แอปเปิลได้ประกาศในหน้าเว็บส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ว่าซีอีโอ ทิม คุก และซีเอฟโอ Peter Oppenheimer จะจัดการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ในวันจันทร์ที่ 19 มีนาคมนี้ เวลา 6 นาฬิกาซึ่งตรงกับ 20 นาฬิกาในเวลาบ้านเรา โดยระบุรายละเอียดว่าเพื่อแจ้งมติที่ประชุมเกี่ยวกับการบริหารเงินสดให้ทราบ และจะไม่มีการพูดถึงหัวข้ออื่นนอกเหนือจากนี้
แอปเปิลถูกผู้ถือหุ้นตั้งคำถามเรื่องแผนการจัดการเงินสดที่มีอยู่มหาศาลมาหลายครั้ง ซึ่งในรายงานไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 9.76 หมื่นล้านดอลลาร์ และเชื่อว่า ณ ปัจจุบันเกินแสนล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งทิม คุกก็ยอมรับในการประชุมผู้ถือหุ้นล่าสุดว่าแอปเปิลมีเงินเยอะเกินไป
นักวิเคราะห์คาดกันว่าแอปเปิลจะประกาศแผนจ่ายเงินปันผลมากกว่าซื้อหุ้นบริษัทกลับคืน
ที่มา: Slate
อัพเดท: สำหรับข้อสรุปในเรื่องนี้ ติดตามต่อที่ MEconomics ครับ
Comments
เอามาลงทุนตั้ง dev สาขาในไทยจิ พวกเรารออยู่ =v=)b
น่าจะลงข่าวนี้ใน www.meconomics.net หรือเปล่าครับ?
นั่นสิ ^^' ... งั้นภาคขยายที่ meco ละกันนะ จริงๆ คือประเด็นนี้เปิดใน blognone มาหลายตอนแล้ว (ตามลิงก์เก่าๆ) เลยอยากลงต่อที่นี่ก่อนครับ
ซื้อ Greece เลยครับ!
ซื้อแล้วได้ ประโยชน์ อะไรครับ T_T หรือ ช่วยให้ econ โลก ดีขึ้น
มีประโยชน์เยอะครับ ยังไงยุโรปมันก็ต้องฟื้นตัวอยู่แล้ว 8หมื่นล้านดอลล่า แบ่งไปพะยุงธุรกิจสัก 50 ตัว เพียงแต่ว่า Apple มีการเมืองกับ EU ที่ดีอยู่แล้ว tim cook เลยไม่ซื้อ ลองนึกภาพกรณีของ Google กับประเทศจีนดู มันคล้ายๆแบบนั้นแหละครับ
เชื่อว่าถ้าเป็น บิลเกตส์ น่าจะซื้อ
ซื้อกรีซแล้วระบอบการปกครองจะเป็นยังไงหว่า .... เลือกตั้งเสร็จ ก็ให้ CEO apple ลงนามงั้นหรือ .... แปลกๆ แหะ - -''
คำว่าซื้อในที่นี้ไม่ใช่ซื้อประเทศ ไม่งั้นป่านนี้คงมีประเทศของ บิลเกตส์ บัฟเฟต เต็มไปหมดแล้วสิครับ
อะไรอีกดีนะ ยังคิดไม่ออก
ลงทุ่นกะ ธุรกิจพลังาน ทดแทนครับ
เปิดโปรโมชัน ซื้อ iPhone 4S แถม Mac Pro พร้อม Apple Thunderbolt Display 27" ละกันเนอะ ^^
By @iPoohs
Visit My blog
"Stay hungry.Stay foolish" -Steve Jobs
ขอล่อเป้า
เปิด Apple Store ในประเทศที่ยังไม่มี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสารขัณฑ์) แล้วจ้างพนักงานจากประเทศนั้นๆ มาทำงานเพื่อถ่ายทอดคำสอนของศาสดามายังสาวกได้ง่ายขึ้น
สานต่อภาระกิจ จ๊อบ ด้วยการซื้ออาวุธนิวเคลียร์ ยิงใส่แอนดรอยด์(กูเกิ้ล)
เห็นด้วย ทำลายให้ย่อยยับไปเลย
บรรลุภารกิจที่ศาสดาบัญญัติไว้
รวมอยู่ในแผนสร้างสำนักงานใหม่ไปแล้วครับ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เอาไปสร้างเป็นหนังได้กำไรบาน
+1
เข้ามาขำ ^^
สร้างเครื่องลบความทรงจำในสมองทุกๆคนที่มี Android ทุกชนิดทุกประเภท source code ทั้งหมด โดยใช้ลำแสง Apple beam ยิงสาดมาจากอวกาศ 555+
อยากให้ลงทุนเกี่ยวกับพลังงานทดแทนใหม่ๆ ที่เป็นไปได้ เผื่อจะได้มีมือถือที่ชาร์ตแบตได้โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ บ้าง..
มันมีจริงแล้วนะครับเครื่องชาร์จโทรศัพท์ด้วยแสงอาทิตย์เนี่ย (Solar cell -> USB) ข้างกล่องเขียนว่า for iPhone ด้วย (ลาย One Piece / Kitty อีกตะหาก)
ซัมซุงไง แบตหมดก็เอาไปตากแดดที
ขออย่างเดียว มาเปิด Apple Store ในไทยซะทีเถอะ
+1 ครับอยากให้มาเปิดมากๆ
เหลือเยอะจริง ก็เปิดทุกประเทศเลยครับ 55+
+1
แล้วก็เปิด iTunes Store Thailand สักทีเถอะครับ ฮ่า ฮ่า
ทิม : เราจะเอาเงินส่วนหนึ่งไปวิจัยและก่อสร้างเตาครับ
นักลงทุน : เตาพลังงานสำหรับใช้ใน server ของแอปเปิล?
ทิม : เตาเผา CEO Path และคนที่เสือกทะลึ่งละเมิดกฎ app store อย่างร้ายแรงอีกในอนาคต
นึกว่า solar furnace ซะอีก
ซื้อ Samsung แผนก หน้าจอ กับ ผลิต CPU ไปเลย
ขำ ๆ นะครับ
เงินเยอะมากเกินไป O_o
การที่คงเงินสดไว้เยอะๆทำให้ asset turnover (ยอดขาย/สินทรัพย์)ลดลง ถ้าไม่แก้ไขก็จะทำให้ Return On Equity (ผลตอบแทน/ส่วนของผู้ถือหุ้น)ลดลงครับ ซึ่งนักลงทุนไม่ชอบ
ถ้าไม่มีปัญญาทำให้งอกเงยก็ควรจ่ายเป็นเงินปันผลออกมาหรือเอาไปซื้อหุ้นคืนครับ
ความจริงคนที่ซื้อหุ้นAppleก็คงคิดเอาไว้แต่แรกแล้วละครับเรื่องนี้อ่ะ มันก็เกือบทุกบริษัทแหละที่เกี่ยวกับไอทีเค้าไม่ค่อยซื้อเพื่อหวังปันผลเท่าไหร่ เพียงแต่ว่ารอบนี้หลายผ่ายเค้ากดดันแอปเปิ้ลทั้งรัฐบาลเองและก็สื่อนี่ละตัวดีเลย เชื่อว่าถ้าลุงจ็อบยังอยู่แกก็คงเก็บเงินเอาไว้เป็นหลัก
รัฐบาล !? จริงดิ ปันผลมานี่รัฐเค้าได้ภาษีด้วยหร้อครับ?
คนรับเงินปันผล ต้องไปเสียภาษีให้รัฐบาลอีกทอดนึง
รัฐบาลคงจะชอบใจมากกว่าถ้าหากแอปเปิ้ลถือเงินสดน้อยกว่านี้ โอบาม่ายังเคยไปคุยเรื่องนี้กับสตีฟจ็อบส์เลย เผื่อให้ปล่อยกู้หรือทำอะไรก็ได้ให้เงินสดมันลดลง
ปัญผลนี่หักภาษีมาเลยครับ
เราต้องไปขอคืนเครดิตภาษีอีกที ถ้าฐานเงินเดือนไม่ถึง
ซื้อ Google เลย
ทำ Apple Store ในไทยสักสาขานึงสิ ขาดทุนก็ไม่เป็นไรหรอก เกรงแต่ว่าจะกำไรหนักกว่าเดิมนะสินะ
31 ล้านๆ ล้นเหลือจริงๆ
เงินเหลือก็ทำกำไรต่อเครื่องลดลงสิ ไม่ยากด้วย
android ก็จะตายเร็วขึ้นด้วย
เอาแบบขาย iphone เริ่มต้นที่ 11,900 แล้ว ipad ที่ 9,900 แค่นี้เอง
รับรอง ทั้งมือถือทั้งtablet ก็ยอดขายลดฮวบแล้ว
Apple ควรมีงานวิจัย R&D ที่หนักกว่านี้ครับ
เรื่องระบบรักษาความปลอดภัย มาแนวทางที่ดีอยู่แล้วอย่างตอน Lion นี่ ไม่กลัวเรื่อง WebGL ใน OSX LIon เพราะมีระบบ sandbox
แต่อยากถามจริงๆว่า Apple มีงานวิจัยหรือ R&D มากแค่ไหนกัน ในยุคนี้ ทำไม OSX Mountain Lion มันถือไปได้แค่นี้ เพราะผลงานที่น่าสนใจก็ Apple Develop ID ใน Gatekeeper เท่านั้น
มีเทคโนโลยีใหม่ๆอะไรให้กับ Mac บ้างไรบ้าง ไม่ใช่จับ iPad มาลงใน Mac
Windows 8 ก็เช่นกัน
ทั้งๆที่มันต้องไปแบบก้าวกระโดดกว่านี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือน ทั้ง Mac และ Windows หยุดนิ่งยังไงก็ไม่รู้ เน้นตลาดผู้ใช้กันเข้าไป ระวัง Linux จะเอาไปกินหมด แบบตลาด Server กับ Super Computer ล่ะ
อย่าปล่อยให้ linux มากินตลาด PC แบบ Server และ SuperComputer แต่ควรไปบุกตลาดของเค้าก่อนเลยครับ
เอาเงินไปร่วมพัฒนา OpenGL OpenCL GCD HTML5 UnixFreeBSD ให้มีศักยภาพแบบก้าวกระโดด อย่างแท้จริงหน่อยครับ อย่าเน้นแต่ประหยัดพลังงาน สวย บาง จอ9.7" 3.5" มันมีอะไรอีกมากที่จะพัฒนาได้อีกมาสำหรับประสบการณ์ในการใช้งานครับ
เพราะตอนนี้ทั้งสองบริษัทเน้นไปที่ Mobility แทนไงล่ะครับ และเรากำลังอยู่ในยุค Post-PC ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ตั้งโต๊ะหรือโน็ตบุ๊คแบบเดิมๆ แต่เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์อย่าง Tablet หรือ Mobile Phone ที่ถูกกว่า สะดวกกว่า และทำอะไรได้มากกว่าหรือเทียบเท่า เราไม่จำต้องพกโน็ตบุ๊คที่ใหญ่เทอะทะ แค่ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เข้าอินเตอร์เน็ตได้ก็เพียงพอแล้ว เหลือ PC เอาไว้เขียนโปรแกรม ทำงานเฉพาะด้านน กับเล่นเกมส์ Hardcore ก็พอ
ถ้าหากมองให้ละเอียด Apple ก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับ Macintosh ซะมากมาย ที่ Apple รุ่งโรจน์ได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะ iPhone และ iPad
ส่วน Microsoft ก็กำลังผลักดันให้ Windows กลายเป็น Tablet ที่สมบูรณ์อีกไปเรื่อยๆ
สำหรับ Linux ก็ยังเป็นคนละตลาดของทั้งสอง OS เพราะมี Server กับ Super Computer
แต่จะว่าไปพักนี้ก็ไม่เห็น Apple มาทำอะไรให้รู้สึก WOW เลยนา
แต่อาจเป็นว่า Apple จะบุกตลาด Server และ Supercomputer ด้วยระบบ iCloud แทน ซึ่งตอนนี้ Siri ยังสู้ IBM ไม่ได้ อาจเข้าสู่ยุคที่ Apple ต้องชนกับ IBM อีกครั้ง นึกถึงกลิ่นอายยุค IBM PC ขึ้นมาทันที ซึ่งต้องยอมรับว่า ด้านเทคนิค IBM แข็งมาก แต่ด้านการเงิน ยุคนี้ Apple ได้เปรียบ ด้านทัศนคติ สตีฟ จ็อบ คงได้สร้างคนให้มีทัศนคติที่ดีไว้มากเพียงพอจะอยู่ในยุค Post PC ได้
ระบบ Server แบบดั่งเดิมจะมีงานแบบภายใน งานความลับองค์กรณ์ งานที่มีลิขสิทธิ์อย่างเช่นวงการภาพยนต์ เพลง
ส่วน PC หรือ Mac ก็จะไปทางด้าน เขียนโปรแกรม งานเฉพาะทาง ซึ่งงานเขียนโปรแกรมอนาคต Apple ได้เปรียบเพราะคนเขียนโปรแกรมต้องการายได้ ซึ่ง Apps store น่าสนใจสุด ณ เวลานี้ ส่วนงานเฉพาะทางถ้าเป็น ด้าน Art ยกให้ Mac วิทยาศาสตร์ยกให้ Mac
ระบบ Cloud อาจจะมากินตลาด งานเฉพาะทางที่ไม่เป็นความลับภายในองค์กรมากนัก แต่โดยทั่วไปแล้วงานด้านนี้มักมีลิขสิทธิมาเกี่ยวข้องจึงไม่น่าเกิดมากนัก
ส่วนเกมส์ระบบฮาร์ดคอ ระบบ Cloud อาจจะเข้ามาตีตลาดภายในระยะเวลาไม่นานนัก ในช่วงเวลา ยุค Post PC
โลกสเมือนจริงจะเข้ามา และจะเกิดสงคราม Apple Google Microsoft และนี่น่าจับตาคือ IBM จะกลับเข้ามาอีกครั้ง
ยากนะครับที่จะให้สายงานวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้บริการของ Apple Macintosh เพราะขนาด CERN / มหาวิทยาลัย / โรงเรียน ยังใช้ Linux เลย ด้วยราคาและค่าบำรุงที่ถูกกว่า ในประสิทธิภาพที่เท่ากัน ต้องยอมรับว่าเป็นของ Linux ไปหมดแล้ว
งานด้าน Art นี่คงต้องยอมรับว่า Mac กินตลาดอยู่มากโข แต่อย่าลือมนะครับว่าทุกวันนี้ไม่อะไรที่ Mac ทำได้และ Windows ทำไม่ได้ หากคุณลองไปดูตามร้านถ่ายเอกสารหรือโรงพิมพ์เล็กๆ พวกเขาก็ยังใช้ Windows อยู่เลย
ระบบ Cloud คงสู้ใครไม่ค่อยได้ ถ้าเป็นบริษัทกลาง-เล็ก ฝากไว้กับ Microsoft, Amazon หรือ Google ดีกว่า สำหรับบริษัทใหญ่ๆสู้เปิด Server เองแล้วจ้างคนมาทำจะถูกกว่า
ส่วนเกมส์ผ่าน Cloud นี่มีมาตั้งนานแล้วนะครับ เพียงแต่ไม่ได้มีบน ios มีแต่บน PC กับ Android เท่านั้น (OnLive)
ส่วนโลกเสมือนสำหรับโลกที่ 1 กับมหานครใหญ่ๆ ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นอยู่แล้ว ทุกคนหันหน้าเข้ากับอุปกรณ์สื่อสาร พูดคุยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะมีใครสักกี่คนที่ได้คุยกับคนเป็นๆเท่ากับอยู่บนโลกออนไลน์
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล เห็นด้วยครับสำหรับความคิดเห็น
แต่
งานด้านวิทยาศาสตร์แล้วแต่องค์กรนะครับ จากข้อมูลนี้ http://www.apple.com/science/
บริษัทใหญ่มีข้อมูลที่เป็นความลับภายในองค์กรดังนั้นก้ทำ Server เองย่อมถูกกว่า และตรงตามความต้องการมากกว่า เช่นเดียวกับผู้ผลิตซอฟแวร์และเกมส์ระดับฮาร์ดคอ จะไม่ใช้เช่า Colocation Server เช่นเดียวกัน
ระบบ Cloud ของApple ต้องทำงานควบคู่กับระบบ Cloud ของบริษัทที่ทำ Apps บน iOS ถึงจะทำงานไปกันได้ดี
อนาคตบริการแบบ Onlive จะเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นแต่จะเปิดบริการโดยผู้ผลิตซอฟแวร์หรือผู้ผลิตเกมส์มากกว่าเพราะมีปัญหาเรื่องเงื่อนไขทางลิขสิทธิ์ และ UI เป็น UI แบบ For tablet (ปัจจุบันมีใช้ Microsoft Office บน Windows 7 ผ่าน iOS ด้วย Onlive)
และ Cloud ของ Apple เน้นไปที่การเก็บ Apps Movie Musics Document ฺBackUp ซึ่งเป็นบริการที่เน้นเป็นส่วนตลาดผู้ใช้ ถึงองค์กรขนาดกลาง
หรือ Apple ไม่เน้น OSX เพราะคงพัฒนา เสร็จแล้วมั้ง ตั้งแต่ snow leopard ส่วนพวก game engine อะไรพวกนี้ก็ให้ไปใช้บริการบริษัทที่ทำเอง โดยไม่เกี่ยวกับ OSX ซึ่งคงเป็นแบบนี้ในทุกๆวงการผู้ผลิต ผู้พัฒนา
เกมส์แบบฮาร์คอ ก็คงอยู่ที่ผู้ใช้จะเลือกแล้วว่า จะจัดหนักซื้อเครื่องคอมฯเทพ หรือจะใช้ Cloud ดี แต่เท่าที่มอง Cloud น่าจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ไม่ได้ทำงานผ่าน WebApps แต่จะเป็นในรูปแบบ Onlive มากกว่า
ตอนจบก็คงเป็นว่า ผู้ใช้ตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึง Pro(รวมถึงผู้เล่นเกมส์ตั่งแต่ระดับทั่วไปถึงระดับฮาร์ดคอ) ที่ไม่มีข้อมูลความลับ คงเลือกที่ Cloud และ อุปกรณ์ Post PC แต่ผู้ผลิต ผู้พัฒนา ต้องมองไปที่ระบบ serverและ Mac หรือ PC ซึ่งก็มี OSX , Windows , Linux เป็นตัวเลือก ส่วนองค์กรณ์ที่มีความลับและผู้ใช้ที่มีงานความลับ ก็เลือก ระบบ server ภายใน โดยอาจจะใช้ Post PC หรือ Mac,PC แล้วแต่งานและโอกาส
สรุปแล้ว ในวงการผู้ผลิต ผู้พัฒนา Apple ไม่ถูกและไม่ผิด ถ้าจะพัฒนาเทคโนโลยี OSX เพียงเท่านี้ หรือพัฒนาเพียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของผู้พัฒนาซอฟแวร์ 3th party software และ ผู้พัฒนา Engines
ถ้าจ่ายปันผล หุ้นคงขึ้นไปกว่านี้อีก
ถ้าเพิ่มทุนจะเป็นไงหนอ
ทำ search engine เองเป็นคำตอบสุดท้าย
That is the way things are.
รวยก็ผิดอีก ...
การกุศล
ในความ คิดผมนะครับ
1 ที่ apple ควรทำเลยคือ เรื่องพลังานทดแทน อาจจะไม่สร้างเองก็ได้ไปลงทุ่นกันคนอื่นเอา
2 cloud ของตัวเองและ AI อย่าง siri ที่ไปได้ในทุก ผลิตภัณฑ์ในเครือ
3 สร้าง supply chain โดยลดการพึงพา samsung และกระจาย supply chain ไม่ให้ไปอยู่กับบริษัทไหนมากเกิน
4 หันกลับมาลงทุ่นกัน mac ให้มากกว่านี้อย่าทำเหมือน mac เป็นลูกเมียน้อย เพราะเมื่อก่อน เขาเคยเป็นพระเอกของ apple มาก่อน
5 ปั่นผลบ้างในบ้างโอกาส
6 ลงทุ่นสร้าง วิศวกร นักออกแบบ นักพัฒนา และ ผู้มี วิสันทัศน์ รุ่นใหม่เพื่อเป็นอนาคตของบริษัท
7 หันกับมามอง ตลาด องค์กร โดยเฉพาะ ที่ เป็นการต่อยอดกับของที่มีอยู่แล้ว
8 เอา iphone มาเล่น สงครามราคากะ android ซะหน่อยอย่างที่ ipad กำลังทำอยู่
9 พัฒนา กล้อง รวมกัน canon สำหรับ อุปกรณื iOS และ พัฒนา ซอฟแวร์ พิเศษ เพือ กล้อง canon
แบ่งมาซักนิดจ้างผู้จัดการกองทุนเก่งๆมาเป็นหัวหน้าแผนกลงทุน ผลตอบแทนจะได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ได้คนเก่งๆมาบริหารเงินซักคน ราคาหุ้นอาจจะขึ้นไปถึงระดับ เบิร์คไซต์ของบัฟเฟตก็ได้ เมื่อนั้นโลกนี้คงเป็นของแอปเปิ้ลซะหล่ะมั้ง
เปิดแอปเปิลสตอร์อีกซัก 200 สาขา ให้ทั่วโลก
May the Force Close be with you. || @nuttyi
คนรวยก็เครียดเรื่องใช้เงินเนอะ
..: เรื่อยไป
เป็นเรื่องปกติของคนรวย
ที่จะใช้ความคิดในการจัดการเงินมาก
หนังสือหลายๆเล่มมันเขียนแบบนี้ - -"