Wall Street Journal (WSJ) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หลังจากแอปเปิลได้เริ่มดำเนินเกี่ยวกับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์พกพา (mobile payment) เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กูเกิลเปิดตัว Google Wallet และมีการประชุมระหว่างผู้บริหารระดับสูงและเหล่าวิศวกรเมื่อต้นปีนี้ แอปเปิลได้ตัดสินใจรอดูทิศทางก่อนที่จะลงมาทำตลาดอย่างจริงจัง
แหล่งข่าวระบุว่าแอปเปิลได้มองหาแนวทางการชำระเงินไว้หลายรูปแบบ ทั้งการรวมบริการชำระเงินที่มีอยู่แล้วลง iPhone หรือกระทั่งสร้างเครือข่ายการชำระเงินใหม่ที่ต่อตรงกับร้านค้า แต่ไอเดียหลังก็ไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากมีความซับซ้อนและยังมีความเป็นไปได้ว่าแอปเปิลอาจต้องเป็นธนาคารเสียเองหากจะผลักดันไอเดียนี้ให้เกิดขึ้นจริง ในส่วนการสร้างรายได้ให้กับแอปเปิลเองนั้น บริษัทก็ได้คิดวิธีการหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงแนวทางที่มีชื่อเรียกเป็นการภายในว่า "Superman III" หรือการที่แอปเปิลไปเป็นคู่ค้ากับตัวกลางการชำระเงินที่มีอยู่แล้วหักเงินบางส่วนจากธุรกรรมที่มาจากฮาร์ดแวร์ของตนแทนที่จะคิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเพิ่มเติม
แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลว่า ในฝั่งของซอฟต์แวร์นั้น เมื่อปีที่แล้วทีมของ Scott Forstall (ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์สำหรับ iOS) ได้เริ่มพัฒนาแอพที่จะรวบรวมข้อมูลบัตรเครดิต คูปอง และการชำระเงินรูปแบบต่างๆ และยังสามารถแนะนำผู้ใช้ถึงวิธีการชำระเงินที่เหมาะสมบนพื้นฐานที่ว่าวิธีการใดที่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด ส่วนในฝั่งของฮาร์ดแวร์นั้น วิศวกรก็ได้เริ่มศึกษาเทคโนโลยีอย่าง Bluetooth หรือ NFC รวมถึงได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ NFC ไว้บ้าง แต่ก็ยังกังวลในเรื่องความปลอดภัยและอายุของแบตเตอรี่หากต้องใส่ชิปและเสาอากาศเพิ่มเข้าไปในตัวเครื่อง และฝ่ายบริหารก็ยังมีความกังวลถึงการปรับใช้ NFC ในร้านค้าที่ถือว่าช้ามาก ซึ่งก็ตรงกับที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าร้านค้าคงยังไม่ใช้ NFC อย่างจริงจังในอีกสามถึงสี่ปีนับจากนี้
ท้ายที่สุด หลังจากได้มีการประชุมกับผู้บริหารอย่าง Phil Schiller และ Peter Oppenheimer (CFO) และฝ่ายบริหารได้ตัดสินที่จะรอดูทิศทางก่อน ในที่สุดแอพเพื่อการชำระเงินจึงถูกลดทอนฟีเจอร์ลงมา และมีชื่อว่า Passbook ตามที่บริษัทได้เปิดตัวไปเมื่อคราวเปิดตัว iOS 6
นักวิเคราะห์จาก Piper Jaffray อธิบายกับ WSJ ว่า ไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างไร เพราะแอปเปิลไม่มีปัญหาที่จะเป็นเบอร์สองในตอนแรก เนื่องจากบริษัทมีแนวทางที่จะให้คู่แข่งทำวิจัยตลาดให้พวกเขานั่นเอง ซึ่งแอปเปิลก็ประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์นี้เป็นอย่างดีโดยดูได้จากการเข้าสู่ตลาดของเครื่องเล่นเพลง สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
เช่นเคย โฆษกของแอปเปิลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อข่าวลือนี้
ที่มา: WSJ
Comments
ลดทอดฟีเจอร์ > ลดทอน, ซึ่งก็นักวิเคราะห์ > ซึ่งก็ตรงกับที่นักวิเคราะห์ ?
---------- ขยับช้าอีกนิด รอแรงบัลดาลใจ ;P
my blog
เรียบร้อยครับ
รอให้ใช้กันเยอะก่อนแล้วค่อยทำขาย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ก็น่าจะถูกต้องนะครับ -_-' ให้ของที่ไม่ได้ใช้ ก็เปลือง cost เปล่าๆ
ผมว่าถ้า iPhone ใส่ NFC มาน่าจะเป็นการกระตุ้นตลาดได้ดีเลยนะ
ร้านค้าต่างๆ น่าจะหันใส่ใจใช้มากขึ้น
ถ้าใส่ NFC มาในตัว Iphone เลย โดยที่ยังไม่พร้อมเรื่องแผนต่างๆ หรือภาพรวมยังไม่ชัด จะทำให้ Google ได้ตลาดส่วนใหญ่ไปแน่ เพราะระบบมีใช้แล้วจริง
ร้านค้าก็คงมองถึงอนาคต Apple และเอาระบบ NFC มาใช้ ... แต่แล้ว Andriod กลับได้ประโยชน์ในทันที ในขณะที่แผนต่างๆของ Apple ยังไม่มี มันเสียไหม
อ๋อครับผม :D
"เนื่องจากบริษัทมีแนวทางที่จะให้คู่แข่งทำวิจัยตลาดให้พวกเขานั่นเอง ซึ่งแอปเปิลก็ประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์นี้เป็นอย่างดีโดยดูได้จากการเข้าสู่ตลาดของเครื่องเล่นเพลง สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต"
Copy?
การวิจัยตลาดน่าจะจดสิทธิบัตรได้นะ xD
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
"ผู้อำนวยการฝ่ายซอฟต์แวร์สำหรับ iOS อาวุโส" << ผมว่าน่าเปลี่ยนเป็น "ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์สำหรับ iOS" มากกว่านะครับ
ใจเย็นครับ แก้แล้วครับ
ไม่มี Jobs ไม่มีคนเดาอนาคตให้ ไปไม่เป็นเลย
google wallet ยังไม่บูมเลย... ไม่ต้องรีบก็ได้นะ apple
WE ARE THE 99%
ปรากฎว่า Apple ไม่ใช้ NFC แต่ใช้ Bluetooth แทน :P
อาจจะต้อง pair อุปกรณ์กันสนุกสนาน(เดี๋ยวไม่ปลอดภัย)...
Dream high, work hard.
Bluetooth 4.ไทรงาม pair นะ แต่ยังงัยก็ไม่ปลอดภัย
@TonsTweetings
"ไทรงาม"
5555
ปรากฎว่ารออเวลาอิ่มตัว ไล่ฟ้องสิทธิบัตรที่จดไปชาติที่แล้ว ผ่างงง !!!
ผมว่าการออกแบบไม่คงที่มากกว่า เพราะว่า Apple ใส่ใจกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
Coder | Designer | Thinker | Blogger