สิ่งที่กระทรวงไอซีทีถูกถามเรื่อยมาในการแจกแท็บเล็ตคือจะทำอย่างไรหากเด็กนำไปใช้เข้าเว็บไม่เหมาะสม วันนี้ก็มีการให้ข่าวจากที่ปรึกษารัฐมนตรี ว่าได้เลือก SAP เข้ามาทำโปรแกรมควบคุมเว็บ
โครงการนี้มีมูลค่า 120 ล้านบาท จะบันทึกว่าเด็กเข้าเว็บอะไรบ้าง และจำกัดสิทธิการเข้าถึงเว็บไว้ในตัว โดยมูลค่าโครงการจะรวมถึงค่าติดตั้งเครื่องทั้งหนึ่งล้านเครื่อง (ข่าวระบุว่ามี 9 ฟีเจอร์แต่ไม่ระบุว่ามีอะไรบ้าง)
ข่าวไม่มีข้อมูลว่าค่าบำรุงรักษาปีละเท่าไหร่ กับค่าไลเซนส์ซื้อเพิ่มเติมจะคิดเครื่องละกี่บาท
ที่มา - DailyNews
Comments
SAP มี module สำหรับ block web ด้วยเหรอเนี่ย หรือจ้างมาพัฒนาใหม่ครับ
ไม่มีอะไรที่ SAP ทำไม่ได้ (ถ้าหาคนทำได้นะ)
มันเป็น ERP ที่ครอบจักรวาลมาก
ตอนนี้ได้ทำอยู่ในโปรเจคใหญ่อันหนึ่ง เปิดหูเปิดตาพบว่ามันมี module ลึกลับที่ไม่น่ามีอีกเยอะแยะมาก
+1 ครอบจักรวาลจริง ๆ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แต่หาคนเป็นยากมาก บ.ที่ทำงานด้วย หามาเป็นปีแล้ว ยังไม่ได้ เพราะเงินไม่ถึง โดนพวก บ. ใหญ่ แย่งหมด อย่างกะประมูลรถ
ใช่ครับ SAP เนี่ยหาคนทำงานยากมาก แต่รายได้ดีมากครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แล้วแต่ module ด้วยแหละครับ
อันที่เป็นพิมพ์นิยมแบบ FI CO MM นี่เดี๋ยวนี้เริ่มมีบริษัท Consulting คนไทยขนาดย่อมๆเยอะ
ท่านไปใช้ SAP ตั้งกะมะไหร่
คือตอนนั้นผมนั่งดูเขาสัมภาษณ์กับผู้จัดการ SAP ของเอเชียแปซิฟิกครับ ดูแล้ว solution ครบวงจรมากเลย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ครบวงจรมากสุดใน ERP ทั้งหลาย
แต่ถ้าจะใช้ให้ครบหมดนี่ถึงขั้นขายบริษัทมาจ่ายค่า implement + license ได้เลย :P
โอว์!!!
ถูก แถมทำคนที่ทำ App มาใช้งานร่วมปวดหัวได้มากที่สุด
Destination host unreachable!!!
ผมปวดหัวเวลาคุยกับ module อื่นที่ไม่มีคนไทยทำ
แล้วส่วนใหญ่มักจะเป็นคนอินเดีย -_-"
ผมทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์ Cisco เจอ TAC อินเดียประจำ แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง (ฟังมันคุยไม่รู้เรื่อง อังกฤษสำเนียงโหดร้ายมาก) แถมชอบโทรมาเป็น Voip เสียงขาดๆ หายๆ
ตกเครื่องละร้อยยี่สิบ อืมมม ก็ไม่แพง
ประมาณ 3.99USD ราคาเหมาจ่าย
ขออนุญาตถามด้วยความไม่รู้นะครับ
บล็อคแบบนี้แล้วจะหาวิธีเข้าไม่ได้จริงๆเหรอครับ
ส่วนตัวคิดว่า คงเอาไว้ป้องกันเด็ก ป.1 น่ะครับ ถ้ายังทะลวงผ่านไปได้ คงต้องส่งเสริมเด็กคนนั้นให้ถูกทางแล้วล่ะครับ
+1
+10110100
source code ROM ของ Tablet ป.1 หา download ได้ที่ไหนครับ
จะเข้าอะไรก็ให้เข้าไปเถอะ อาจารย์ก็สอนเด็กบ้าง
จริงๆมันน่าจะเป็นหน้าที่ของ ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง มิใช่รึ
"จะบันทึกว่าเด็กเข้าเว็บอะไรบ้าง และจำกัดสิทธิการเข้าถึงเว็บไว้ในตัว "
จำกัดการเข้าถึงเว็บผมไม่ว่าไรนะ แต่ถ้าบันทึกข้อมูลด้วย ไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรอครับ?
คงแนวๆ บันทึกข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตน เหมือนแบบตอนที่เข้าเว็บแล้วเค้าก็เอาโฆษณามาให้ดู แต่ก็ไม่ค่อยได้กด --'
สุดท้ายแล้ว tablet นั่นไม่ใช่เครื่องส่วนตัวนะครับคงไม่มีไม่ประเด็นอะไร ยังเป็นของรัฐบาลอยู่ เพียงแต่ให้นักเรียนยืมเรียน
ไม่มีวิธีที่ถูกกว่านี้แล้วเหรอ
จะหาของถูกไปทำไมครับ มูลค่ามากก็ผลกำไรมาก(เด็กๆได้ประโยชน์ครับ อย่าคิดมาก)
เก็บข้อมูลว่าเด็กชอบเข้าเว็บไหน/แนวไหน แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนา,ปรับปรุง Content เพื่อต่อยอดก็น่าจะคุ้มอยู่ อย่างน้อยก็เข้าถึงได้ว่าเด็กป.1 ชอบทำอะไร/เข้าเว็บอะไร(ถ้าผู้ปกครองไม่ไปแย่งเด็กเล่นก่อน)
ผมชอบแนวคิดนี้มากครับ เอาข้อมูลดิบๆมาวิเคราะห์หาแนวโน้มความสนใจเหมือนที่ Google, Facebook, Amazon ทำ
จงเติมคำลงในช่องว่าง
โครงการนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้..........ใช้แทบเบล็ดเข้าถึงเวบที่ไม่เหมาะสม
ก. เด็ก
ข. พ่อมัน
ค...
แล้วมันเปิดพวกคลิปอะไรพวกนี้ได้ด้วยรึเปล่า เดียวคนโตก็เอาคลิปอะไรใส่เข้าไปอีก
Block Port 80 ให้เล่นเฉพาะ Port 443 :)
เยี่ยมครับใช้เทคโนโลยีควบคุมเทคโนโลยี เยี่ยมครับ
เด็กเข้าเวบโป๊ได้
ควรที่จะเหยียบหน้าใครดี ระหว่าง
1. เด็กที่เข้าเวบโป๊ผ่านแท๊บเลต
2. ผู้ใหญ่ที่เอาแท๊บเลตให้เด็ก
3. ผู้ใหญ่ที่สอนให้เด็กเข้าเวบโป๊
4. ผู้ใหญ่ที่เอาแท๊บเลตเด็กมาเข้าเวบโป๊แล้วให้เด็กเล่นแล้วถ่ายรูปเด็กมาใช้ ดิสเครดิต
Destination host unreachable!!!
ถ้าการแจ้งช่องโหว่จากที่เค้าโม้ไว้ว่าปลอดภัยกันไว้แล้วมันคือการดิสเครดิต ประเทศนี้ชูวิทก็เป็นคนดิสเครดิตที่เก่งที่สุดในประเทศ
แจกแท๊บเลต ใช้สมองสวนไหนคิดฟะ เด็ก บางโรงเรียนยังไม่มีหนักสือเรียนใช้ต้องยืมหนังสือเพื่อนอ่านอยู่เลย ทำไมไม่แก้ปัญหาตรงนี้ก่อน ฟะเนียหรือถ้าแก้ตรงนี้แล้ว จะไม่ได้คะแนนนิยม
ค่า แท็บเล็ต แพงกว่าค่าพิมพ์หนังสือ นิดเดียว แต่ทำอะไรได้มากกว่า จึงแจกแท็บเล็ต ครับ
ก็เลิกใช้หนังสือเลย ใช้ tablet ทีเดียว
อยากถามว่า แล้วตอนที่แจกแท๊บเลต แจกให้เด็กกลุ่มไหนครับ เด็กที่ครอบครัวมีเงินซือหนังสือ หรือเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาเรื่องการเงินครับ
ถ้าคำตอบเป็นอย่างแรก มันก็ไม่ได้ทำให้เด็กด้อยโอกาสดีขึ้นเลย ทั้งๆที่เงินก้อนนี้จะสำมาส่งเสริมเด็กพวกนี้ได้
แจกให้เด็ก ป.1 ทุกคน ทุกกลุ่มครับ
การเลือกปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ(แค่คิดก็ผิดแล้ว) แม้ว่า อีกฝ่ายจะรวย หรือ จนครับ
อย่าลืมเอาไฟฟ้าเข้าให้ถึงทุกโรงเรียนก่อนนะ
ครับ รัฐบาลคงไม่ลืม มั้ง
เอาจริง ผมมั่นใจมากว่าประเทศนี้ น่าจะมีโรงเรียน ที่ไฟฟ้า เข้าไม่ถึง ไม่เกิน 5% ของประเทศ
มันเป็นไปไม่ได้ ต้องแต่ต้น แล้วที่ทุกคนจะเท่าเทียมกัน อย่างแท้จริง
แต่การพยายาม ลดความแตกต่างลงมาบ้าง น่าจะดีไหม
แท็บเล็ตก็เอากลับไปชาจน์ที่บ้านได้ไหม (แต่ผมมั่นใจ ว่ารัฐบาล น่าจะเตรียมจุด สำหรับ ชาจน์ แต่มันจะลำบาก ครู ที่ต้องคอม รวบรวมเอา มาชาจร์ให้)
พวกคุณ คงรู้ใช่ไหม ว่าแท็บเล็ต แอนดรอย มันอยู่ไม่ได้ ทั้งวัน
แต่ วิชาที่ต้องใช้แท็บเล็ต เรียน จริงๆ สำหรับปี แรก มันจะมี กี่วิชา บางทีบางโรงเรียน อาจจะไม่ใช้มันเลยด้วยซ้ำ
(จนกว่า ผู้สอนจะเปลี่ยน ทัศนคติ ต่อมัน ว่าเป็นได้แค่ ของเด็กเล่น เหมือนที่ยุคนึง คอมพิวเตอร์ มีความสำคัญแค่เครื่องเล่นเกมส์ อีก 1 ชิ้น)
ผมว่าแทนที่มาตำหนิ การแจกแท็บเล็ต ประชดประชันไปมา
เรามาหาทางที่จะทำ ให้แท็บเล็ต มันสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอน เต็มศักยภาพ ของมัน ให้ได้ ภายใน 2-3 ปี ข้างหน้า
เพื่อลูกหลาน ที่จะขึ้นมาแทนที่ ให้เค้าดีกว่าพวกเรา พร้อมมารับไม้ต่อ จากพวกเรา
ถ้าหากวันนึง ไฟฟ้าดับทั้งเมือง แท็บเล็ตก็เป็นหมันไปเลย
แท็บเล็ตเอาไปใช้เรียนข้างนอกไม่ได้แน่นอนเว้นแต่เครื่องนั้นจะใช้จอประเภท Pixel Qi หรือจอที่ลดการสะท้อนแสงแดดได้เป็นอย่างดี
แล้วจะให้ทำยังไงดีครับ ... นั่งงอมืองอเท้าดูข้างบ้านพัฒนาไปเรื่อยๆ หรือจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดีครับ ...
ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้กลุ้ม ถ้าปรับตัวเข้าให้ทันโลกไม่ได้ ก้อไปอยู่ป่าเถอะครับ
Destination host unreachable!!!
ทันโลก คืออะไรครับ แทบเล็ตมันสู้หนังสือเรียนไม่ได้อยู่แล้วครับ เด็กนักเรียนมีหนังสือเรียนทุกคนยังไม่สามารถทำได้ แล้วจะไปทัดเทียมได้ยังไงล่ะครับ
ตอนนี้ผมอยู่เมกา เด็กบางคนยังไม่เคยจับแทบเล็ตเลย มันก็ไม่เห้นมีปัญหาอะไรเลย ที่ว่าทันนี่ทันประเทศไหนเหรอครับ ผมรับประกันได้ถ้า จะมีการเลือกตั้งในเมกา คราวหน้าแล้วมีโนยบายแบบนี้ โดนคนด่าเละแน่ครับ
การทันโลกมันต้องมีสเตปของมันไม่ใช่ข้ามสเตปแบบนี้ ในประเทศเมกา เด็กสามาเรียนฟรีได้ถึงมัธยม แต่ประเทศเราบางครอบครัวพี่ชายหรือพี่สาวคนโต ต้องยอมไม่เรียนหนังสือเพื่อที่จะไปทำงานช่วยพ่อแม่ส่งน้องเรียน
ผมอยู่เมกาไม่ได้สนเรื่องการเมื่อง แต่ห่วงประเทศครับกับผุ้บริหารประเทศที่ ใช้เงินแบบไม่ฉลาด ทำเพื่อคะแนนนิยม เหนื่อยใจครับ
อยากให้การศึกษาเข้าถึงทุกจุดและเข้าถึงทุกคน แต่การแจกแทบเล็ตผมบอกได้เลย โรงเรียนตามชนบทบางโรงเรียนที่นักเรียนไม่มีหนักสือเรียนเพียงพอ ถึงมีแทบเลตใช้ ก็ยังไม่มีทางได้รับการศึกษาที่ดีเท่ากับมีหนังสือเรียนเพียงพอหรอกครับ
จากที่ผมอ่านหนังสือ ด้วย iPad รวมถึง Magaine ทั้งหลาย เมื่อเปรียบกับหนังสือแล้ว Tablet ดีกว่ามาก
มันขาดแค่ อารมณ์ ของความเป็นหนังสือ แต่ในส่วน เนื้อหาแล้ว มันว่า มันเทียบกันไม่ได้เลย (ยังไม่นับรูปภาพ สี การเคลื่อนไหว เพื่อให้ เข้าใจได้ง่ายขึ้น)
Tablet สามารถ แก้ไข เนื้อหา ได้เดี๋ยวนั้นเลย ในกรณีที่เนื้อหาผิด แค่นี้ หนังสือ ก็เทียบไม่ได้แล้วครับ(และราคามันก็ไม่ได้แพงไปกว่าหนังสือ มากมาย ในขณะที่ราคากระดาษแพงขึ้นเรื่อย)
อเมริกา ยังไม่มีนโยบาย ระดับรัฐ แต่ระดับโรงเรียน หลาย แห่ง ก็ใช้แล้ว บางแห่ง ผมเคยอ่านข่าวเจอ คือการนำ PSP มาช่วยสอนด้วยซ้ำ
หนังสือ น่ะดีแน่นอน ผมเกิดมาได้เพราะหนังสือ กระดาษ
แต่เรากำลังพูดถึง สิ่งที่ดีกว่า หนังสือกระดาษครับ และผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราจะเป็นประเทศแรกๆที่เริ่มต้นมัน(และหลายประเทศกำลัง ทำตามเรา)
Tablet เกิดขึ้นมาเพื่อพัฒนา การศึกษา ในบางด้าน แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาหลัก การศึกษาของประเทศไทย
แต่ถ้าเราไม่แก้ปัญหาของระบบการศึกษา (ซึ่งยากมาก ส่วนใหญ่เป็นปัญหาจากคน)เราไม่ควร พัฒนา ด้านอื่นๆเลย?
และในความเห็นผม รัฐบาล ควรจะลงทุนกับ นโยบาล แท็บเล็ต ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่การซื้อเครื่อง แล้ว ชิ่ง เหมือนที่ทำอยู่ เพราะ มันจะทำให้ อุปกรณ์เทพ กลายเป็น หิน ทับกระดาษได้ง่ายๆ
โอ้ย โอเวอร์
ถ้าไฟฟ้าดับทั้งเมือง อะไรหลายๆอย่างกเป็นหมันนะครับ เช่นการเรียนของเด็กมหาลัยยังต้องใช้ notebook+powerpoint ไฟดับครั้งหนึ่งต้องรอถ้ารอไม่ได้หรือนานเกินไปอาจารย์จะยกเลิกคลาสนั้น ผมว่าโอกาสไฟฟ้าดับทั้งเมืองน้อยนะครับ ก่อนที่จะพิมพ์ดูความเป็นไปได้ด้วยนะครับ ไม่ได้ซักแต่จะพิมพ์
ที่ทำงานผม เช่าระบบ sap 3000 กว่าล้าน ทำมา 6 ปีแล้วยังไม่เสร็จดี เลยระยะเวลาส่งมอบมาหลายปี ดีที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน
คิดเล่นๆ งานที่ต้องทำในโปรเจคนี้
1 ตั้ง proxy server
2. ติดตั้ง software บน tablet ทุกครั้งที่ใช้งาน internet ให้ร้องขอผ่าน proxy server ที่ตั้งใว้
เพียงเท่านี้ ท่านจะเก็บ log หรือ block web บ้าบอ ก็ทำได้หมดล่ะครับ
ถ้ากลัว proxy server ล่มก้ไปจ่ายเงินใช้ cloud based proxy
นี่เป็นภาพกว้างๆ และทำได้จริง
ผมว่านักพัฒนาไทยเก่งเยอะ ทำเรื่องพวกนี้ได้หมดล่ะครับ
อยากจะบอกว่า implement SAP ได้นี่ไม่ต้องเก่งหรอกครับ แค่ขยันสอบ
ขยันเอาเงินไปให้ต่างชาติ เหมือนสอบ certificate java สอบกันเข้าไป
เอาไว้อ้างขอเงินเดือน implement จริงๆไม่มีนั่งรอเปลี่ยนงานไปที่อื่น
ทิ้ง spaghetti code ไว้ก่อนจากกันไป
เงิน 120 ล้านนี่มันหาง่าย
+10000
นั้นสิ ผมมองว่า "ทำไมต้องรัฐต้องทำให้มันยุ่งยาก จ่ายเงินให้พวกแบบนี้แพงๆ"
โมรอมให้ default route ผ่าน OpenVPN ไปที่กระทรวงน่าจะดีกว่าไหม
อ้าวเปลี่ยนจาก Opensource มาเป็น License Band แล้วเหรอครับคง Customize กันเยอะน่าดูลงทุนไปกี่ล้านครับเนี้ยเพราะ Modules นี้ต้อง Develop บน Core ใหม่เลยนะนั่นในส่วนของ Asset ผมคิดว่าทำมันดีครับถ้ามีคนเข้าใจและพร้อมที่จะดูแลมัน เพราะเวลาผมไป Implement กับงานราชการทีไรถอยหลังลงคลองกันทุกคนตอนรับก็มาเป็นสิบ แต่พอจะเรียนรู้หรือทำงานรับผิดชอบที่จะดูแลหายกันหมดต้องมา Training กันใหม่ทุกครั้ง หวังว่าคงไม่มีแบบนั้นนะครับ :)
เยี่ยมครับ โกงกันเข้าไป ห่ารากเอ้ย
ขอถามหน่อยสิครับ แล้วสมมติโดนบ่นแล้วไม่แก้ไข
คุณจะยังบ่นไม่ครับ
สุดท้ายจะโกงกันก็ให้มันน้อยๆหน่อยครับ
เอ่อ ผมไม่มีข้อคิดเห็นเรื่องโกงหรือไม่โกง เพราะมันสุ่มเสี่ยงนิดๆ แต่ผมก็เห็นด้วยเรื่องที่เอา SAP มาทำ เพราะมันแพงและไม่ Make Sense เอาเสียเลยเมื่อเอามาใช้กับหน่วยงานราชการที่ใช้แบบทิ้งๆขว้างๆ
จริงๆควรจะรื้อระบบดวงตาซารอนกลับมาใช้จะเวิร์คและถูกกว่าเยอะ
ขอบคุณครับ คำตอบแบบนี้แหละที่ต้องการ
เรื่องโกงไม่โกง ไม่เกี่ยวหรอกครับ
แต่ในเว็บนี้ เขาไม่ได้คุยแบบคุณตอนตอบอันแรกน่ะครับ
ลองไล่อ่านดูได้น่ะครับว่ามีสักกี่คน แล้วลองเทียบกับเว็บอื่นๆ ดูได้ครับ
ประเทศชาติไม่ต้องการ คนวิจารณ์(ไร้เหตผล)
แต่ต้องการที่จะต้องมาช่วยกันแก้ไข ;)
ส่วนถ้าจะพูดเรื่องโกง ผมว่าวิจัยโครงการชั่งไข่ งบ 60 กว่าล้านโกงกว่าเยอะ
หน่วยงานรัฐส่วนใหญ่มีนโยบายใช้ Outsource ซะเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วครับ เรื่อง Developer ภาครัฐไม่ได้ทำเองแน่นอน เพราะฉะนั้นในส่วนการบริหารเงินที่จ่ายไปกับขั้นตอนการ Dev เป็นหน้าที่ของบริษัทที่ประมูลงานได้
ส่วน Module Education มันรองรับความต้องการตรงนี้แล้วเหรอ? มันก็ต้องลองทำดูแหละครับอย่างน้อยตอนนี้ กระทรวงก็มี Tool ที่จะใช้เก็บข้อมูลที่แม่นยำกว่าไปจ้างบริษัทวิจัยโฆษณามาทำแบบสอบถามกรอกๆกัน เพราะถ้าดูจากการพัฒนาการศึกษาไทยในส่วนของหลักสูตรการเรียนที่ออกใหม่มันเกือบทุกปี แล้วยิ่งออกก็เหมือนจะยิ่งเลวร้ายลง มันก็ควรจะสงสัยแล้วว่าข้อมูลที่เก็บมาเพื่อที่จะพัฒนาหลักสูตรเนี่ย มันถูกต้องแล้วเหรอ? ทำไมมันถึงได้มีแต่เด็กบ่นมากขึ้นทุกปีๆ
ครูไทยทำอะไรบ้างนอกจาก "สอน"
ถามจริงๆ "เอาเวลาที่ไหนไปสอนเด็กวะ"
โอววว โทษทีครับที่กล่าวหาว่าโกง (-/ | -)
ใจร้อนไปหน่อย เลยทำให้สับสนเรื่อง feature ที่จะเอามาใช้งาน (ไม่ได้เกี่ยวกอะไรกับ module educate เลยยย)
พึ่งจะเห็นชื่อบริษัท implement กับ slide present feature
มันช่างอลังการงานสร้างจริงๆ กับการ block เว็บใน tablet เด็กป.1
ผมเข้าใจความรู้สึกนะครับ ประมาณว่าเราทำงานกับมันอยู่ รู้ว่ามันเยอะเกินไป เห็นๆอยู่ว่ามันไม่ Make Sence อารมณ์ก็ต้องฉุนเป็นธรรมดา ถ้าอธิบายแบบโพส 2 ร่วมกับอันแรกนี่จะเจ๋งเลยครับ ^^
ผมเห็นด้วย เชียร์ให้รัฐบาลประหยัดเงินดีกว่าล้างผลาญแบบนี้ครับ เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนยังไงอย่างงั้น แทนที่จะเอาเงินไปทุ่มกับเรื่อง Content พวกเนื้อหาการเรียนหรืออย่างเรื่องเว็บไซต์ OTPCคราวก่อนอันนั้นอาสาสมัครเค้าทำให้ฟรีเลยนะครับ
อีกทีนึงนะ ผมคิดว่าไม่ต้อง Block หรอก เปลืองเงิน เอาเงินไปหา E-Book หรือ Content ดีๆให้เด็กดีกว่า ถ้าเด็กคนไหนรักดีก็จะได้ตรงส่วนนี้ไป ถ้าเด็กคนไหนเครียดอยากดูก็ปล่อยมันไป ^^"
ตามนั้นเลยครับ ผมแค่เอาข่าวมาฝาก
ไม่ใช้ว่าผมจะเชียร์ ว่าจะใช้อะไรอย่างไหร
ลองนึกว่าถ้าเราไปประมูลงานนี้เราจะมีระบบอะไร ไปแก้ปัญหาที่มีได้
กับอยากรู้ประสิทธิภาพ จุดเสี่ยง จุดคุ้มทุนของที่กระทรวงนำมาใช้
มีเครื่องมืออะไรที่ดีกว่านี้ไม
ผมอยากเห็นคนช่วยกันแก้ไขมากกว่าการบ่นอย่างเดียวน่ะครับ
ตอนแรกเองผมก็ไม่คิดหรอกน่ะครับว่าเด็ก ป.1 เอง
จะมีอารมณ์หื่นตั้งแต่เด็ก และฉลาดพอที่รู้คำไปเปิดหา
แต่กันไว้ก็ดีกว่า ..และถ้ารัฐปล่อยยครหานี้ไว้
สงสัยจะโดนประชาวิจารณ์ยิ่งกว่า
ส่วนเนื้อหาหลักสูตร อืมน่าเห็นใจ แทนที่จะให้งบในส่วนนี้มากกว่า
คือ ผมไม่ค่อยได้ใช้ android ครับ คือ android นี่ไม่มี Parent Control หร้อครับ
ถอด browser ออกจาก tablet
เด็ก ป. 1 มันจะ search อะไรนักหนา อ่านหนังสือให้มันออกก่อนเถอะ
ผมว่านะ
ทำแบบ opendns แค่นี้ก็กรองเว็บได้แล้ว
น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ มาตอบคำถามถึงที่ ล่ะว่าทำไมต้องจ้าง SAP
-> จ้าง “SAP” ทำโปรแกรมป้องกันเว็บโป๊ในแท็บเล็ตป.1
จากเว็บต่างๆที่ท่านโพสมานั้น บอกว่าระบบ SAP นี้ 120 ล้านบาท ราคาถูกมาก
ตอนแรกไม่ได้อยากให้มันออนไลน์และสามารถเอากลับบ้านด้วยซ้ำครับ
แผนป้องกันคงไมได้คิด
จากเว็บข่าว ryt9
"ตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานแท็บเล็ต ป.1 ระบุชัดเจนว่า
ใช้แท็บเล็ตป.1 เพื่อเป็นอุปกรณ์เสริมในเรียน
และเน้นเข้าใช้งานตำราเรียนแบบออฟไลน์เป็นหลัก
ซึ่งคณะทำงานมีงบประมาณในการจัดซื้อซอฟต์แวร์ไว้แล้ว
แต่การดำเนินการทุกอย่างมีขั้นตอนและระยะเวลา"
120 ล้าน สำหรับผม ผมว่าแพงไปครับ และไม่จำเป็นต้องจ้าง SAP เลย คนในเนคเทค ก็น่าจะทำได้สบาย ๆ
+1 สนับสนุน Cloud ได้ก็สนับสนุนนักพัฒนาภายในประเทศกันบ้างเนอะ Opensource มันทำได้อะไรมากกว่า ณ ตอนนี้ที่คุณใช้สะอีกนักพัฒนาก็มีเยอะมากอย่าเอาไปเก็บหรือเอาไปให้เค้านั่งเฉยๆ สิครับ :)
นั่นสิ เพื่อนๆ ผม ส่วนใหญ่ที่เคยเข้าไปทำวิจัยให้เนคเทคก็เป็นพวกหัวกะทิทั้งนั้น น่าจะรวมกลุ่มตั้งโปรเจคกันได้เลยมั้งเนี่ย
+1 ผมว่ามันจะมีอะไรงอกมากับโครงการนี้อีกเยอะ ทำอะไรที่คนไทยเข้าถึงยากๆ แล้วจ้างต่างชาติมันจะได้หากินง่ายๆ
ส่วนตัวรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เหมือนจะทุ่มเงินไปลงการบล๊อกเว็บบนแท็บเล็ตมากมาย
แต่จากข่าวเก่าเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้งาน ที่น่าจะสำคัญกว่า กลับให้ความรู้สึกว่าทำไปแบบตามมีตามเกิดยังไงไม่รู้
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
+1 เห็นด้วยครับ
SAP ปกติมันจะ implement แพงนี่นา.. SAP Thailand ไปเล่นบทไหนเนี่ย ถึงได้งานนี้มาฟะ
..: เรื่อยไป
ผมอ่านดูเค้าจ้างบริษัท SAP นะครับ
แต่ยังไม่ได้บอกว่าเอาโปรแกรม SAP (ERP) มา implement นิครับ
อาจจะเป็นโปรแกรมตัวอื่นของบริษัท SAP หรืออาจจะพัฒนาใหม่ก็ได้
SAPมันเป็นทั้งชื่อบริษัทและชื่อโปรแกรม แต่ผมอ่านผมตีความว่าเค้าจากบริษัท SAP
ยิ่งจากลิงค์นี้ยิ่งชัดเจน http://www.dailynews.co.th/technology/151893
จ้าง SAP นั่นก็คือระบบ application บน SAP นั่นหละครับ SAP เค้าไม่ Implement ระบบอื่นอยู่แล้วต่อให้ Oracle ที่ SAP ใช้ Database ก็ตามเค้าก็ Implement แค่ Application เท่่านั้นครับ ตรงตัวอยู่แล้วครับ
ผมก็ไม่ค่อยรู้นะครับ แต่ android มันเป็น opensource ทำไมไม่ modify ที่ os ล่ะ หรือเป็น app ที่รันเป็น service โดย block ที่ client ก็ได้ เด็ก ปอ.1คงลง os ใหม่ไม่เป็นมั้งครับ นอกจากผู้ใหญ่จะทำให้ ถ้าผู้หญ่จะทำ เค้าคงไม่ต้องการทำให้ลูกหลานใช้หรอก นอกจากจะแฮพไปเล่นเอง
คิดว่าค่าพัฒนาคงถูกลงมากว่าครึ่งนึง ไปทำให้มันเวิ้นเว้อทำไม
แต่ถึงยังไงถ้าจะต้องทำก็ขอให้มันสำเร็จและได้ประสิทธิผลทีเถิดกับโครงกันแทปเล็ทเด็ก ปอ.1 นี่ ถ้าเหลวผมแช่ง.....
ผมงง มันไม่ได้อยู่ใน spec tablet ตอนประมูลผลิตแล้วหลอ แล้วทำมัยต้องทำอะไรซ้ำซ้อนกัน รู้สึกเหมือนงบบานปลาย กับผลประโยชน์ที่ได้น้อยมากๆ
+1 บริหารงานผิดพลาดป่าวเนี่ย ถ้าโฆษณาแต่ทีแรกแล้วว่าป้องกันเรื่องพวกนี้ น่าจะทำเป็นสเปคไปแต่แรกแล้ว ถ้าไม่ผ่านก็ไม่รับมอบ เสียเงินหลายต่อไปทำไม
ลองอ่านที่ น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์
เขียนถึงโครงการ ได้ที่เพจของเขา -
แผนงานกำดำเนินโครงการจัดหาแท็บเล็ต OTPC ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
อ่านแล้วครับ คือ มีการวางโครงการไว้แล้วรองบประมาณอยู่ ในการสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับการใช้งานรัฐบาลร่วมมือกับ "กสทช." กสทช.นี่ไม่น่าทำได้นะครับ ถ้า กสท.(CAT) ก็ว่าไปอย่าง ระบบ Education Cloud ไม่ได้บอกไว้ว่าใครทำ ระบบควบคุมสิทธิเพื่อควบคุมการใช้งานเครื่องจ้าง SAP มาทำ
อ่านอีกรอบก็ได้รู้ว่าท่านที่ปรึกษา รมต.ICT พิมพ์ ก็ เป็น ก้อ ท่านใช้ภาษาติ่งได้ดีทีเดียว เหมาะแล้วกับงานที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ป.๑ ครับ
ทำไมไม่ติดตั้งมาจากโรงงานเลย กว่าจะเอาไปติดตั้งให้ครบทั้ง 1 ล้านเครื่อง คงใช้เวลาพอสมควรอยู่
เวลาผมทำงานที่บริษัท เวลาต่อเน็ตมันก็จะวิ่งไปที่ proxy ของบริษัท แล้วบริษัทก็จะ block พวกเว็บต่างๆ ที่ห้ามเข้า ... นี่มันต้องจ้าง SAP มาทำด้วยหรอ แค่เอา ROM มาโม, ตั้ง server แค่นี้ให้คนใน กสท. ทำก็ทำได้นะ -*-
กินให้อิ่มๆกันนะ -3-
ปีละ 120 ล้านแพงมาก ๆ เอามาทำบทเรียนดี ๆ ยังดีกว่า
เรื่องแค่นี้ต้องจ้าง SAP เลยเหรอนี่ จ้างให้แพงเวอร์ทำไมกัน tablet ราคาถูกแต่จ้างบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกมา block web นี่อะนะ -*-
ใครคิดว่าถูกโดยเอามาหารต่อเครื่องนี่เวอร์ครับ ซอฟต์แวร์ต้นทุนส่วนใหญ่เป็น fixed cost อยู่แล้ว งานอย่างนี้ต้องคิด cost จริง ๆ บวกกำไร แต่ก็นะ cost ของระดับ SAP นี่ ....
ซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษาซึ่งเป็นหัวใจ จ้างใครทำราคาเท่าไหร่ แต่ตัวน้ำจิ้มนี่ 120 ล้านต่อปีเลยอะนะ
The project was won by a local Thai company called SAP (no relation to Germany’s SAP)
http://www.telecomasia.net/content/thai-otpc-get-web-censor-retrofit
ผ่าง ผ่าง...
ตกลงยังไงกันล่ะเนี่ย....
อ่าว ยังไงล่ะทีนี้ 555
คดีพลิก ของเทียมหรือนี่ xD
http://www.ryt9.com/s/nnd/1476421
เป็นบริษัททำ anti virus แฮะ -*-
แต่ยังไงก็แพงมากอยู่ดีถ้าแค่กรองเวป
เอ่อ เล่นเวบนี้น่าจะอยู่วงการ IT กันไม่น้อย
เห็นบางคนบอกให้ทำ proxy แบบตามบ.ก็ได้ ก็ต้องถามว่า transparent proxy ที่รองรับคนเล่นพร้อมๆกันได้ 1 ล้านคน(และจะเพิ่มขึ้นเีรื่อยๆ) คุณว่ามันถูกไหม?
หรือแม้แต่ app ที่ควบคุมการใช้งาน internet ในองค์กรแบบสมบูรณ์แบบ(เช่น websense เมื่อหลายปีก่อน เดี๋ยวนี้ไม่รู้เจ้าไหนดีกว่าแล้ว) ก็ราคาไม่ถูกนะครับ แล้วยิ่งกับ scale ใหญ่ๆมันก็ต้องใช้งบเข้าไปอีก ตัวเลข 120ล้านดูเหมือนเยอะ แต่ถ้าคิดว่าต้องใช้กับ client นับล้านเครื่อง มันก็ไม่แพงเลย ยิ่งถ้ามีระบบ OTA เพื่อ force policyยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่
อ้อ เวลาเขาคิดlicense มันขึ้นกับการตกลงครับ ไม่มีใครขายระบบในราคา fixed cost โดยไม่ดูว่าต้อง support client จำนวนมหาศาลในราคาเท่าๆกันหรอกครับ
บางคนบอกให้แก้ rom ผมก็คิดว่าเขาอาจจะทำเป็น system app ลงใน rom มาด้วยนั่นแหละครับ
ก่อนจะด่ากันก็ลองหาคุยกันในรายละเอียดกันบ้าง
+1
เข้าใจ fixed cost ผิดหรือเปล่าครับ fixed cost ไม่ได้หมายความว่า support 1 คน กับ support 1000 คน ใช้ cost เดียวกันนะครับ
ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าราคามันต้องเท่ากัน แต่กำไรควรบวกจากต้นทุน ไม่ใช่ขายเยอะ ๆ แล้วยังใช้ราคาที่กำไรบานโดยไม่สนใจว่าต้นทุนมัน cover หายไปหมดแล้ว
ไม่มีใครขายขาดราคาเดียว โดยที่ต้องsupport clientจำนวนมหาศาลมากขึ้นเรื่อยๆหรอกครับ
ต้นทุนการdevelop เริ่มต้นมันคงที่ในแง่ว่าจะขายลูกค้าล้านคนหรือคนเดียว ก็อาจเท่ากันจริงครับ เพราะdevelopหนเดียว แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้มีเรื่องของการ support client ล้านคน และน่าจะมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ต้นทุนส่วนsupport มันก็ต้องคิดรวมไปในค่าproject ด้วยนั่นแหละ
ประเด็นคือเห็นหลายคนว่าแพง เพราะคิดว่ามันเป็นโปรแกรมง่ายๆ แล้วยกตัวอย่างการใช้โปรแกรมproxyในองค์กรขนาดเล็กมา แต่project นี้มันต้องsupport client ขั้นต่ำถึงล้านเครื่อง scaleมันใหญ่กว่ามาก ต้นทุนส่วนนี้แหละที่ทำให้มันขึ้นราคาไปถึงขนาดนั้นครับ
ลองคิดง่ายๆ แค่คุณซื้อantivirus ของแท้ ยังตกเครื่องละหลายร้อยบาท ถึงแม้จะซื้อเหมาเป็นvolume/site license มันก็แพงอยู่ดี ทำไมเขาไม่คิดเราราคาเท่าเครื่องเดียวแล้วจะลงกี่เครื่องก็ได้ล่ะ?
ผมว่าคุณก็ยังเข้าใจว่า fixed cost คือต้นทุนของคนเดียวอยู่ดี ไม่มีใครเขาคิดจะให้ขายเท่าราคาเครื่องเดียวหรอกครับ
วิธีการคิดแบบ antivirus หรือ ซอฟต์แวร์ Microsoft นั่นแหละครับ ที่ทำให้ บิลล์เกตต์ กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกภายในเวลาไม่กี่สิบปี เพราะเขาไม่ลดราคาแม้ว่าต้นทุนจะเป็น 0 หรือเข้าใกล้ 0 แล้ว หรือลดก็ลดน้อยมากเมื่อเทียบกับทุน
แต่การรับงาน services ต้องคำนวณต้นทุนทั้งหมด ถ้าล้านคนก็คำนวณบนฐานล้านคน แล้ว mark กำไรครับ
ไม่ใช่ว่าหนึ่งคนคิดจะเก็บเท่านี้ ล้านคนก็คูณเข้าไป แล้วค่อยลดราคาให้ อย่างนั้นมันคิดแบบขาย package ครับ
ดังนั้นจะมาคิดว่าล้านคน เฉลี่ยต่อคนร้อยกว่าบาท ถูกมากนี่ ผมไม่เห็นว่ามันจะ make sense ตรงไหน
ถ้าสมมติว่า ต้นทุนทั้งหมดที่บริษัทลงไปอยู่ที่ยี่สิบล้านบาท แล้วได้กำไรร้อยสามสิบล้านบาทนี่ ยังคิดว่ามันถูกอยู่ไหมครับ
ดังนั้นถูกหรือแพงอยู่ที่ต้นทุนกับกำไรครับ ไม่ได้อยู่ที่หารต่อเครื่องออกมาเท่าไหร่
คือคุณพยายามจะบอกว่า เขาเอากำไรมากเกินไป? แล้วเราเอาอะไรมาวัดว่าแค่ไหนถึงมากเกินไป? คุณรู้ต้นทุนการdevelop ของงานนี้ไหม? แล้วกำไรเท่าไหนถึงจะพอดีๆ?
คือถ้ามันไม่ได้กำไรขั้นต่ำที่เหมาะสมก็คงไม่มีคนไปประมูลงานหรอกครับ ถ้าเจ้านึงคิดแพงมากเกินไป ก็ต้องมีเจ้าอื่นตัดราคามา แต่ถ้าไม่มีเลย มันก็น่าคิดว่า มันก็อยู่ระดับปกติแล้วล่ะ
ถ้าแบบนั้นก็ต้องบอกให้คุณไปตั้งบ.เพื่อไปbidแข่งกับเขาล่ะครับ คือผมไม่ได้บอกว่าถูกหรือแพง แต่ระดับราคาเท่านี้ ก็เป็นปกติของการรับงานขนาดใหญ่ มันไม่เหมือนงานscaleเล็กๆ งานfreelance หรอกนา อย่าลืมเรื่องของค่าปรับ การรับประกันด้วย เคยเห็นบางเจ้ารับงานรัฐวิสาหกิจมาสามร้อยล้าน แล้วโดนปรับไปแพงกว่าที่ได้ก็มี ค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆมันมีอยู่อีกเยอะ(ไม่ใช่เรื่องคอรัปชั่นนะ)
อย่างเรื่องงานชิ้นนี้ ก็อาจจะรวมเป็นpackage การsupport clientล้านเครื่องด้วย ไม่ใช่แค่ทำโปรแกรมส่งอย่างเดียว ซึ่งไอ้การsupportล้านเครื่อง ย่อมมีเงื่อนไขระยะเวลา และค่าปรับ ที่บ.เล็กๆอาจจะไม่กล้าเข้าประมูลด้วยซ้ำเพราะเงินประกันภัยไม่พอ
อืมม์ เหมือนกับคุณไม่ได้อ่านคำตอบผมเลยนะนี่ อ่านแล้วเหมือนไปไหนมาสามวาสองศอกอีกต่างหาก พูดถึงวิธีตีความว่าถูกหรือแพงควรใช้โมเดลไหน มันเกี่ยวอะไรกับค่าปรับ ค่าใช้จ่าย หรือผมต้องไปประมูลแข่งอีกละนี่
เอาเป็นว่าจบละกันครับ เขียนไปคุณก็คงไม่อ่าน แต่มาตอบอย่างเดียว 555
อ่านสิครับ แต่ไม่เข้่าใจว่าคุณจะยกเรื่อง fixed cost หรือต้นทุนการพัฒนาเบื้องต้นมาทำไม ในเมื่อในโลกIT จริง เขาก็ไม่ได้ใช้โมเดลนี้ในการตกลงราคากันสักเท่าไร นอกจากจะไปเพื่อในการคิดต้นทุนภายในบ.เอง
แต่ประเด็นที่เราถกเถียงกัน คือเรื่อง 120 ล้านบาท กับ 1 ล้าน client มันแพงไปหรือเหมาะสมแค่ไหนตะหาก?
ลองคิดง่ายๆว่า ถ้าตอนแรกตกลงกันที่ 100 client สมมติราคา project 1ล้านบาท อีกวันบอกขอเพิ่มเป็น 1 ล้าน client แต่ขอราคาเิดิมโดยอ้างว่าต้ันทุนพัฒนามันก็เท่าเิดิมนี่นา มันจะได้ไหม?
เท่าที่ทราบใน TOR เบื้องต้นนั้นผู้รับงาน จะต้องเป็นคนติดตั้งบนลูกข่ายทั้ง 1ล้านเครื่องด้วยนะครับ ตรงนี้แหละ ที่อาจต้องเพิ่มcost ส่วนแรงงานsupport อีกเยอะเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เขียนโปรแกรมแจกฟรีบน market แล้วจบกัน
หรือแม้แต่เรื่อง โมเดลการคิดราคาของ windows กับ antivirus ทีุ่คุณบอกกำไรมันcover ต้นทุนไปหมดแล้วก็ยังขายราคาเดิม อ้าวเขาผิดหรือที่จะทำกำไรเรื่อยๆจาก โปรแกรมที่ทำมาดีมากๆ จนคนนิยมกัน เขาก็ต้องมีต้นทุนในการ support ไปเรื่อยๆอีกเช่นกัน หรือว่าใครจะเป็นคนกำหนด อัตรากำไรที่เหมาะสม ห้ามเิอาเกินนั้น เกินไปแล้วต้องแจกฟรี?!?!?!?!
1 ล้าน user ทั้งหมด 120 ล้านบาท คนละ 120 บาทเอง อิอิ จิบๆ ค่าแอปดีๆ นี่เอง
content นี้อาจจะตกมาหลายหน้าแล้ว แต่อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่แถๆมาข้างบน จะแถต่อยังไง ถ้ารู้ว่าจริงๆไม่ใช่ SAP ที่รู้จักกัน แต่เป็นบริษัทชื่อเหมือนที่เป็นบริษัทของไทย
ผมยังไม่สนหรอกว่าบริษัทมันจะเก่งขนาดไหน เพราะผมไม่รู้จัก แต่ผมว่าอีกไม่นานคนคงลืมข่าวนี้กันไปแล้วละ
พลิกกลับอีกรอบ
http://www.blognone.com/node/35496
"ข่าวนี้ผมได้รับอพเดตจากคุณ @Thepparith ที่เป็นนักข่าวและติดต่อไปยัง SAP Thailand ว่าเป็นทาง SAP จริงและข่าวของ Telecom Asia ผิดพลาดนะครับ ก่อนหน้าได้รับการติดต่อผมเองก็ตั้งข้อสังเกตุว่าไม่มี SAP อื่นอีก ที่ให้บริการสายไอที ตอนนี้ได้รับการยืนยันก็จะเอาข่าวนี้ลงจากหน้าแรก"
SAP=สาป