จากรายงานเก่าเกี่ยวกับ Facebook อยู่ในช่วงขาลงสำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุน้อย ข้อมูลล่าสุดของ Pew Research พบว่าวัยรุ่นไม่ชอบ Facebook เพราะว่า "เบื่อดราม่า" ที่ตามมาจากการใช้งาน Facebook วัยรุ่นเหล่านี้เห็น Facebook เป็นส่วนต่อขยายของการใช้ชีวิตประจำวันกับกลุ่มเพื่อนที่ต้องเจอหน้าทุกวันอยู่แล้ว ที่จะต้องคอยกด Like, คอยตรวจสอบว่ามีรูปอะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นหรือเปล่า, หรือคอยบริหารความสัมพันธ์กับเพื่อนในรูปแบบต่าง ๆ แทนที่จะได้เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งวัยรุ่นสามารถทำได้มากกว่าบน Twitter
ในรายงาน เผยว่าวัยรุ่นกว่า 77% มี Facebook แต่พวกเขาไม่ได้แชร์ทุกอย่างที่ขวางหน้า พวกเขาต้องมาคอยบริหาร จัดสรร และตรวจสอบข้อมูล โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ต้องคอย Untag รูปภาพ, ลบคอมเมนต์จากคนอื่น ๆ ในขณะที่หนึ่งในสามของผู้ใช้เคยลบเพื่อนออก และ 58% ได้บล็อคผู้ใช้คนอื่นไม่ให้ติดต่อพวกเขาอีก
อย่างไรก็ตาม ในรายงานบอกว่าการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้โดยบุคคลที่สามกลับไม่ใช่ปัญหาของกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่น เพียงแค่ 9% ของผู้ใช้วัยรุ่นบอกว่าพวกเขากังวลกับการเข้าถึงข้อมูลโดยบุคคลที่สาม แต่กับผู้ปกครองกว่า 81% กังวลมากในเรื่องนี้
ในตอนนี้ วัยรุ่นเริ่มหันมาใช้บริการที่พวกเขาสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างอิสระกว่า เมื่อปีที่แล้ว เพียงแค่ 16% ของกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกสำรวจบอกว่าใช้ Twitter เป็นประจำ แต่ตอนนี้ตัวเลขนี้อยู่ที่ 24% แล้ว สรุปสั้น ๆ Facebook ยังคงมีผู้ใช้สูงอยู่ แต่กลุ่มวัยรุ่นกลับพยายามหลีกเลี่ยงการเสียเวลาบน Facebook แต่หันมาใช้ Twitter มากขึ้น
ที่มา - The Verge
Comments
จริง โดยเฉพาะช่วงการเมืองรุนแรง เบื่อมาก
เบื่อข่าวซ้ำ รูปซ้ำ รูปเก่า ที่ก๊อฟมาลงใหม่ ไม่ยอมกดปุ่มแชร์มากกว่า
เปลี่ยนไปใช้ G+ ด่วน
+1
555+ แต่คนก็ยังใช้ FB เยอะอยู่ -*-
Google plus ไม่ใช่เมืองร้างครับ คนไทยเล่นเยอะมาก จากการลองเล่นดูมากพักหนึ่ง คนไทยเล่นเยอะจริงๆ ลองเข้าไปเล่นกันดูครับ
ยกเว้นเพื่อนๆ -. -
+1
+100
+1
ใน G+ เพื่อนในนั้นเยอะกว่า FB 3 เท่ากว่าๆเลย แต่ทำไมมีค่อยมีใครคุยเหมือน facebook คิดว่า facebook มีสิ่งดึงดูดคนใช้มากกว่า
ดึงดูดที่โพสอะไรใครก็เห็นไงครับ G+ เค้าให้เลือกเยอะว่าใครเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง เฟสส่วนใหญ่ไม่ปรับอะไรจะโดน public ตลอด
ตอนี้ผมใช้ G+ อย่างเดียว ไม่ใช้ Facebook เลย ยกเลิกบัญชีไปแล้วด้วย
ผมแค่มี Account แต่ไม่เคยเข้าไปเล่น
เหมือนโดนสั่งให้ไปเล่น Twitter ไงไม่รุ เหตุผลเพราะ"เขา"บอกว่าดีกว่า
สมมตื G+ ฮิตขึ้นมา(มากกว่านี้) จริงๆ แล้วดราม่าจะไม่ตามไปยัง G+ หรอ ผมว่าไอ้ดราม่านี่มันติดตัว User และอยู่ในสังคมรอบๆ ตัว User อยู่แล้วนะ
ใน G+ มี circle ที่พยายามชูจุดนี้มาตั้งแต่เปิดตัว ว่าง่ายต่อการเลือกว่าจะเปิดเผยข้อมูลแต่ละอันให้แก่ใครบ้างไงครับ แต่ก็นะ สุดท้ายก็คงขี้เกียจมานั่งปรับ circle แล้วก็อาจมาอีหรอบนี้ได้อีกอยู่ดี
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
G+ มีระบบ privacy ที่ดีกว่า fb และ twitter แน่นอนครับ เพราะเคยได้รับบทเรียนมาแล้วจาก ick บล็อค youtube ในไทยครับ
พวกเจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก
/me เตรียมขยายสาขาไป google plus ในเร็ววัน
จะรอเสพดราม่าจาก G+ ครับ
จ่ามาเองเลยทีเดียว
มาแล้วบอกนะครับจ่า จะไปตาม 555
เย้ !!
ดราม่าสร้าง activity จบยัง ฮ่าๆ
ทวิตเตอร์ก็ดราม่านะ แต่ดราม่าจากใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักในชีวิตจริง ก็ไม่ต้องสนใจก็ได้
ส่วนเฟซบุ๊กนี้ดราม่าจากเพื่อน ญาติพี่น้องเลย ตรูเครียด
พวกดราม่านี้ ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไรหรอก ...
แต่ปัญหาคือ พวกขายตรงลูกโซ่เนี่ยแหละ ...
จริงด้วยครับ โดยพวกลูกโซ่ น่ากลัวกว่าขายตรงครับ
อย่าไปกลัวดราม่าครับ เรื่องส่วนตัวจ่าไม่มาหรอก เฮ
แต่ 1000tip ก็มาแทน 555 ครับ
Facebook มีไว้ขายของกับลงโฆษณา
จริงหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยเหตุผลนี้
ผมคนนึงที่จะเลิกเล่น facebook ผมเพื่อนชอบมาดราม่าใส่ - -
ปล. อิจฉาพวกไลค์รูปเยอะๆ ไม่รู้จะเอาไลค์ไว้ใช้หนีรึไง -0-
ผมเห็นเพื่อนผมมันอัพโหลดรูปลูกสาวตัวเองขึ้น FB ทุกวัน ... ตอนนี้เพิ่งอายุสองเดือนก็จริง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนที่อายุมาก ๆ แล้วไอ้คุณเพื่อนผมจะโดนลูกสาวต่อว่าฐานเอาปมด้อยมาประจานให้เพื่อนในชั้นดูหรือเปล่า :P
มีรูปโป๊ด้วยล่ะ 555
ผมว่าเรื่องดราม่า มันติดตามจากตัวผู้ใช้ ผมว่ามันมีทั้งด้านที่ใช่และไม่ใช่นะ
คือแน่นอนว่า ถ้าผู้ปกครองของเด็กวัยรุ่น ไปตามลูกตัวเองในทวิตเตอร์ ลูกก็คงรู้สึกอึดอัดไม่ต่างกัน แต่มันก็มีส่วนที่เป็นจากการออกแบบระบบความสัมพันธ์ของมันมาด้วย
ถ้ามอง intended usage แล้ว Facebook มีลักษณะคือ มันตั้งใจนิยามความสัมพันธ์ของผู้ใช้ แบบที่เชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ในชีวิตจริง ความหมายของการเป็นเพื่อนใน Facebook ถูกออกแบบไว้ให้เชื่อมโยงจากชีวิตจริง เช่น เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว เราถูกคาดหวังว่า การจะเป็นเพื่อนกับใครคนนึงบน Facebook ก็เพราะเรามีความสัมพันธ์ในบางรูปแบบกับคนนั้น ไม่ใช่เพราะเราสนใจเนื้อหาของคนนั้น
นอกจากนี้ Facebook ไม่ได้มีลักษณะแค่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเผยแพร่เนื้อหาออกมา (โพสต์ข้อความ รูป) แต่เป็นพื้นที่ให้เราสร้างโพรไฟล์เพื่อ portray ตัวเองออกมาด้วย เราสามารถใส่เนื้อหาต่างๆ เกี่ยวกับตัวเรา โดยรวมศูนย์อยู่เป็นหน้าประวัติของเรา (มีพื้นที่ให้ใส่หนังที่ชอบ ความเชื่อทางศาสนา หน้าที่การงาน การศึกษา ฯลฯ) ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่คนอื่นเพิ่มแล้วบอกว่าเป็นเราด้วย (การแท็กรูป)
ในทางกลับกัน Twitter มันต่างจาก Facebook พื้นฐานของ Twitter มีแค่เป็น stream of information (หลักๆ เป็นข้อความอย่างเดียวด้วย) ถึงแม้จะมีลักษณะของ online identity ก็จริง แต่โดยลักษณะมันก็ไม่ได้ออกแบบไว้เป็นที่รวบรวมประวัติชีวิตอะไร ถ้ามองในด้านหนึ่ง Twitter จะมีลักษณะโดยธรรมชาติ ที่ใกล้เคียงกับอินเทอร์เน็ตที่เราคุ้นเคยก่อน social network ในแบบปัจจุบัน คือมีลักษณะเป็นพื้นที่เปิด มีเครื่องมือระบุตัวตนหลักคือ username ไม่ได้มีอะไรที่ encourage ให้เราสร้างตัวตนจากชีวิตจริงแบบ Facebook (ในแง่นี้ สามารถนึกถึงพวกเว็บฟอรั่มสาธารณะ) ความสัมพันธ์ใน Twitter เป็นความสัมพันธ์แบบทางเดียวเป็นหลัก (อยากอ่านของใครก็ตามของคนนั้น โดยไม่จำเป็นต้องมีการตามกลับมา)
ในแง่นี้ Twitter ไม่ได้ตั้งใจให้เราใช้ connect กับชีวิตจริงเรา ถ้าเราดูรูปแบบที่ทั้งสองเว็บไซต์ อธิบายตัวเองในหน้าแรก (ก่อนจะสมัคร/ล็อกอิน) ปัจจุบัน Facebook ใช้ว่า "Connect with friends and the world around you on Facebook." ส่วน Twitter ใช้ว่า "Find out what’s happening, right now, with the people and organizations you care about."
ดังนั้น โดยลักษณะการออกแบบเอง Twitter มัน "เรื่องน้อย" กว่า Facebook ในแง่ที่เราจะต้องมาจัดการอะไรอยู่แล้ว (อย่างที่อ้างถึงในบทความ เช่น ลบรูป ลบเพื่อน) และไม่ได้มีลักษณะที่เอื้อกับการพูดคุยกันยาวๆ (ลำพังระบบ reply มันไม่ได้เหมาะกับการคุยอะไรต่อเนื่องยาวๆ)
แน่นอนว่า อันนี้ มองเรื่องว่า ระบบตั้งใจจะให้เราใช้งานแบบไหน บางคนก็อาจจะใช้ต่างออกไปก็ได้ (จะสร้างบัญชีผู้ใช้ลึกลับใน Facebook ที่ไม่เป็นเพื่อนกับใครในชีวิตจริง ก็ย่อมได้)
ส่วน Google+ ในหลายๆ แง่มันก็ดูจะใกล้เคียงกับ Facebook ดังนั้น ถ้ามีคนมาใช้ในสเกลเดียวกัน ผมว่าก็อาจจะไม่แตกต่างกันมากนัก
ขอบคุณครับ เริ่มเข้าใจเฟซบุ๊คมากขึ้นเลยครับ ว่ามันออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว
และอาจเพราะเฟซบุ๊คมันต้องมีความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่งกับคนในชีวิตจริง (ไม่นับพวกหาเพื่อนเล่นเกม หาคู่) อาจทำให้เราออกอาการเหม็นเอียนในความเป็นไปของคนอื่นๆ เพราะมันไม่ลึกลับน่าค้นหา และมันเป็นเรื่องซ้ำๆ ด้วย แต่ทวิตเตอร์กับไม่ต้องมีความสัมพันธ์ใดๆ มากกว่า ทำให้รู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเอง และเรื่องราวของคนอื่นมันก็น่าศึกษา น่าค้นหามากกว่า
ถ้าไม่อยากดราม่าให้คนอื่นรู้ก็ให้โพสลงจีพลัสอิอิ
+G
เฟสบุกผมใช้ Chat กับ Group สองอย่างเท่านั้นแหละ
ไม่สนใจ Facebook ละครับ มีไว้ให้มันแห้งตายไปเอง ตอนนี้เน้นทวิตเตอร์เป็นหลัก (และไม่ออกตัวว่าเป็นตัวเองด้วย เป็นบุคคลสมมติไปเลย) กับ G+ ที่ทำหน้าที่แทน FB แต่ไม่มีเพื่อนหรือวงศาคณาญาติแม้แต่คนเดียว แค่นี้ดีกว่า สบายใจดี
//เพื่อนอยากคุยกันโทรมาก็ได้ Line ผมก็ไม่มีเพื่อน มีแต่คนที่จำเป็นต้องติดต่อเท่านั้น ไม่อยากวุ่นวายกับใคร เบื่อ
ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าจะทำอะไรเราควรที่จะไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจจะทำอะไรโดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในสังคม สำหรับผมปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ระบบนะ
G+ ดีกว่า facebook ในด้าน lifestyle คุยกับเพื่อ แยกเรื่องส่วนตัว ส่วนสาธารณะได้ยิบย่อยมากๆ
แต่ facebook มีดีที่การกระจายข่าว กระจายเร็วมากๆ ข้อเสียก็คือ ความเป็นส่วนตัว เราว่าเราปิดดีแล้ว ตั้ง privacy ดีแล้วแต่ เพื่อเรามันไม่ได้ตั้งก็แค่นั้น
เบื่อเฟสบุ๊คตรงที่โพสไหนเป็น public ต้องคิดก่อนเลยครับว่าถ้ากด like ไปนี่เพื่อนจะเห็นหมด สุดท้ายดูอย่างเดียว
เบื่อเกมส์ เบื่องานออนไลน์ ขนาดจำกัดการ tag
แต่ก็ยัง มีรูปเพื่อนโดน tag หราเต็มหน้า
ชอบ G+ ตรง แบ่งคนเป็นกลุ่ม ๆ อยากจะแชร์ อยากจะบอกกลุ่มไหนก็ได้ง่าย ๆ (รู้สึกว่า หลัง ๆ FB ก็ทำได้นะ)
อีกอย่าง ถ้ารู้สึกรำคาญใครก็ย้ายออกจากกลุ่มเดิมไปอยู่กลุ่ม Mute ที่ตั้งไม่แสดงบน stream เอาได้ ไม่ต้อง block ไม่ต้อง remove circle (FB ก็ unsubscribe)
อีกอันคือ คือ mute post ถ้าไม่อยากเห็นโพสต์นี้ก็แค่ mute ไป :D
Jusci - Google Plus - Twitter