่ๆ google ก็ควบคุมได้แค่ใน app store ของตัวเอง
อย่าเอาคำว่าไวรัสที่เป็นข้ออ้างเวลาแอปเปิ้ลขายของมาใช้เลยครับ
ผมไม่เห็นเคยติดเลย ไม่เห็นคอมจะมีปัญหา คอมไม่ได้ลง Anti Virus ด้วย
+1
Windows 7 เครื่องผม ไม่เคยติดไวรัสเลยครับ
Anti-virus ที่เคยมีและทำให้เครื่องหน่วงๆ พอหมดอายุ 1 ปีและเอามันออก ปรากฏว่าใช้ได้สบายโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพวก anti-virus เลย
มันพัฒนาไปซะจนไม่น่าเชื่อว่ามันมีแกนอันเดียวกับสมัย Windows XP ที่ติดไวรัสและพังกันเป็นว่าเล่น ของเค้าพัฒนาแล้วจริงๆ
reply By: kamij33 on 22/10/11 22:42 #347337 Reply to:347275
เพราะถ้าเป็น apple จะสั่งให้พนักงานห้ามตอบว่าติดไวรัส และแนะนำให้ซื้อโปรแกรมด้วย !?
http://www.blognone.com/news/23786/
5555+
ยังไง.android ก็ไม่เหมือน ไอ้โพน.หรอก ดูยังไงก็ไม่เหมือน ไม่ใช่สาวกทั้งสอง
สุดยอดเลย
ถ้าไม่มี iOS ผม "ไม่แน่ใจ" ว่าจะมี Android เกิดขึ้นหรือเปล่า (แต่คิดว่าน่าจะมี) แต่ถ้าไม่มี iPhone ผมมั่นใจเต็มล้านเลยว่าจะไม่มี samsung galaxy S มือถือที่ขายดีที่สุดของ samsung เกิดขึ้นแน่นอน เพราะทั้ง ui ทั้งดีไซน์เครื่องสมัยก่อนนั้นมันไปคนละทิศทางกับปัจจุบันเลย หาเส้นทางพัฒนาไม่เจอเลย (แต่เส้นทางการลอกละเห็นชัดเจน)
+1
ยังไงก็จะมี android แต่ผมเชื่อว่าจะไม่ได้เป็น android แบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ อย่างน้อย sgs2 ก็ไม่ได้มีหน้าตา UI แบบที่เห็นแน่ๆ
ถึงไม่มี iOS ก็ยังมี Android แต่ในรูปแบบมือถือคล้ายๆ BB แค่นั้นเอง
Androidรู้สึกจะเกิดก่อนน่ะแต่ว่าเจ้าอื่นอาจจะเอาไปทำไม่ใช่Google
แอนดรอยด์เริ่มพัฒนาก่อนจริงครับ แต่เริ่มฟอร์มตัวเป็น Open X X(ผมจำชื่อไม่ได้) ปลายปี 2007 ก็แค่มีวีดีโอมาบอกว่ามันจะเจ๋งขนาดไหนแต่ไม่เห็นรูปร่างซักเท่าไหร่ แล้วหน้าตาตัวต้นแบบที่ทำโดย HTC(เหมือนต้นแบบ ChaCha เลย) โผล่มาปี 2008 มันก็แค่ BB ดีๆนี่เอง ส่วน G1 ปลายปี 2008 ก็ยังไม่ได้ใช้งานทัชสกรีนได้เต็มที่ กว่าจะมี Onscreen K/b ก็ 1.5 2009 จะพูดรวมๆว่า แอนดรอย์ กว่าจะเป็นทุกวันนี้ได้ก็เพราะเอา iPhone เป็นต้นแบบเยอะเลยล่ะ เพราะดูจากตัวต้นแบบที่เป็นแนวทางมันไม่ทัชสกรีนเลย 1.0-1.5 เลยง่อยๆ เหมือนเอา S60 มาทำเป็นทัชสกรีนช่วงแรกๆ
การที่จ๊อบจะเกลียด Android สุดๆก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อช่วงเริ่มต้นจากมือถือที่จะขาย Service ของ Google แบบ BB มาเปลี่ยนเป็นเอา Key Feature ที่ iPhone บุกเบิกไปใช้เยอะพอตัว
Onscreen K/b เห็นตั้งแต่ windows 3.1 แล้ว เก่ากว่านั้นก็คงมี
มือถือในอดีตที่ใช้ Onscreen K/b หาดูจริงๆ ก็คงมี
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ok ครับ งั้นถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องอธิบายต่อครับ ใช้ตรรกะแบบเดียวกันอธิบายทุกส่งบนโลกได้เลย
ปล. แล้วทำไม 1.0 ยังไม่มีล่ะครับ หรือว่าแก้ให้ไม่ทัน เพราะตอนแรกแค่กะเลียนแบบ BB ที่ครองตลาดสมัยนั้นเฉยๆ ?
อย่าใช้ตรรกะประเภทนี้เลยครับขอร้อง
กี่ครั้งที่คุณใช้ on-screen k/b บน windows 3.1? แล้วกี่ครั้งที่ใช้บน smartphone? เอาจำนวนครั้งต่อวันก็พอ... แต่ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ รำคาญครับ
เขาคงไม่รู้สึกหรอกครับ -..-
palm กับ symbian ก็มี on-screen k/b ครับ
ผมเคยเห็นของ sony มี k/b ถอดใช้ on-screen ได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
palm กับ symbian ก็มี on-screen k/b ครับ
ผมเคยเห็นของ sony มี k/b ถอดใช้ on-screen ได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
palm กับ symbian ก็มี on-screen k/b ครับ
ผมเคยเห็นของ sony มี k/b ถอดใช้ on-screen ได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
palm กับ symbian ก็มี on-screen k/b ครับ
ผมเคยเห็นของ sony มี k/b ถอดใช้ on-screen ได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Ultra Kill !!!
เมื่อ edge ติดๆ ดับๆ - -"
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Android พัฒนาเพื่อจอ touchscreen ตั้งแต่แรกครับ ส่วนเรื่อง keyboard นี่มันเป็นความสามารถที่เปิดให้ผู้ผลิตเอาไปทำได้ เท่าที่เห็นก็มีแค่ Motorola นะที่มี hard-keyboard อาจมีเจ้าอื่นๆบ้างแค่บางรุ่น
ส่วนความสามารถเรื่องมัลติทัชนั้นด้อยกว่าจริงครับ
แอปเปิ้ลไม่ได้เป็นผู้สร้างสรรค์แนวคิดที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นผู้นำ'แนวคิด'มาทำให้เป็นจริงครับ เป็นผู้ทำสินค้าได้ยิ่งใหญ่ และผมก็ชื่นชมแอปเปิ้ลตรงนี้เนี่ยแหละ
และผมเกลียดมากกับคำพูดทำนองว่า 'ทุกสิ่งทกอย่างเกิดขึ้นที่แอปเปิ้ล' เพราะนั่นมันหมายถึงการศรัทธาแบบ Cult ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมใช้มือถือ windows mobile ตั้งแต่ตัวแรกที่ออกมา เป็นทัชสกรีน ผมคิดว่ายังไง on screen keyboard ก็ไม่สู้ hardware keyboard เป็นแน่แท้ ผมเลยสอยเฉพาะรุ่นที่มี hardware keyboard เท่าั้นั้น (O2 Atom ที่มี hardware keyboard มาให้ กับพวก dopod จนเครื่องสุดท้ายของ Windows Mobile ที่ผมใช้ก็คือ Xperia X1) จนผมได้จับ iPhone 4 (อยู่ตั้งนาน ไม่กล้าใช้ = =") ซึ่งมันเจ๋งมากสำหรับ On Screen keyboard ต่อมาผมได้ซื้อ iPad มาใช้อย่างไม่ลังเล แต่ต่อมาอีกก็ได้ซื้อ SSGS Tab มาใช้มันก็โอเคดีนะ เสียอย่างเดียว คือผมเสพติด iOS มากไปจนรู้สึกว่า Android มันไม่ค่อยตอบสนองมือผมเท่าไหร่
Android ช้าเป็นปกติอยู่แล้วครับ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
+100
สาวกทั้งหลาย พวกเจ้าจงรีบก่อมาม่าใน node นี้กันโดยพลัน ข้าชงด้วยน้ำร้อน ๆ ให้แล้ว !!
ปล. ผมล้อเล่นนะครับ อย่ายิงผมเลย >____<
twitter.com/exfictz
รายงานตัวครับ
อยากเลเวลอัพเร็วๆ ไม่ต้องมี ปล นะครับ
ความเห็นนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ไหมครับ แล้วจะแบนเหมือนของคนอื่นหรือปล่อยไว้แบบนี้?
ปล. อันนี้ถามจริงจังนะ ไม่ได้ล้อเล่น...
บ๊ะ ! ว่าแล้วก็นึกได้ว่าที่นี่ปลอดสำนวนดราม่า =______=
// ยกมือขึ้นเหนือหัวยอมแพ้ //
twitter.com/exfictz
คห. เช่นนี้สามารถอยู่รอดได้ในเว็บนี้อย่างปลอดภัยครับ (เพราะมีสาระ)
จบ
edit: ลบ ๆ ดีกว่า
twitter.com/exfictz
มันมีหลายบริบทอยู่ในประโยคสั้นๆ เหมือนกันนะครับ ทำให้นึกถึง ตอนที่สตีฟเห็นการเปิดตัว Windows, การถูกลอกแนวคิดของ GUI ระบบปฏิบัติการในอดีตแต่ดันเป็นที่นิยมกว่า ราวกับว่าตอนนี้ Samsung คือตัวละครที่มาแทน Microsoft ในตอนนั้น (ซึ่งกำลังจะเกิดอีกครั้งกับ iPhone? มันออกจะดูโหดร้ายหากในช่วงชีวิตต้องพบเหตุการณ์เดิมๆ ที่อาจนำไปสู่ความย่อยยับทางธุรกิจเพราะสิ่งที่ลอกเลียนแบบถึง 2 ครั้ง?)
ประเด็นเหล่านี้ละเอียดอ่อนที่จะประเมิน เพราะมีทั้งเรื่องธุรกิจ และเรื่องจิตใจ ..
my blog
แนวคิด GUI เองก็ไม่ใช่มาจากสตีฟไม่ใช่เหรอครับ เพราะเค้าก็ไปเอาของ Xerox มาเหมือนกัน
จริง
อันนั้นเค้าไปซื้อมานะครับไม่ใช่ไปเอามาฟรีๆ
ซื้อ!??????????????????????????
ไม่ล่ะครับ ไม่ได้ซื้อแน่ๆ
ผมอาจจะใช้คำผิดไป เอาเป็น Apple อนุญาติให้ Xerox สามารถซื้อหุ้นของ Apple ได้แลกกับ Apple สามารถส่งวิศวกรเข้าไปดูงานและเรียนรู้เกี่ยวกับ GUI จาก Xerox ครับ
ที่จริงไม่ได้ตั้งใจเข้าไปดู GUI ครับ แต่ Xerox ให้ Apple เข้าไปดู "แทบทุกอย่าง" ที่พอจะเอาไปทำการตลาดเชิงพานิชย์ได้มากกว่า เครื่อง ALTO ก็เป็นงานวิจัยอย่างนึงที่เอามานำเสนอให้ทีมของแอปเปิ้ลดู แต่ Jobs สนใจ GUI กับเมาส์มากกว่าตัวเครื่องซะอีก
เรื่องราวเป็นเช่นไรต่อครับ อยากรู้เพิ่มเติมๆ
ถ้าอยากรู้จริงๆ ต้องไปหาสารคดีที่ชื่อว่า
" Triumph of the Nerds " มาดูครับ
หรือไม่ก็หาหนังที่ชื่อว่า
" Pirates of Silicon Valley " มาดูก็ได้ครับ
ผมคิดว่าหลายๆคนใน Blognone คงจะรู้จักกันดีน่ะครับ 555
หาดูจากหนังเรื่อง Pirate Silicon น่าจะมีนะครับ (คุ้นๆ)
edit: ตอบช้าไปหน่อย :) ตามข้างบนครับ
^
^
that's just my two cents.
MS ไปไหนเนอะ หรือจะรอให้สองเจ้านี้รบกันเอง
เค้าเป็นเพื่อนและคู่แข่งครับ แบบในการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ได้จ้องจะทำลายกัน ไม่เหมือนพระเอกกับตัวโกงที่ต้องการให้ย่อยยับกันไปข้าง
นั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน
publish ให้แล้วครับ แต่ช่วยแก้ลำดับ tag อีกรอบได้ไหมครับ เพราะรูป steve jobs หายไป
ขอบคุณครับ
@TonsTweetings
ตอนนี้ จ๊อบไม่อยู่แล้ว ก็สมตามความตั้งใจของเค้าแล้วว่าสู้จนสิ้นลม
แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว
สินค้า นวัตกรรมในโลกนี้ ก็เติบโตไปในทางที่ตลาดต้องการทั้งนั้น กล้อง ทีวี ตู้เย็น รถยนต์ กระทั่งสมาร์ทโฟนก็ด้วย
ก่อนหน้านี้ ก็จิ้มจอกันมานาน ไม่เห็นมีใครอยากฟ้องกันด้วนเรื่องจิ้มจอ จิ้มแล้วรูดๆ ก็มีไอเดียออกมาแล้วอย่างที่เห็นใน htc touch รุ่นแรก แค่เปลี่ยนจาก resistive เป็น capacitive แค่นั้นเอง สุดท้ายก็คือ iPhone ก็ต่อทอดเทคโนโลยีที่เค้ามีแล้วมาบ้างเหมือนกัน แล้ว ios5 ก็ยังเอาไอเดียที่ใช้ในแอนดรอยไปด้วยซ้ำ
แค่นั้นก็แตกต่างมหาศาลแล้วครับ ถ้าไม่มี iphone ทุกวันนี้ android อาจจะแถม stylus มาให้ด้วย
ทุกวันนี้ก็เริ่มแถมแล้วครับ (flyer, galaxy note)
คุณก็รู้ (มั้ง) ว่าผมหมายถึงอะไร ไอ้ที่ยกตัวอย่างมันไม่เกี่ยวกันเลย
ถ้าเคยใช้พวก PocketPC, PalmOS PDA มาก่อนนะครับ
ประเด็นคือ iPhone ก็มีไอเดียของคนอื่นมาเหมือนกัน เหมือน Android ก็มีไอเดียจาก iPhone
หลังๆ iPhone ถึงกับหยิบไอเดียจากแอนดรอยมาด้วยซ้ำ
แล้วถึงขั้นจะทำลายแอนดรอยทุกวิถีทางมันก็เกินไป
เห็นด้วยครับ
กรณีนี้ผมว่าจ๊อบส์หน้าไม่อายอ่ะ ลอกเค้าเหมือนกันแล้วยังกล้าด่าเค้าว่าลอก
+1 ครับ
เพราะใน iOS5 ก็มีหลายอย่างเอามาดัดแปลงจากแอนดรอย
และแอนดรอย ก็เอามาดัดแปลงจาก iOS4 หรือรุ่นก่อนๆ เหมือนกัน
ถ้าผมอ่านไม่ผิด ความคิดเห็นนนี้เขาให้ไว้ตอนปี 2010 นะครับ
ios5 มันได้ใช้เวลาคิด 2 อาทิตย์นะครับ วันที่เขาให้สัมภาษณ์ อาจจะวาง concept ios5 เสร็จไปแล้วหรือยังเราไม่มีทางรู้ วันที่ประกาศ ios5 น่ะ เขาทำก่อนหน้านั้นนานแล้ว
แล้ว Notification Center ใน iOS 5 ล่ะ บังเอิญ ?
Find my Friend กับ Google Latitude ก็บังเอิญ ?
วงการนี้มันก็ลอกกันมาทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าจะลอกแบบน่าเกลียด หรือจะลอกแบบผู้ดี
+1 แต่บางคนลอกแม้กระทั้งจุดด้อย - -"
นึกถึง xbox360 ที่มีปัญหาไฟแดง เหมือน PS3 ที่มีปัญหาไฟเหลืองเลย
วิทยาการและนวัตกรรมในโลกนี้ ล้วนเกิดขึ้นได้ด้วยการต่อยอด
เท่าที่อ่าน จ๊อบตั้งใจจะทำลาย android เพราะ อดีตพนักงานของ apple เอาแนวคิดไปพัฒนา ios ไปพัฒนา android
android ยังไม่ตายแต่จ๊อบตายแล้ว จบ
ถ้าคิดแบบ Jobs
โลกนี้คงมีรถยนต์ได้แค่ยี่ห้อเดียว
การเปิดประตูรถแต่ละยี่ห้อ คงต้องมีท่าทางที่พิสดารพันลึก เพื่อป้องกันคนคิดบอกว่าไปเลียนแบบเขา
ที่จริงแล้ว Apple ไม่เห็นต้องกลัว Android หรือ Samsung แม้แต่น้อย
เพราะสินค้าตัวเองขายดีมากมายอยู่แล้ว ขนาดกั๊กขาย ยังผลิตไม่ทันเลย
หากยอดขายเริ่มตก แค่ลดราคาขายลงมาซัก 20-30% ขี้คร้านจะขายดีขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
คนเคยใช้ iPhone / iPad แล้วชอบ ผมว่าไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นหรอกครับ
ผมก็คนนึงละ
ทำแบบนั้นรุ่นหน้าออกมายอดก็ตกครับ การลดราคาเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรทำ
IOS 5 หลาย ฟีเจอร์ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากคนอื่นทั้งนั้น - - จะเอาดีใส่ตัวอย่างเดียวเลยอ่ะนะ
เห็นด้วยครับ IOS5 ก็ลอก android มาตั้งหลายอย่าง
ช่วย list ให้สาวกเห็นเป็นบุญตาด้วยครับ
์Notification แล้วก็ ระบบสั่งงานด้วยเสียง สองอย่างแหล่ะ ที่ผม รู้
ผมว่าแนวคิดของ steve ก็ ไม่ถุก อ่ะ android เปิดตัวด้วยความสามารถ ที่ sync ข้อมูลหลายๆ อย่างได้เป็นจุดขาย ตอนนี้ apple ก็เริ่ม มาทำ cloud อย่างนี้ คนก็บอกว่า apple ก็อปได้เหมือนกันหล่ะซิ
ผมว่ามันเป็นเรื่องของการตอบโจทย์ผู้บริโภค อ่ะ ผมว่ามันก็ หน้าหนาเกินไปที่ จะออกมาโวยวาย คนอื่นเลียนแบบ อย่งนู้น อย่างนี้ ก็เค้าทำได้ ตอบโจทย์ ผู้บริโภคมากกว่าอ่ะ คนก็แค่อยากจะไปใช้เท่านั้นเอง แทนที่จะมาแข่งกันด้วยนวัฒกรรม กลับมา พยายามทำลาย ภาพลัก บริษัทอื่น
แต่ความจริงอย่างนึงที่หนีไม่ได้ ถ้าไม่มีชายรูปร่างผอมใส่แว่น ยืนเปิดตัวมือถืออะไรสักอย่างนึงในปี2007
ในวันนี้คงไม่มีมือถืออย่าง GALAXY S R W T Mini Fit Gio Cooper บลาๆๆ.....ในแบบที่เราชื่นชมว่ามัน "ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า"
ละครเรื่องนี้มันเสียดายที่สุดก็ตรงที่ชายผู้เปลี่ยนโลกได้จากเราไปแล้ว...
ถ้าไม่มี Palm Phone หรือ Win Mo Phone คุณคิดว่าจะมี iphone มั้ย?
ถ้าไม่มี Newton จะมี Palm WinMo มั้ย ?
อันนี้ฮาที่สุด XD
twitter.com/exfictz
Newton ออกมาแล้สแป้ก แล้ว Palm เป็นคนจุดกระแส PDA ติด
อืมม งั้นตอนโน้นไม่มี Windows Tablet ตอนนี้คงไม่มี iPad สินะ
แบบนี้หรือเปล่าครับ
http://osxdaily.com/wp-content/uploads/2011/08/tablets-before-and-after-ipad.jpg
เหมือนตอนโน้นมีคนบอกว่าไม่มีใครต้องการ stylus เห็นมีแต่คนหัวเราะก๊าก -..-
+1000
รูปนี้ หากินได้จนวันตายจริงๆ
น่าจะเป็นแบบนี้มากกว่านะครับ
ในสายตาของสาวก ก่อนไอแพดออกมา เกิดมาจะไม่เคยเจออะไรหน้าตาสี่เหลี่ยมแบนๆเลย :P
ไปเจออันนี้มาครับ ไม่รู้ข่าวฉบับหน้าจะเป็นเช่นไรต่อ
http://www.siampod.com/2011/10/17/samsung-lawyer-cant-tell-the-difference-between-an-ipad-and-a-galaxy-tab/
ข่าวต่างประเทศที่เชื่อถือได้ก็ลงตามนี้
แต่ส่วนตัวผมว่าทนายคนนี้มันซื่อบื้อจริง เป็นผมจะขอให้ผู้พิพากษาหันด้านหลังให้ดู ไม่ก็ให้กดหน้า home screen ให้ดู
เเบนๆก่อน iPad เหรอ เป็นอะไรที่ไม่น่าสนใจเลยอ่ะ ไม่งาม หึหึ
มีครับไอ้ที่งามๆ แต่ราคาก็เหยียบแสน แถมใช้งานได้ไม่นาน และหนัก กับหนาทั้งนั้น
รู้จริง
Galaxy ใช้ android แต่ไม่ใช่ตัวแทน android นะครับ
เอาจริง ๆ ถ้าดูจาก ICS ผมว่ามันเป็นคนละตัวกับ iOS ไปแล้วนะครับ
cloud มาจาก me ป่าวครับ
แนวคิดการสั่งการ device ด้วยเสียงมีมานานมากแล้วครับ ย้ำเลยครับว่า Google ไม่ได้เป็นคนคิด ที่สำคัญ Voice Action ไม่เหมือน Siri ครับ เคยเขียนอธิบายไปแล้ว
That is the way things are.
notification แบบรูดลงจากด้านบน
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Palm มันโผล่มาจากด้านล่าง น่าจะมาก่อน ??
ไม่รู้นะ ผมเข้าไปดูจาก http://www.mxphone.com/article/10068/Apple-iOS-5-200-New-Features-10-Keys-Features (ยังดูไม่หมดหรอก) แต่เท่าที่ดูมันไม่ได้เพิ่งถูกสร้างมาใหม่โดย apple แน่นอน และน่าจะไม่เห็นมีของใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยสักอย่างเดียวนะ?
สั่งด้วยเสียงอันนี้เห็นครั้งแรกใน WM แต่ Siri พัฒนาต่อแล้วเจ๋งกว่าเยอะ ส่วน Notification ก๊อบมาแล้วเปลี่ยน UI นิดหน่อย ถ้ามีอย่างอื่นขอเพิ่มด้วยครับ
ผมใช้อีริคสันสมัยยังเป็นฝาพับจอสีเขียวก็มีสั่งงานด้วยเสียงแล้วครับ โปรแกรมสั่งงานด้วยเสียงนี่เล่นครั้งแรกสมัย Windows 3.0 มาแล้ว
ถึงไม่ลอก Android มา ก็ลอก Palm หรือ Win Mo มา
แล้ว wifi sync อะไรนั่นก็ไปเอามาจากนักเขียนแอพป่านนี้โดนฟ้องไปแล้วมั้ง
ลอกมาจากการเจลเบรกไม่นับครับ #เกรียน --"
ลอกจากการเจลเบรก = Apple คิดเองเหรอเนี่ย?
ถึงได้ติด tag เกรียนไว้ เพราะประชดไงครับ --"
เท่าที่ดู ลอกมาจาก Third Party ทั้งนั้นเลยนี่ครับ
มีอันไหนลองมาจากฟีเจอร์ตั้งต้นที่ Google ใส่มาใน Android บ้างหว่า?
ประเด็นผมว่าเค้าหมายถึง apple ไม่เคยทำเหมือนใครเลยมั๊งต่างหากครับ
nortification / smart cover
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
.
ต้องให้อีกเจ้าล้มตายจากวงการถึงจะพอใจหรือไงนะ
+10000
ใช้ Smart Phone ระบบ Androids กับใช้ ipod touch เพิ่ม ipad ไปอีกตัว!!! " 3 ทหารเสือในฝันของผมเลย"
จับมือกันไว้ดีที่สุด
+1 ถ้าไม่ลำบากที่ต้องพกหลายๆตัว วิธีนี้ประหยัด+คุ้มกว่าซื้อ iPhone/Android ตัวท๊อปเครื่องเดียวจริงๆครับ แต่ถ้าลำบากเรื่องการพกพาก็แล้วแต่ความชอบ
ใช้ iPod Touch อยู่ และกำลังคิดจะถอยสมาร์ทโฟน Android สักเครื่อง :)
"เลียนแบบสิ่งที่เค้าเลียนแบบมาอีกทีสิเฟ้ย ถึงจะครองโลกได้" - มันโจเมะ
+1000000
อ่านข่าวนี้แล้วอยากซื้อหนังสือเล่มนี้มากกกว่าเดิมแฮะ
จ๊อบ นายหลงตัวเองไปป่ะว้า
จิตใจคับแคบจริงๆ
ถ้าเป็นประเทศไทย ก็คงเป็นไอ้พวกเศรษฐีสัมปทานกระมัง
ผมคิดว่าแกอยากให้ทุกคนพัฒนาไปในแนวทางของตัวเอง ไม่ใช่มัวแต่จะรอแกทำออกมาแล้วก๊อบ เพราะยังไงสักวันนึงก็ต้องตาย พอแกตายแล้ว Andriod จะก๊อบใคร
ต้องอนุญาตให้ลอกได้ถึงจะเป็นคนดี? ตรรกะคนไทยมีน้ำใจจริง ๆ ครับ ว่าแต่คนไทยน้ำใจงามตอนนี้แค่นมกระป๋องเดียวก็แย่งกันซื้อแทบตายแล้วนะครับ
That is the way things are.
จะเล่นนิวเคลียร์เลย :D
ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ครับ
เพราะ Jobs เป็นคนนิสัยแบบนั้นอยู่แล้ว
ก็รอดูต่อไปว่าหลังจากสิ้น Jobs แล้ว
Apple จะใช้นโยบายนี้ต่อเหนียวแน่นแค่ไหน
samsung อะพอเข้าใจว่า UI กะเครื่องจงใจทำคล้าย แต่!! Android ลอกยังไงอะ ลอกเพราะทัชสกรีนเหมือนกัน? เพราะด้านในผมว่าไม่เห็นเหมือนอะไร(พูดแค่ระบบปฏิบัติการนะ)
คงจะหมายถึงระบบ app store ที่ทำให้โทรศัพท์เปลี่ยนแนวทางมาเป็นเหมือน iPhone มากขึ้น เพราะหากลองดูก่อนหน้านั้น ก็ต้องยอมรับว่า แอปเปิลกระโดดลงมาในตลาดนี้ก่อนใคร
ในฝั่ง Linux ที่ Android เองใช้เป็นพื้นฐาน ก็มีพวก apt-get,yum มานานแล้วนะ
ที่ผมจะอยากจะสื่อให้ลึกไปก็คือ Apple นั้นไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาก่อนใครครับ ไม่ว่าจะเรื่อง touch screen, Market, ระบบ Application บนโทรศัพท์ หรือว่าอะไรต่าง ๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อน ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นครับ เพราะถ้านับย้อนไปว่าอะไรเกิดก่อนคงจะไม่จบไม่สิ้น
แต่ iPhone ที่ Apple นำเสนอออกมา มันคือแนวคิดใหม่ ๆ ที่ทำให้ผู้คนใช้งานง่ายขึ้น รวมเอาเทคโนโลยีที่มีอยู่มาใช้งานให้เกิดประโยชน์เต็มที่ และเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของ Smartphone ให้เป็นอย่างทุกวันนี้ต่างหากครับ
ประมาณว่าไม่ได้คิดก่อนใคร แต่ถ้าทำแล้วอาจจะทำได้ดีไม่แพ้ใคร อะไรทำนองนี้มากกว่า
งั้นจะพูดว่า android ลอกก็ไม่ถูกใช่มั๊ย เพราะก็ทำมาจากแนวคิดเดียวกัน แค่ทำหลังเท่านั้น คือผมคิดว่าถ้าเมื่อก่อนโลกนี้ไม่มีรถยนต์ แล้วมีชาวเมืองอะไรซักอย่างทำยานพาหนะวิ่งได้มี สี่ล้อ แต่ลากไปกะควาย ต่อมามีคนหัวใสเอาเครื่องยนต์ไปใส่แทนการลากกะควาย จากนั้นก็ขายดีเปลี่ยนให้คนทั่วโลกมาใช้เครื่องยนต์แทน จากนั้นมีอีกบริษัทนึงเห็นว่าโอ๊ะเราก็สร้างเครื่องยนต์ได้เราสร้างไปใส่ดูบ้างดีกว่า(สร้างโดยตัวเองไม่ได้ขโมยเค้ามา) แล้ววิ่งได้เหมือนกันแล้วขาย คนเริ่มเห้นว่าเป็นทางเลือกเลยเบนเข็มมาซื้อของอีกเจ้าดูบ้างเพราะถูกกว่าแต่อาจจะไม่แรงสู้ของบริษัทเจ้าแรก สิ่งที่ผมกล่าวมามันคือการลอกหรือการแข่งขันครับ?
ถ้าเกิดว่า Eric Schmidt CEO ตอนนั้นไม่ได้นั่งในบอร์ด Apple ด้วย วันที่ iPhone เปิดตัว สตีฟ จ๊อบส์ อาจจะไม่คิดอย่างนี้ก็ได้ครับ
ตัวอย่างที่คุณ Tanit ยกมา ผมคิดแบบนี้ครับ
Apple อ้างว่า Android เกิดมาจาก "แนวคิดของ OS" แบบเดียวกับไอโฟน แต่ Timeline มันต่างกันเยอะ ถ้าไม่เหมือนผมขอยกตัวอย่าง Window phone
ส่วนกรณีรถที่คุณยกมาเข้าข่ายที่ Apple ฟ้อง Samsung ในตอนนี้มากกว่าครับ ที่พยายามทำให้คล้ายกัน สร้างอุปกรณ์ที่เหมือนกัน ๆ
แต่ยังไงผมก็สนับสนุนการมีคู่แข่งในตลาดครับ ไม่ได้อยากให้ใครล้มหายตายจาก
รถยนต์อีกแล้วหรอครับ ได้อ่าน -> อันนี้ <-บ้างหรือเปล่าครับ (คงไม่ได้หมายถึงแค่เครื่องยนต์นะ)
ส่วน -> อันนี้ <- เป็นงานออกแบบ
+1 เหนภาพมากเลยครับ
.
ผมพูดถึงแค่ OS ครับ เพราะ google เค้าทำแค่ OS ส่วน UI การออกแบบเครื่อง google เค้าไปบังคับให้เป็นแบบไหนเมื่อไหร่ครับ
ลองดู prototype ของ Android จากรูปข้างล่างสิครับ
เปรียบเทียบ OS กับปัจจุบัน หลังจาก iphone เปิดตัว ว่ามันเหมือนกันแค่ไหน
ตัวอย่างที่คุณยกมา ผมจึงไม่คิดว่า บริษัท Goo คิดได้เอง แต่คิดได้หลังครับ
คนอาจจะหันมาใช้แอนดรอยด์มากขึ้น เพราะสงสัยว่ามันมีอะไร ทำไม Steve Jobs ถึงเคียดแค้นได้ขนาดนั้น
suksit.com
ได้ยินเรื่องนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัย android ออกใหม่
Steve Jobs เป็นแบบนี้ครับ จึงทำให้มีผลงานได้อย่างทุกวันนี้ เหมือนอิมเมจของเขาในหนัง Pirates of Silicon Valley
ถ้าไม่เถียงว่าใครลอกใคร ส่วนตัวผมว่าดีแล้วที่มี 2 ค่าย จะได้แข่งกันเติบโต คิดอะไรที่ดี ๆ ออกมา มีค่ายเดียวผูกขาดเกินไป
แต่กว่าจะมีวันนี้ android ก็เติบโตเดินตามรอยไอโฟนแบบที่ Eric Schmidt เคยบอกนั้นแหละ จ๊อบเลยไม่พอใจมาก
ผมเห็น android ครั้งแรกก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่ามันคืองานลอกเลียน iPhone มี dock แล้ว icon สี่เหลี่ยมๆ ให้ความรู้สึกเหมือน iPhone ทุกอย่าง
ที่จะบอกว่ามี notifcation หรือ feature ใหม่ๆ แล้วจะทำให้หลุดจากคำว่าลอกเลียนคงไม่ใช่
ผมเคยเห็นรถ vios ใส่ skirt แล้วตกแต่งหน่อยนึงแล้วเอา logo ของ lexus มาติด มันคืองาน ก๊อบปี้แบบเดียวกัน
เข้าใจว่า มีแต่ samsung ที่ทำให้ตัวเองเหมือน iphone
android ค่ายอื่นไม่ได้ทำเหลี่ยม ๆ นี่
+100
SE, HTC, Moto หรือแม้แต่ Google Phone เองก็มีสไตล์ออกแบบเฉพาะของตัวเองที่ดูยังไงก็ไม่เหมือน iPhone ครับ (ทั้ง Hardware และ UI)
การที่ใครพยายามจะเลียนแบบเรา แสดงว่า ของเราเจ๋งจริง ส่วนจะเลียนแบบได้ดีมากแค่ไหนก็อยู่ที่กึ๋นของคนลอก
iphone คือ ธงที่ผู้ผลิตทุกคนพยายามจะไปให้ถึง จ๊อบส์น่าจะภูมิใจด้วยซ้ำ
ปัจจัยนึงที่น่าคิดคือ ช่องว่างมันเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ จนกลัวว่า android จะแซง เพราะนวัตกรรมจากฝั่งตัวเองเริ่มช้าลง อาจจะด้วยปัจจัยภายใน/ภายนอก ก็แล้วแต่
คนที่นับถือศาสนาพุทธแบบจ๊อบส์ และมีแนวคิดชัดเจนแบบเขา ไม่น่าจะ "เห็นแก่ตัว" แบบนั้น
อย่าเอาเรื่องศาสนามาเกี่ยวเลยครับ พูดแล้วยาว
ดูประเทศสารขัณฑ์เป็นตัวอย่างก็ได้ ประเทศนี้มีประชากรอยู่หกสิบกว่าล้านคนทั้งประเทศนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 90% คุณว่ามีคนเห็นแก่ตัวอยู่กี่คน? นับไหว?
เอาจริงๆส่วนหนึ่ง(เยอะด้วย)เป็นแค่พุทธตามทะเบียนบ้านหรือเปล่าครับ ส่วนน้อยนักที่จะลองศึกษาคำสอน คนส่วนมากก็อยู่ไปงั้นๆ จะคิดถึงพระก็เวลาภัยพิบัติมา หรือเวลาจะตายonly หมดภัยพิบัติก็เลิกคิดถึง
ผมกับเพื่อนคุยกับ สรุปได้ว่าไม่แน่ว่าว่าประเทศนี้อาจจะนับถือผีครับ หรือประมาณว่า Paganism บางส่วนเห็นมีอะไรเค้าว่าดีก็ไปไหว้ อะไรแปลกก็ไหว้ ไหว้เพราะอยากได้ส่วนตัว ไม่ได้ไหว้เพราะเคารพในคุณความดีของสิ่งนั้น
ตอนรู้ตัวว่าโดนเลียนแบบแล้วถ้าคิดได้อย่างนี้จริงก็คงดีเนอะ แน่ใจนะ?
เค้านับถือ เซน ไม่ใช่เหรอครับ . . . อันนี้ผมไม่รู้จริงๆนะ แค่เหมือนจำได้ว่าเป็นแบบนั้น
zen
{$user} was not an Imposter
พุทธนิกายเซนครับ
แค้นกว่าโดนลอกทั่วไปเพราะ Eric schmidt เป็น board ของ apple ในตอนนั้นนี่สิครับ เจองี้ใครไม่โกรธบ้าง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
"Me too" Marketing ไงครับ
มีให้เห็นทั่วไปในตลาดทุกวงการ
ส่วนใครจะชอบไม่ชอบก็สุดแต่ใจคนครับ
Jobs อาจจะไม่ชอบ และในฐานะ CEO, ผู้นำ Apple เลยต้องการเล่นงาน ก็เป็นสิทธิ์ของ Jobs ครับ
ผลการแข่งขันในตลาดจะเป็นตัวตัดสินเองว่าเป็นอย่างไร
ถ้า jobs ไม่ป่วย เราอาจเห็นนวัตกรรมใหม่ๆ มากกว่านี้ครับ ขนาดคนป่วยยังออก ipad มาได้เลย
คือมันมี "ทืม" วิศวกรณ์, โปรแกรมเมอร์, นักออกแบบ, คนทดสอบระบบ อยู่เบื้องหลังนับร้อย (หรืออาจจะพัน) คนนะครับ
จ๊อบส์ไม่ได้อยู่บ้านนั่งออกแบบวงจรกับเขียนซอฟต์แวร์เองนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
และทีมทั้งหมดนี้ก็เก่งเสียจนสามารถทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกันด้วยตัวเองสินะครับ?
ทีมจะแกร่งแค่ไหน ถ้าขาดผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ ก็ไปไม่รอดหรอกครับ
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำดีเลิศ แต่ลูกน้องห่วย ก็ไปไม่ไหวเหมือนกัน
ทั้งบริษัทไม่มีแค่จ๊อบส์คนเดียว เขาต้องมีลูกน้องที่เชื่อถือได้ คอยทำตามคำสั่งในขณะที่เขากำลังป่วยอยู่ๆแล้ว
แล้วใครคือคนที่คอยคัดเลือก 'ลูกน้องเก่งๆ' เข้ามา?
แล้วใครคือการกำหนดนโยบายบริหารทรัพยากรบุคคล?
โอเคว่า ทีมงานบริหารเขาก็มี แต่คนที่มีอิทธิพลตัดสินใจสูงสุดคือ CEO
ประเด็นของผมคือ เราควรให้เครดิตคนตามสมควรครับ กรณีประโยคต้นทางผมไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการมองไม่เห็นทีมงานคนอื่นๆ เลย
อย่างน้อยๆ คนที่เป็นที่รู้จักก็เช่น Jonathan Ive, วิศวกรซอฟต์แวร์หลายต่อหลายคน, หรืออย่าง Tim Cook ที่จัดการ supply chain อย่างเก่งกาจ จนกระทั่งกดราคา "ความสมบูรณ์" ของจ๊อบส์ ให้อยู่ในราคาที่คนทั่วไปซื้อกันได้
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าจะให้แจกเครดิตทั้งหมดในผลงานช้นเดียว ผมว่าอีกหน่อยโปสเตอร์หนังคงจะเต็มไปด้วยรายชื่อคนแน่นอน (ฮา)
คุณ lew ต้องแยกให้ออก ระหว่าง 'การให้เครดิตของจริง' , 'การสร้าง Brand Ambassador เพื่อการตลาด' นะครับ
ไม่งั้นอีกหน่อย เวลาเราพูดถึงผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง เราคงต้องให้เครดิตกันยาวเหยียด 'ตามสมควร' อย่างต่ำก็ 6-10 คน
พอดี Blognone เป็นเว็บ IT ครับ ไม่ใช่เว็บ marketing
ผมไม่สนใจ Brand Ambassador
โปสเตอร์หนังแทบทุกเรื่อง เต็มไปด้วยชื่อคนจำนวนมากเป็นเรื่องปรกติครับ key person มักจะมีชื่ออยู่ในนั้น อาจจะมีชื่อผู้กำกับ, พระเอก, นางเอก เป็นชื่อใหญ่ แต่มักจะมีชื่อคน 5-10 คนอยู่ด้านล่าง
lewcpe.com, @wasonliw
ผมว่าสนใจไว้บ้างก็ดีนะครับ เผื่อจะได้เป็นความรู้เสริมเพิ่มเติมให้ชีวิต นอกจากความ Geek ทาง IT อย่างเดียว ;)
อันที่จริงผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่านอกจาก Andy Rubin แล้ว มีคนไหนที่กูเกิลยกขึ้นมาเป็น Ambassador อีกบ้าง?
เท่าที่หาดูก็มีหลายคนนี่นะ??
นึกถึงนิทานเรื่อง นิ้วทั้งห้า ขึ้นมาเลยแหะ = =!
ผมว่าจริงๆแล้วที่เค้าว่า copy แล้วรับไม่ได้น่ะ หมายถึง key feature มากกว่านะครับ multi-touch, pinch to zoom, advance browser for mobile device, UI ที่เป็น grid of icons กับ swipe to next page จำพวกนั้น ที่ iPhone บุกเบิก (ใครคิดก่อนนี่ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ Apple นำมันมาสู่ consumer market) การเถียงกันไปมาอันนี้ก๊อบเจ้านู้น เจ้านู้นก็ก๊อบเจ้านี้ เจ้านี้ก๊อบเจ้านั้น ใน feature เล็กน้อยเหล่านั้น พูดตามตรงนะครับ แม่งโคตรไร้สาระเลย
อย่างน้อยๆข้อมูลตรงนี้ก็ทำให้กระจ่างว่าทำไม Apple ถึง crusade ใส่ Andriod ได้ขนาดนี้ อย่าง Samsung ในบาง product ยังพอเข้าใจได้ (โดยเฉพาะ Galaxy S) แต่ทำไม HTC ด้วยนี่ตอนแรกก็จนปัญญาจริงๆ ทั้งๆที่ UI ก็ ออกจะ original, design ถึงแม้จะเป็น candy bar+touch screen แต่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ iPhone ต่างจากอีกค่ายนึง ตอนนี้ก็พอเข้าใจแล้ว (ถ้า Jobs พูดความจริงนะครับ รึอาจจะครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงคือคู่แข่งการค้าสำคัญก็ได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว)
ความคิดส่วนตัวของผมคือ Android copy feature เหล่านี้จริง จาก prototype ตอนแรกเป็นแบบ BB ซึ่งเป็นเจ้าแห่ง smartphone ขณะนั้น แต่ final product กลับเหมือน iPhone แถมมี hidden feature เป็น multi-touch ซึ่งเปิดให้ใช้ได้ในภายหลัง ร่วมกับ Eric Schmidt อยู่ใน บอร์ด Apple ณ ขณะนั้น ผมว่ายังไงก็ก๊อบชัวร์ อย่ามาถามนะครับว่าไม่ทำ UI แบบนั้นจะใช้กับ touch screen ยังไง ไปดู WP7 ซะ อย่างนั้นที่เรียกว่าไม่ copy (สังเกตว่า Apple ไม่เคยพูดเลยว่า WP7 copy iPhone)
เผื่อใครไม่เคยเห็น
http://gizmodo.com/334909/google-android-prototype-in-the-wild
อย่านึกว่ามันคือ Nokia สักรุ่น หรือ BB ยุคแรกๆนะครับ
เจ้านี่คือ Android first prototype ครับ ผลิตโดย HTC
เหมือนเอา Nokia กับ BB มาผสมกัน
แถมหน้าตาออกมาแย่กว่าร้อยเท่า -_-"
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ผมจำได้เพราะเคยโหลด Android Emuมา
เห็นด้วยครับที่appleไม่ฟ้องWindows Phone เลย เพราะมันต่างมาก
ใช่ครับ เทคโนโลยีของ M$ เขาพัฒนาตามสายของเขา คิดเอง ทำเอง ดันเอง แล้วก็ดีบ้าง เสียบ้าง ก็เหมือนลุงจ๊อบแหละครับ แบบนี้ผมว่า win-win
เค้าแชร์สิทธิบัตรกันด้วยนิผ่านตัวโนเกียร์เป็นตัวกลาง
การที่นำมาลงในหนังสือเล่มนี้ ก็เป็นวิธีการโจมตีอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะได้ผลพอสมควร คนอ่านเยอะมาก เผยแพร่ไปทั่ว ฝ่ายตรงข้ามน่าจะอายบ้าง เพราะก็ลอกมาเยอะ ที่สำคัญ ตอบโต้แทบไม่ได้ซะด้วยเพราะเสียชีวิตไปเสียแล้ว
ผมเห็นด้วยว่าวงการนี้มันก็ก๊อปกันไปกันมาวนเวียนกันแหละ แต่อย่ามาก๊อปรวมกันทีเดียวกานน ค่อย ๆ ก๊อปทีละอย่างสองอย่าง อย่าให้น่าเกลียดเกินไปก็เท่านั้นแหละ
แล้วก็ต้องมีจุดเด่นอะไรของตัวเองมาโชว์บ้างไรบ้าง เอาของตัวเองเป็นหลัก ไม่ใช่เอา feature ของเขามาเด่นซะขนาดนั้น ทำแบบนี้ก็โดนตราหน้าตั้งแต่วางขายเลย
นอกจาก iphone ผมว่า notebook ขนาดเล็กหลายตัวก็หน้าเหมือน MBA กันซะเหลือเกิ๊นน
ทำไมคนที่เปลี่ยนโลกถึงอายุสั้นเกือบทุกคนเลยนะ T T
เพราะเขาใช้พลังไปเยอะ
เอดิสัน 84 นะครับ ไม่สั้นเท่าไหร่นะ ^^
ปล.ถ้าจ็อบส์อายุยืนเท่าเอดิสันหล่ะก็นะ...
ถ้าเป็น Jobs ก็ไม่แปลกใจกับแนวคิดของเค้า เพราะแนวทางการบริหารที่สะท้อนมาผ่านนโยบายและผลิตภัณฑ์มันก็เป็นแนวนี้ "แคบ ๆ เราคิดให้ ไม่ต้องคิดเยอะ"
Apple อาจจะอยู่ใน Blue Ocean จนชิน พอเจอ Red Ocean เข้าก็คงเคว้ง และวิสัยทัศน์แบบ Jobs เมื่อเห็น Android ครั้งแรก ผมว่าเค้าน่าจะเป็นคนแรก ๆ ที่ดวงตาเห็นธรรมว่านี่แหละ iOS Killer ของจริง!!
ความเจ็บปวดที่คนในเป็นหนอน หรืออะไรก็ตาม แรงกระตุ้นในการทำลายล้างก็คงไม่มากเท่าต้องฆ่าคู่แข่งให้ตาย ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะสงครามปกติก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
แต่ ณ จุดนี้แม่ทัพตาย .. แม่ทัพคนใหม่ก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนคนก่อน คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะอะไรยังไง
//อ่านแรก ๆ ก็เกลียด แต่พอคิดว่าเป็นความคิดของ Jobs ก็เฉย ๆ ละ
(อันนี้เม้นเหมือนที่เคยเม้นใน G+)
คิดแง่ลบจริงๆ
ผมว่าที่แกแค้น เป็นเพราะตอนนั้น CEO Google เป็น Board Apple ด้วยครับประมาณว่าคงเห็นวงใน เครื่องต้นแบบ ก่อนใครด้วย ถ้าก๊อบตอนหลังจากออก iPhone มาแล้วก็คงไม่ขนาดนี้
เอาจริงๆ Android ตอนที่ Google ซื้อมามันไม่ได้หน้าตาแบบนี้เลยล่ะครับ inspire จาก iOS ในแง่ของ UI ส่วน Apple ไปก๊อบ UI จากใครมาอีกทีนี่ก็ไม่แน่
ผมชื่นชม Windows Phone มากกว่า Android เยอะนะถึงแม้ตอนนี้คนยังใช้ไม่เยอะ แต่มี UI แนวทางการใช้งานที่เป็นของตัวเอง ไม่ได้ไปเหมือน iOS นี่แหละที่ผมว่ามันจะทำให้เกิดอะไรใหม่ๆน่ะ
ปล. มีเพื่อนผมหลายคน (ที่ไม่ใช่ geek) ซื้อ SS Galaxy เพราะเหตุผลที่ว่า "มองไกลๆมันเหมือนใช้ iPhone เลย แต่ราคาถูกกว่า"
เป็นเหตุผลที่ฟังแล้ว 'เออะ...!' มากครับ
twitter.com/exfictz
Android เป็นบริษัทที่ถูก Google ซื้อเข้ามาครับ
ในตอนที่มันเกิดมาครั้งแรก พ่อของมันไม่ใช่ Google ครับ ไม่ใช่ว่าเพราะบอร์ดผู้บริหารไปเห็น iPhone ก็เลยเอามาทำมั่งนะ
ได้อ่านยังครับ ว่า ก่อน Android จะถูกซื้อโดย Google, UI ไม่ใช่แบบนี้ครับ
อีกอย่างเลยประชุมบอร์ดบริษัท บ้างป่าวครับ? ผู้บริหารต้องรายงาน บอร์ดว่าแผนการในอนาคตจะขายอะไร ตลาดไหน แล้ว CEO Google ตอนนั้นจะไม่เคยรู้ เคยเห็น iPhone มาก่อนเลย? เป็นไปไมไ่ด้แน่นอน
ผมไม่รู้แฮะ ผมใช้มาตั้งแต่ 1.5 ก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเหมือน iOS ตรงไหน...
อย่างน้อยผมไม่เคยเห็นว่า iOS จะมี Drawer..
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
+1
twitter.com/exfictz
ที่ผมไม่ชอบ Android ส่วนหนึ่งก็เพราะ Fan boy (Fandroid) อย่างข้างบนล่ะครับ ไม่ต่างจาก Fan boy Apple Android ดีสุดในโลก ไม่เคยก๊อบใคร เหอะๆ
เสริม หรือแม้แต่ก็อปมาก็ไม่ผิด คนถูกก็อปแล้วไปฟ้องกลายเป็บคนผิด
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สาวกชอบปกป้อง องครักษ์พิทักหุ่นชอบเสียดสี ฮาาาาาา
สิ่งที่ผมไม่ชอบ Apple ก็เพราะพวกชอบเชลียร์ไม่ลืมหูลืมตานี่แหละครับ :D
ไม่ว่าอะไรก็ช่าง ..ผมว่าตอนนี้ "โลกสงบสุข" แล้ว :)
ไม่ว่าจะสร้างสรรค์อะไรเพื่อโลกแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเขาก็คือ "พ่อค้า" คนนึงนี่เอง หลายคนมองว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนโลก ทำให้คนทั้งโลกมีอุปกรณ์ที่สะดวกสบายขึ้น แต่สุดท้ายเขาก็ทำเพื่อ "ผลกำไรสูงสุดต่อตนเองและองค์กร" เท่านั้นเอง จริงหรือไม่? ตรรกะเงินมา ได้ของไป ทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณหรือทำคุณประโยชน์ให้โลกทั้งนั้น
ผมไม่ใช่สาวก และผมมองว่าเขาเป็นพ่อค้าคนนึงที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว แถมจิตใจคับแคบ (ตรงที่ไม่เปิดใจยอมรับคู่แข่ง จะเอาแต่ได้คนเดียว) ผมจึงไม่รู้สึกเสียใจ และไม่มีแม้แต่อารมณ์จะรู้สึกอยากจะอาลัยอาวรณ์ จริงๆ เคยก็ชื่นชมเขาในฐานะที่เป็นคนเก่งและสร้างสรรค์คนนึงมานานแล้ว แถมยังเป็นเจ้าของสินค้าผลงานเขาอยู่หลายตัว แต่ไม่น่าเชื่อว่าในช่วงหลังๆ อัตตาของเขาจะทำให้เขาบ้าดีเดือดได้ถึงขนาดนี้ สุดท้ายเลยมองเป็นแค่พ่อค้าคนนึงเท่านั้น (เป็นพ่อค้าไม่ผิดนะครับ..ใครก็อยากได้กำไรสูงสุด แต่การที่เขาเป็นแค่พ่อค้าคนนึง ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปอาวรณ์ราวกับเป็นคนสำคัญหรือคนที่ทำเพื่อโลกขนาดนั้น)
ต่อไปอนาคตของมือถือก็คงจะเป็น Android เพราะระบบเปิดแบบแอนดรอยด์นี่แหละจะทำให้เรามีนวัตกรรมใหม่ๆ ใช้กัน เนื่องจากความเปิดของมันจะทำให้ผู้สร้างสรรค์ไม่ติดอยู่กับกรอบที่กำหนดขึ้นโดยคนใจแคบๆ เพียงบางคนอย่างที่เคยเป็นมาเท่านั้น ..โลกต้องร่วมกันเดินไป ไม่ใช่ให้ใครมาเป็นศูนย์กลาง
ด้วยความเคารพแก่สาวกทุกท่าน ขอบคุณครับ :)
เป็นพ่อค้าแล้วผิดตรงไหนล่ะครับ?
ทำเพื่อผลกำไรสูงสุดมันผิดอะไร?
เชิดชูระบบเปิดมาก...
อย่าลืมนะครับว่า
'บริษัทผู้ผลิตระบบเปิดที่คุณเชิดชู มันก็ต้องการผลกำไรเหมือนกัน'
รบกวนช่วยอ่านให้จบก่อนคอมเมนต์ได้มั้ยคร้าบบ ^^" ขอร้อง...
ผมเขียนไว้แล้วว่า เป็นพ่อค้าไม่ผิด
ไม่ผิดเลยซักนิดจริงๆ
แถมผมก็เขียนไปด้วยว่าใครๆ ก็ทำเพราะผลกำไรสูงสุดกันทั้งนั้น
แต่ก็เพราะเหตุนี้ ผมจึงไม่ได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์ ไม่ได้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเลยแม้แต่น้อย ที่ต้องไปเทิดทูน ขอบคุณ นับถือ หรือสดุดีอะไร เพราะเขาก็เป็นพ่อค้าขายของคนนึงเท่านั้น
การที่เขาพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา บางคนอาจจะบอกว่าเขาทำให้ชีวิตเราดีขึ้น สร้างนวัตกรรมเพื่อชาวโลก เปลี่ยนโลก แต่ผมกลับมองว่าธุรกิจทุกอย่างก็ต้องทำสินค้าที่ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ขายได้กำไรสูงสุดอยู่แล้ว การพัฒนานวัตกรรมถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำให้สินค้าเหนือกว่าคู่แข่ง ทำให้ขายได้และนั่นคือผลกำไร ซึ่งทั้งหมดนี้ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ ไม่ได้เป็นบุคคลที่น่าเทิดทูนเพราะมีใจทำเพื่อมนุษยชาติจริงๆ
ยิ่งมีแนวคิดการทำธุรกิจแบบใจไม่เปิดกว้าง กีดกันคู่แข่งเพราะจะขายของอยู่คนเดียว คนแบบนี้ก็ให้อารมณ์ไม่ต่างจากคนมีชื่อเสียงบนโลกนี้จากไปแค่คนนึงเท่านั้น
สุดท้าย ขอยกคำพูดของของ Tim Cookมา "คุกบอกว่าตลาดแท็บเล็ตมีคนพยายามสู้กับเรามากทั้งขนาด สเปก ราคาที่แตกต่าง แต่ยิ่งคู่แข่งเข้ามาเราก็ยิ่งขายดีขึ้น" ต่อไปแอปเปิลน่าจะลดความก้าวร้าวในการกีดกันคู่แข่งมากขึ้น เพราะความจริงคือตลาดยิ่งโต สินค้าของทุกคนก็จะขายดีขึ้นไปด้วย เร่งพัฒนาสินค้าแทนที่จะกีดกันกันดีกว่า
ทำใจครับ น่าจะทราบว่าคนไทยอ่านหนังสือกันแค่กี่เปอร์เซนต์ ผมนั่งอ่าน คห. ของคุณแล้ว คิดเหมือนกันเลยครับ
ก็แค่พ่อค้าคนนึง ที่มีความคิดใหม่ๆ ก็แค่นั้นเอง
โอเคครับ ประเด็นเรื่อง 'เป็นพ่อค้าไม่ผิด' ผมรีบร้อยสรุปไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยครับ
แต่ขอแย้งประโยค
"ยิ่งมีแนวคิดการทำธุรกิจแบบใจไม่เปิดกว้าง กีดกันคู่แข่งเพราะจะขายของอยู่คนเดียว คนแบบนี้ก็ให้อารมณ์ไม่ต่างจากคนมีชื่อเสียงบนโลกนี้จากไปแค่คนนึงเท่านั้น"
กรณีนี้ควรพิจารณาเป็นประเด็นไปนะครับ ว่าเขาแย้งเพราะอะไร? ทำไมเขาถึงหาว่าคนอื่นลอกนวัตกรรมเขาไป?
หลักฐาน การตัดสิน ที่เป็นรูปธรรมจากศาล ในปัจจุบันนั้น มี 'ผล' ออกมาอย่างไร?
มันต่างกันนะครับ ระหว่าง 'รักษาสิทธิของตน' กับ 'กีดกัน'
สุดท้าย แม้จะมีคนชังเท่าผืนเสื่อ แต่เขาก็ยังมี คนรักเท่าผืนหนัง อยู่ดี ;)
ผมมองต่างตรงที่ว่า ไม่ใช่อะไรที่เกียวกับเงินหรือธุรกิจจะไม่น่ายกย่องนับถือขอบคุณไปซะหมดครับ แน่นอนว่า เค้าต้องทำกำไร ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ ทำงานที่เค้ารักต่อไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เค้ากล้าทำ ผลักดัน เชื่อมั่นก็ยังเป็นสิ่งที่มีค่า และน่าสนใจ ถ้าตัดสี่งที่ธุรกิจหรือเงินเกี่ยวข้องออกไป ตำรวจ/ครู/หมอ ก็มีคุณค่าน้อยลง?!? เพราะส่วนมากก็มีเงินเดือนทั้งนั้น(นับว่าเป็นเรื่องธุรกิจมั้ย? ทำงานแลกเงิน เลี้ยงชีพ หาความสบาย) บางคนมีรายได้ต่อเดือนมากกว่าเราๆ ซะอีก ผมว่า ดูคุณค่าของสิ่งที่เค้าทำดีกว่า ถ้าเค้าทำหน้าที่ได้ดีก็ควรยกย่อง ถ้าทำอะไรดีๆ ที่มีผลต่อวงกว้าง คำขอบคุณก็ไม่เกินไปนะ
แต่ประเด็นอื่นๆ เห็นด้วยนะคร้าบบ อยากให้แข่งกันอย่างเสรีเหมือนกัน ผู้บริโภค WIN
ฮ่าๆ จริงๆ เรื่องครู/หมอ ฯลฯ ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่ามันก็ผิดตรรกะไปบ้าง ตรงที่อาชีพเหล่านี้มันก็เป็นอาชีพที่เรายกย่อง ให้เกียรติและเคารพ ทั้งๆ ที่อาชีพเหล่านี้ก็ได้ผลประโยชน์ รายได้ หรือทำเป็นธุรกิจเหมือนกันๆ
ซึ่งผมเตรียมคำตอบแล้วครับ ..ว่าสำหรับประเด็นนี้ ผมขอ bias ซักเรื่องครับ (และอาจ bias ที่ตัวบุคคลเสียด้วยซ้ำไป) :P
แต่คำตอบยาวๆ ของผมคือ เรื่องคุณงามความดีเหล่านี้มันอยู่ที่ใจทำเพื่อคนอื่นครับ ถ้าตัดเรื่องผลตอบแทนออก คนเป็นหมอก็มีใจอยากจะช่วยชีวิตมนุษย์จริงๆ หรือแม้แต่ครูบาอาจารย์ก็มุ่งหวังให้ศิษย์ได้วิชาความรู้เพื่อสร้างคนจริงๆ ของพวกนี้มันใช้ "ใจเพื่อให้คนอื่น" ล้วนๆ ในการทำอาชีพ การทำแบบนี้ผมยกย่องครับ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพฝั่ง IT อย่างเรื่อง Open-source ที่แม้หลายกรณีจะอยู่บนฐานของธุรกิจ แต่เขาก็มีใจที่จะสร้างสังคมที่แบ่งปัน ช่วยกันและเปิดกว้างในโลกของซอฟท์แวร์ด้วยเช่นกัน บุคคลแบบนี้ก็น่ายกย่องครับ
แต่สำหรับบางคน ผมไม่แน่ใจครับว่าเขาตั้งใจสร้างนวัตกรรมเพื่อมวลมนุษยชาติ หรือเพื่อธุรกิจและตนเองกันแน่ ถ้าเขามีใจที่จะสร้างสรรค์เพื่อมนุษยชาติจริงๆ เรื่องกีดกันคู่แข่งแบบจะเอาให้เจ๊งเลยแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น (อย่างมากก็แค่จิกกัดให้อาย และบลั๊ฟด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มันเจ๋งกว่าออกมาให้คู่แข่งต้องไล่ตามตัวเอง) แต่ด้วยความคิดและพฤติกรรมของเขาที่ถูกเผยแพร่ออกมาเรื่อยๆ แบบนี้ ผมก็มองในมุมบวกไม่ออกเหมือนกัน ซึ่งรักษาสิทธิ์ซะเต็มเหนี่ยวแบบนี้ ก็ทำไปเพื่อธุรกิจและตัวเองล้วนๆ นั้นแหละครับ (ซึ่งยังยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปอย่างผมต้องไปบูชายกย่องนับถือคนธรรมดาๆ แบบนี้ครับ)
คิดเหมือนกันเลยครับ
จบครับ
เต็มไปด้วย Bias ส่วนบุคคล โต้แย้งไปก็ไร้เหตุผล
แถมทัศนคติยังลักลั่นย้อนแย้งกันเองเสียอีก
ยังไงก็
'คนรักเท่าผืนหนัง คนชักเท่าผืนเสื่อ' นะครับ ;)
อยากขอรบกวนอ่านให้ชัด อ่านให้จบ รวมถึงคลี่ประเด็นให้แตก ..อีกครั้งนึงครับ -_-"
เรื่อง bias และเรื่องทัศนคติแย้งกันนั้น ผมพูดเล่นๆ เอาขำๆ (แม้ว่ามันอาจจะจริง ฮา) แต่ "ใจความสำคัญ" ของคอมเมนต์ดังกล่าว ที่ผมมองอย่างตรงไปตรงมาและไม่ลำเอียงคือ
"เรื่องคุณงามความดีเหล่านี้มันอยู่ที่ใจทำเพื่อคนอื่นครับ" อย่างเช่นวงการ Open source software ที่แม้จะอยู่บนฐานของธุรกิจ แต่ก็มีจุดประสงค์ให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปัน เสรี เปิดกว้าง ช่วยกันพัฒนาเพื่อให้เกิดการต่อยอด แบบนี้เขาเรียกว่ามีใจเพื่อสังคม และคนสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ก็สมควรที่จะได้รับการยกย่อง ให้เกียรติ ขอบคุณ นับถือ สดุดี ฯลฯ ในฐานะที่เขามองประโยชน์ทั้งของส่วนรวม และของตัวเอง
ส่วนคนที่ทำเพื่อธุรกิจตนเอง ดูเหมือนจะทำตัวเปลี่ยนโลกแต่ก็เพื่อแค่ความสำเร็จของตัวเอง แถมยังกีดกันการแข่งขันจากรายอื่นๆ (แม้คู่แข่งมันจะ me too ก็เถอะ แต่ใช่ว่า apple จะไม่ me too) เพื่อรวมศูนย์ของความสำเร็จไว้ที่ตัวเองอยู่คนเดียว ด้วย ego ที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกๆ อย่าง (แทนที่จะคิดในมุมบวกว่า การมีคู่แข่งนั้นเป็นเรื่องสนุกในวงการธุรกิจ ตลาดมีสีสัน เกิดการแข่งขัน และทำให้ตลาดโตขึ้น กลับอยากยึดวงการนี้เป็นของตนเองแต่ผู้เดียว แม้แต่ iTunes, App Store ก็ต้องการรวมทุกๆ อย่างไว้ที่ตัวเอง) แบบนี้ก็ไม่ต่างจากพ่อค้าที่กระหายความสำเร็จโดยไม่สนใจผู้อื่นคนนึง
แม้ว่าจะมีคนชอบเขามากมายเพราะต้องยอมรับว่าเขาเรียกแรงศรัทธาได้เก่งจริงๆ ซึ่งเหตุผลในการจะรักใครชอบใครนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของบุคคลและด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป แต่ผมแค่อยากสะท้อนความคิดอีกมุมนึงว่าก็ยังมีหลายๆ คนที่มองเขาเป็นแค่คนธรรมดา เป็นพ่อค้าคนนึงที่เก่งและมีความคิดที่แตกต่างเท่านั้น ไม่ใช่คนทั้งโลกที่จะอาลัยเศร้าโศกเสียใจอย่างภาพที่ออกมา
ผมยินดีรับฟังคำโต้แย่งครับ เพราะนี่มันก็เป็นการแชร์ความคิดเห็น ไม่ได้เถียงจะเอาชนะกัน อย่างคอมเมนต์ #347382 ที่ยกตัวอย่างเรื่องเอดิสัน อันนี้ผมชอบครับ
ผมว่าเถียงกันไปก็ไร้ประโยชน์ครับ คนเรามองคุณค่าคุณงามความดีของแต่ละคนที่นับถือต่างกัน อย่างคุณมองที่จิตใจและคุณธรรมซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจริงแท้มากน้อยแค่ไหน หมอไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานด้วยใจอยากรักษาคนไข้ (อย่างน้อยตอนเด็กผมก็เคยได้ยินผู้ใหญ่แนะนำให้ไปเรียนหมอเพราะว่ารายได้ดี) ครูอาจารย์ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะคำนึงถึงลูกศิษย์ลูกหา มันเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ครับก็ต้องว่ากันไปตามความเชื่อ
ส่วนตัวแล้วผมนับถือ Steve Jobs ครับ แม้เขาจะเป็นพ่อค้าที่ผลิตสินค้าเพื่อมาหากำไร แต่ก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่เขาผลิตมานั้นมันมีคุณประโยชน์ต่อโลกอย่างมากมาย คนเราแทบทุกคนหว่านพืชย่อมหวังผลอยู่แล้วครับ หมอที่ทำงานหนักลึก ๆ ในใจก็หวังรายได้ที่มากขึ้น การเติบโตในหน้าที่การงาน สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเหมือนกันครับ
That is the way things are.
+10000
พูดเรื่องศีลธรรม เรื่องคุณงามความดีเสียสวยหรู
แต่สุดท้ายถ้า 'ไม่มีกินขึ้นมา' ศีลธรรมมันก็แค่ผิวหนังชั้นนอกของจิตใจมนุษย์เท่านั้นแหละครับ
เพื่อนผมทิ้งงานหมอในเมืองรายได้200K+ เพื่อไปเป็นหมอชนบทตามฝัน ทุกวันนี้มันต้องโทรมายืมเงินเพราะรัฐไม่จ่ายให้ซักที
อ.ที่มหาลัยผมเป็นเจ้าของธุรกิจหลักร้อยล้าน มาทำงานพิเศษเป็นอ.เพราะใจรัก
แม่ชีเทเรซ่า มหาตมะคานธี เช เกวารา ฯลฯ คนพวกนี้"มีจะกิน" แต่เลือกเส้นทางที่ต้อง"อดๆอยากๆ" ซึ่งผมทำไม่ได้
ถ้าทำใจให้สูงแบบนั้นไม่ได้ อย่าดึงคนที่ทำได้ลงมาต่ำครับ
ชอบคำนี้จัง
ผมก็ทำไม่ได้ครับ แต่ผมไม่เอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อะย้าาาา +10 เลย
"โลกสงบสุข" โลกของใครอ่ะ??
ผมชื่อชมสตีฟ จ็อปส์ แบบเดียวกับที่ผมชื่อชมโทมัส อัลวา เอดิสัน (เขาไม่ได้สร้างแต่หลอดไฟนะครับ)
พ่อค้าหัวดื้อหัวแข็งสองคนที่เปลี่ยนโลก
คนหนึ่งประกาศตัวว่าเขาจะทำแต่ของที่ขายได้เท่านั้น เพราะการที่คนยอมจ่าย แปลว่าของชิ้นนั้นมีคุณค่าจริงๆ
อีกคนหนึ่งประกาศตัวว่าเขาจะเปลี่ยนโลก และลบกรอบแนวคิดแบบเดิมๆ
เขาทั้งสองคนหนึ่งร่อนส่งโทรเลข คนหนึ่งเป็นช่างอิเล็กฯ
เขาทั้งสองเป็นโชว์แมน ไม่ใช่แค่นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ หรือนักคิดธรรมดาๆ แต่เขาทั้งสองสร้างแบรนด์อันแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
คนหนึ่งกลายเป็นผู้ให้แสงสว่างกับโลก
และอีกคนได้เปลี่ยนมุมมองที่คนเรามีต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เขาทั้งสองได้เปลี่ยนโลก และเขาทั้งสองได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เขาคิดขึ้นนั้นมีคุณค่าจริงๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่เอดิสันทำนั้นอาจจะยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่จ็อบส์ทำหลายเท่านัก แต่ว่าการที่เราได้อยู่รวมสมัยกับเขา ได้ใช้ผลงานสดใหม่เพิ่งคลอดของเขา มันสร้างความผูกพันนะครับ ยิ่งเรียนรู้มาก ยิ่งผูกพันมาก
ล่าสุดใน Galazy Nexus ที่มากับ ICS นั่นเป็น stock android ใช่มั๊ยฮะ UI เริ่มแบนๆเรียบๆแบบ WP7 แล้วแฮะ
บอกจะทำลาย แต่ผมว่าสุดท้ายมันจะเข้าอีหรอบเดิมเหมือนตอนโดน Windows แย่งตลาดจาก Mac
Android ถ้าเป็นแบบที่ไม่ได้ปรับ UI ก็ยังดู OK แต่ถ้า SAMSUNG Android ดูแล้วเหมือนตั้งใจลอกเลย(บางจุด) ส่วน HTC ไม่เคยเล่น
เป็นคนที่ไม่มีวันตายจริงๆ
และแล้วของก๊อป ก็นำหน้าของต้นแบบไปแล้ว ฮ่า ฮ่า
อันนี้สินะ :)
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
143 ความคิดเห็นแล้ว... ตีกันได้หนักหน่วงจริงๆ
ผมติดตามมาตั้งแต่ Android 1.6 ผมยังไม่เห็นว่า มันเหมือนกันตรงไหน ถ้า Samsung Touchwiz นี่พอว่า
ที่แน่ๆ ผมว่า จากที่วันนั้นผมยัง RIP แกดีๆ อยู่วันนี้เริ่มจะอยากเปลี่ยนเป็น BIH ซะละ (ไปเดาเอาเองย่อมาจากอะไร)
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
แสดงว่าจ๊อบส์เองน่าจะพลาดอะไรไปนะ เรื่องก๊อปภายนอกมันก็ส่วนนึง แต่ถ้าโดนหักหลังด้วยนี่คงแค้นสุดๆ {สาวกคงจะมองแค่ภายนอกว่าเหมือนหรือไม่เหมือน แต่เบื้องลึกมันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น}
สิ่งของที่เราคิดขึ้นมาแล้วดันมีคนคิดได้คล้ายกับของเรา ก็คงมองว่าเป็นการแข่งขัน อันนี้ก็ลอกกันไปพัฒนากันมา ผมว่าจ๊อบส์รับได้อยู่นะ... แต่ถ้าข้อมูลความลับภายในโดนเอาไปใช้เพื่อมาเป็นคู่แข่งกันเองนี่คงไม่ไหวจะเคลียร์...
ข้อมูลพวกนี้คงเป็นส่วนตัวมากๆ เลยไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ จนมันได้มาอยู่ในส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้...
เห็นด้วยครับ น่าจะเป็นการถอดประโยคสำคัญๆ ออกมาเพื่อขายหนังสือด้วย ประมาณว่าอยากรู้ทั้งหมดก็ซื้อหนังสือมาอ่านซะ!
ฟังดูเหมือนว่ Apple ก็ไม่ได้ Copy Xerox. . .
ดูเหมือนเข้าข้างตัวเองเกินไปนะ
ก็จริงครับ ข้อมูลที่ว่า Apple ได้ idea จาก Xerox เมื่อในอดีตนี้ น่าจะทำให้ Apple ไม่สามารถไปเที่ยวว่าใครต่อใครว่า copy ได้ แต่มันช่วยทำให้ Android กลายเป็นสิ่งที่คิดค้นขึ้นใหม่ทั้งหมดหรือเปล่า ก็เปล่าเลย
ขำๆ
รู้สึกว่าเหล่าสาวกแทนที่จะช่วยทำให้คนรัก Jobs/Apple มากขึ้น กลับกลายเป็นตรงกันข้ามนะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่เห็นมีใครพูดถึง Sony UX เลย
http://www.google.com/search?hl=en&q=viao+ux&gs_sm=e&gs_upl=40l2119l0l2287l6l3l0l0l0l0l820l820l6-1l1l0&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.,cf.osb&biw=1366&bih=653&um=1&ie=UTF-8&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi
ในสมองมีแว้บมาคำนึง "Konfabulator"
เหนื่อยเลย...
ขอนำเสนอเป็นสมการก็แล้วกันครับ...
ios 1 = apple's original idea (90%) + others ideas (10%)
ios 5 = ios 4 (70%) + ideas from android (10%) + some from third parties (20%)
android = ios 2 (60%) + ideas from google (30%) + some from third parties (10%)
ipad 2 = apple's original idea (99%)
ss tab = ipad (50%) + android (50%)
แต่โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับความคิดของ stev jobs นะครับ
แต่อย่างว่า เราไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น ตรงที่มีผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง
คล้ายๆกับ ธุรกิจ เพลง ตอนที่มี mp3 กำเนิดขึ้นมา...
ไม่อนุมัติสมการครับ ฮาๆ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
"ผมจะใช้ทุกลมหายใจที่ผมมีตราบจนวันสิ้นลมหากจำเป็น" ป๋าแกไม่หายใจแล้วหนิ
เขาให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2010 ครับ
twitter.com/exfictz
ทึ่งทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับ apple เพราะจะเรียกคอมเมนท์ได้เยอะมาก
ใครได้หนังสือชีวประวัติของเฮียจ๊อบส์แล้ว เปิดหน้า 512 ได้เลยครับ
แรงมาก เห็นชัดๆจะๆ
แค่เปิด Chapter มา 2 หน้า (เพิ่งเริ่ม intro เรื่อง Google Android)
คำหยาบสารพัดหลุดมาว่อนเลยครับ สงสัย Jobs จะแค้นเรื่องนี้มากจริงๆ
อยากให้เห็นข้อความข้างล่างต่ออีกหน่อย เหมือนมีการเจรจาอะไรตามมาหลังวันนั้น...
Schmidt นัด Jobs คุยกันที่ร้านกาแฟ พูดคุยเรื่อง Google ขโมย Apple's UI design
Jobs บอก Schmidt ว่า "We've got you red-handed" (เราจับได้คาหนังคาเขาเลย)
แล้วก็ Jobs ก็บอกว่าไม่ต้องการเจรจาตกลง ต่อให้เอาเงิน 5 พันล้านเหรียญมาให้ก็ไม่ต้องการ มันไร้ประโยชน์ Jobs ต้องการให้ Google หยุดขโมยไอเดียของ Apple
ประมาณนี้ครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเสริมครับ...
Google are scared to death. -> ก็เลยออก iCS มาสู้ซะเลย
$40 billions นี่จะเอาไปให้ใครบ้างครับ R&D หรือทนาย
นึกถึงหนังเหมือนกันครับตอนที่เกตบอกว่า "ฉันอยากจะขโมยมันก่อนนายด้วยซ้ำ"
มันต้องแบบนี้ สมเป็นศาสดา ^^/
ผมเรียกสิ่งที่กูเกิลทำว่า"การขโมย core idea" ไม่ใช่การเลียนแบบ ไม่ใช่การขโมยลอกมา ไม่งั้นป่านนี้แอปเปิลฟ้องกูเกิลไปแล้ว
ซึ่งจะบอกว่าผิดหรือถูกคงขึ้นกับมุมมอง แต่มันก็ไม่ต่างจากที่แอปเปิลเคยทำกับXerox ถ้าเห็นว่ามันผิด ให้ผิดทั้งคู่นะครับ
+1
เหมือนกับเห็นเว็บ A แล้วประทับใจการดีไซน์มาก แล้วพอจะออกแบบเว็บของตัวเองดีไซน์เลยไปคล้ายกับเว็บ A แต่ไม่ได้ไปก็อปปี้ Source Code หรือเปิดเว็บ A เทียบระหว่างเขียนเว็บอะไรแบบนั้น
พอเจ้าของเว็บ A มาเห็น ก็จริงอยู่ว่าชี้เป็นจุดๆไม่ได้ว่าส่วนไหนที่เลียนแบบมา แต่มันเลียนแบบมาแน่ๆ
ยิ่งกรณีนี้ Schmidt เคยเป็นบอร์ดแอปเปิลด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่
ผมก็ไม่อยากตัดสินว่าใครถูก แต่ครั้งนี้ผมเข้าใจความรู้สึกจ็อบส์นะ
สมกับเป็นศาสดา
เค้าอาจจะหมายถึงการออกแบบไอคอนของแอพ แล้วก็การจัดวางแอบพลิเคชั่นที่เรียงกันเป็ยตับๆเหมือนกันมั้งครับ (ไม่รู้นะ) -.-
แลกแล้วไง ครับ ด้วยชีวิต T_T
เหมือนแม็คกับพีซี ภาคใหม่
ถ้าไม่แข่งกันวิ่ง ก็คงได้แต่คลานโต้มเตี้ยม
สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การถูกลอกเีลียนแบบ
หากแต่คือการเพิ่มมูลค่า
ถึงอุปกรมันจะวิเศษแค่ไหน แต่คงไม่มีประโยชน์
ถ้ามันไม่ได้ถูกนำมาใช้ หรือไม่มีใครพูดถึงมัน
และการสร้างกระแส ก็เป็นเพียงการเพิมมูลค่าทางการตลาด
ไอโฟน ไม่ได้ทำใ้ห้คนที่ใช้เป็นผู้วิเศษสักหน่อย
จะบ้าตามกระแสที่ถูกสร้างขึ้นมาไปเพื่ออะไร
เมื่อไหร่จะเลิกไร้สาระ ซักทีมัน งง. มากๆ
สุดท้ายคงเป็นได้แค่ รอยเท้าที่ผู้อื่น เหลือทิ้งไว้
มันมีค่าน้อยยิ่งกว่า ธุลีดินที่ยังสามารถทำให้ต้นไม้เติบโตแลละงอกงามได้