Rick Sherlund นักวิเคราะห์จาก Nomura Equity Research แนะนำว่าไมโครซอฟท์ควรจะขายแผนก Xbox และ Bing ออกซะ เนื่องจากว่าแผนก Xbox ไม่สามารถทำกำไรให้กับทางไมโครซอฟท์มากนัก (โดยเฉพาะ Xbox One ที่เต็มไปด้วยเสียงบ่นสารพันจากบรรดาคอเกมต่าง ๆ รวมทั้งนักลงทุนต่างก็ส่ายหัวกับ Xbox One จนทำให้หุ้นของไมโครซอฟท์ตกลงไป) และแผนก Xbox ควรจะไปอยู่ในบริษัทที่สามารถทำกำไรได้มากกว่านี้อย่างซัมซุง
ขณะที่แผนก Bing ก็ควรจะขายให้กับทาง Yahoo! หรือไม่ก็ Facebook (แต่ Sherlund แนะนำว่าควรจะไปอยู่ในมือ Yahoo! มากกว่าเนื่องจาก Yahoo! เองก็ใช้ตัว search engine ของ Bing อยู่แล้ว)
สำหรับ Microsoft Office ซึ่งเป็นจุดแข็งมาช้านานในสินค้าตระกูล Windows นั้น Sherlund แนะนำว่าควรจะลงบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android แต่ควรคิดบริการรายเดือนถ้าหากจะแก้ไขเอกสาร (แบบเดียวกับข่าวหลุดก่อนหน้านี้)
Sherlund บอกตอนท้ายว่า เมื่อไมโครซอฟท์นำ Office ลง iOS และ Android คนจะหนีจาก Google Docs มาใช้เอง เพราะว่า Google Docs มันแย่
Comments
แหม่ ออกความเห็นขนาดนี้ไม่ไปตั้้งบริษัทบริหารเองเลยละ? ขืนเชื่อนักวิเคราะห์ซะหมดชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไรละ
นักวิเคราะห์ NGO นักการเมือง
เชื่อไม่ได้
xbox360 ทำกำไรนะ ถึง xbox one จะมีเสียงด้านลบมาเยอะเพราะเก็บไว้ e3 แต่ก็น่าจะทำกำไร
bing แม้จะยังไม่โตมาก แต่ ms ก็ยังไม่ทิ้ง
ส่วน ms office บน ios และ Android เหมือนฆ่า windows rt เลย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
วิเคราะห์ทีกะดังเลยทีเดียว
ของแบบนี้ไม่เน้นกำไรครับ ใจรัก
แหม ย้ายไปแบบนั้นแล้วใครจะซื้อ WinRT Tablet ล่ะ
อนาคตผมว่า MS น่าจะดัน WinRT ให้สูงกว่าพวก x86 อีก เผลอ ๆ ดรอปสาย x86 ทิ้งด้วย
พูดถึง WinRT ในแง่ 'ราคา' หรือ 'ชิป ARM'
ถ้าในแง่ชิป ARM นี่ พอ intel/amd กลับมาตั้งหลักใหม่ได้หลังจากเอ้อระเหยมานาน ฟาก MS คงยุบกลับไปเหลือสาย x86 อย่างเดียวมั้ง ถ้าชิปสองค่ายนี้เริ่มสูสีกันแล้ว ทาง MS ไม่น่าจะได้ประโยชนคุ้มพอที่จะทำให้ windows ใช้กับชิป ARM ได้.. เผลอๆ ฟาก android จะโยกไปเน้น x86 ด้วยอีกราย เพราะโค้ดสามารถเอาไปรันได้ทั้งเครื่องประสิทธิภาพสูงและต่ำ ทำให้นอกจากรันบนเครื่องเดี่ยวๆ แล้วยังอาจกระจายบางส่วนไปร่วมรันผ่าน cloud ได้อีก (แม้ชิป ARM กำลังพัฒนาให้รองรับเครื่องประสิทธิภาพสูง แต่ชิป x86 น่าจะพัฒนามารองรับเครื่องประสิทธิภาพต่ำที่มีข้อจำกัดเยอะได้ก่อน ทำให้สาย x86 มีฐานที่กว้างกว่า แถมยังมี คน/โค้ด ที่รองรับ x86 อยู่มากกว่าอีกด้วย)
แต่ถ้าหมายถึงแง่ของราคา.. อันนี้น่าสนเหมือนกันแหะ อาจเปนไปได้ที่จะมาเน้นย่อเหลือแค่ตัวย่อมเยา เผลอๆ อาจฟรีหรือมีแบบไม่ต้องซื้อแต่จ่ายรายปีแล้วได้อัพเดตได้อัพเกรดไปตลอด ส่วนพวกตัวใหญ่โยกไปอยู่กับกลุ่ม server แทน (แบบยุค NT ที่มี server กับ workstation)
ปล. ณ ปัจจุบัน.. นักวิเคราะห์รายนี้ตกงานไปรึยังหนอ?
ตานี่คิดว่าที่ผ่านมา Google Docs มีปัญญาแย่งฐานลูกค้าของ MS Office มากมายนักหรอเนี่ย เข้าใจได้ผิดเป่า????
ที่สำคัญ ถ้า MS ยอมปล่อยให้มี Office บน iOS และ Android แต่แรก เผลอๆ ก็ไม่แน่ว่า Google จะมามัวเสียเวลาทำ Docs ตั้งแต่แรก กลายเป็นประหยัดทรัพยากรได้อีก....
อีกอย่างที่สำคัญ ถ้าคิดจะเก็บค่าบริการรายเดือน ก็คงดึงได้เฉพาะผู้ใช้งานที่ต้องทำงานเอกสารจริงจัง แก้ไขเนื้อหาอะไรบ่อย ส่วนพวกที่แค่เอาไว้เปิดดูผ่านๆ อาจไม่คิดเสียตังค์ให้ MS ก็เป็นได้
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ที่จริงไมโครซอฟท์จะไปทาง subscription แต่แรกอยู่แล้วครับ คิดว่าอีกไม่นาน MS จะมีแต่ Office 365 อย่างเดียว สายปรกติจะค่อย ๆ หายไป หรือไ่ม่ก็ขายแต่กับลูกค้าองค์กรเท่านั้น
เท่าที่รู้คือปัจจุบันนี้ความจำเป็นต้องใช้ Office มันลดลงเรื่อย ๆ ถ้าหากว่า MS ไม่มองหาตลาดอื่นไว้่บ้างอนาคตอาจจะลำบากอยู่นะ แต่นั่นคือบนสมมติฐานที่ว่า WinRT ไปไม่รอด (และแนวโน้มตอนนี้ก็เป็นงั้นแล)
ปัจจุบันนี้ความจำเป็นต้องใช้ Office มันลดลงเรื่อย ๆ คงเป็นความคิดส่วนตัวล่ะสิครับ
ไม่เชิงนะ เป็นความเห็นของบรรณาธิการเว็บไซต์สักแห่งนึงที่เผอิญว่าผมดันเห็นด้วยน่ะครับ พอดีว่าผมหาไม่เจอ แฮะๆ
เอาเท่าที่จำได้ละกัน คือ เขาแนะนำว่างานด้านเอกสารเนี่ยในปัจจุบันมันลดลงไปมากเนื่องจากการใช้อีเมล์ทดแทน เราไม่ได้ส่งเอกสารในรูปของหน้ากระดาษ แต่เป็นในรูปแบบของเอกสารที่แสดงผลบนหน้าจอ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ใช้ Word Processor ทำก็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็น (โปรแกรมอีเมล์ในปัจจุบันแทบทุกตัวทำได้หมดแหละ ผมใช้ Lotus Notes ก็ทำได้ไม่มีปัญหา) ในทางกลับกันการอ่านเอกสารที่แบ่งเป็นหน้า ๆ มีขนาดของหน้าฟิกซ์ตายตัวเนี่ยมันเป็นเรื่องทรมาณมาก เดี๋ยวต้องเลื่อนหน้าไปมาบ้าง กลายเป็นว่ามันเป็นความลำบากขึ้นไปอีก
ไอ้เรื่องที่มานั่งพิมพ์เอกสารแล้วส่งไปให้ลูกค้าด้วยมอเตอร์ไซค์มันลดลงมาก สังเกตไหมครับ เพราะเราใช้อีเมล์แทนไง
ถ้าทำเอกสารที่เป็นกึ่ง ๆ ทางการเนี่ย เอกสารที่แบ่งเป็นหน้า ๆ มันอ่านลำบากกว่าไหนจะเรื่องการทำ reference ต่าง ๆ เช่น index เอย หน้าสารบัญเอย ทำเป็นหน้าเอกสารแต่เชื่อมด้วย hyperlink ง่ายกว่า ก็เหมือนกัน ใช้ Word ทำก็ได้ แต่ถ้าใช้ระบบ CMS เต็มรูปแบบก็ดูแลง่ายกว่าอีก
ที่จำเป็นจริง ๆ ก็คือการทำเอกสารทางการ ซึ่งก็มีแค่คนหยิบมือที่ต้องใช้จริง ๆ
เขาก็สรุปว่า พวกบริษัทเล็ก ๆ ที่เป็น SME เนี่ย ความจำเป็นในการใช้งาน Word เนี่ยแทบจะไม่มีเลย และ Word เองก็ใช้งานไม่สะดวกด้วยโดยเฉพาะกับคนที่ทำงานด้วย iPad มากกว่า PC (เช่นคุณลุงทิมข้างบน) คนกลุ่มนี้อาจจะยังน้อยอยู่ แต่มันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
ผมเข้าใจว่า Word เป็นโปรแกรมที่ถูกใช้มากที่สุดในชุด ซึ่ง Word เองก็ลดความสำคัญลงมามากในยุคที่อินเตอร์เนทเข้ามามีส่วนในชีวิตเรา (ผมใช้เวิร์ดประมาณอาิทิตย์ละสองครั้ง และลดลงเรื่อย ๆ ) ส่วนโปรแกรมอื่นเองที่ใช้บ่อย ๆ อาจจะเป็น Excel แต่ก็เป็นเฉพาะคนมากกว่า ส่วนตัวอื่นนี้มักจะเป็นแล้วแต่บุคคลเลย(ส่วนตัวผมใช้ PowerPoint แค่ปีละครั้งหรือสองครั้ง ส่วน Access อาจจะบ่อยหน่อย แต่เพราะว่าโปรดักท์ผมมีส่วนประกอบที่ใช้ mdb)
ความเห็นส่วนตัว ถ้าคุณยังคงใช้ไฟล์ doc แปะลงไปในอีเมล์อยู่ล่ะก็ คุณใช้งานอีเมล์ผิดวิธีแล้วล่ะ (ฮา)
เอกสาร สำหรับผมมันก็คือเอกสารครับไม่ใช่ข้อความในอีเมล มันไม่ใช่วิถีทาง (approach) ในการเข้าถึงข้อมูล แต่คือเอกสารที่อยู่ในรูปกระดาษ ไฟล์ office และ pdf ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ก็ต้องใช้ในการเป็นเอกสารประกอบครับ การมาแทนที่ด้วย media ต่างๆ มันไม่เป็นทางการ เพียงแต่ช่วยเสริมเท่านั้น อย่างบัญชีของบริษัทต้องการเอกสารหลักฐานในการเก็บเงินครับ
สำหรับผมยังไม่มีความรู้สึกว่างานด้านเอกสารจะลดลงครับ โดยเฉพาะองค์กรก่อตั้งมานาน และไมโครซอฟต์ออฟฟิศยังคงครองโลกองค์กรอยู่ อีเมลแค่เพิ่มความสะดวกและร่นระยะเวลาลงเท่านั้น
แต่ยังไงก็ตามผมก็สนับสนุนให้ไมโครซอฟต์ทำชุดออฟฟิศลงไอโอเอสหรือแอนดรอยด์ด้วย เพราะทั้งสองระบบเป็นที่นิยมสูง และถ้าปล่อยให้ผู้ที่ต้องใช้งานไมโครซอฟต์ออฟฟิศใช้แอพหรือบริการอื่นๆ บนไอโอเอสหรือแอนดรอยด์ไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดเขาปรับตัวได้ ลดการพึ่งพาไมโครซอฟต์ออฟฟิศลงได้ เหมือนนั้นไมโครซอฟต์นั่นแหละจะเดือดร้อนแทน
ตอนนี้ใช้แต่ LibreOffice จนชินซะแล้วครับ ไม่คิดหวนไปใช้ MS Office อีก เพราะ WordPad ที่แถมมาอยู่แล้วก็เปิดอ่านไฟล์ .docx ได้เหมือนกัน
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
เห็นด้วยเรื่องนี้ งานบางส่วนใช้ word น้อยลงจริงๆ เรื่องงานเอกสารภายใน เดี๋ยวนี้ลูกน้องส่งเรื้องให้ผมอนุมัติทางเมล หรือบางทีทางไลน์เลยด้วยซ้ำ
ข้อความที่จบแล้วจบเลยมีอายุสั้นนี่โอเค.. แต่ข้อความที่มีอายุยาว เช่น ในโครงการใหญ่ๆ เวลามีคนใหม่มาแล้วจะให้เค้ามาต่องานนี่เหนื่อยเลย หรือจะเอาเนื้อหาเข้า KB นี่มีมึนพอกัน การคัดและเรียบเรียงเนื้อหาใหม่โดยไม่มีตัวช่วยเรื่อง versioning นี่ทรมานมาก รวมถึงเรื่อง template/form ที่ถ้าทำไว้น่าจะเอามาใช้ในภายหลังได้สะดวกกว่าหากจับได้ว่าเนื้อหาไหนมีโครงสร้าง
อีกอย่างที่มึนกับเมล คือเวลาที่ใช้ข้อความแบบ multimedia แล้วสื่อง่ายกว่าข้อความแบบ text ล้วนๆ .. หลาย mail client ยังใช้เขียนเมลแบบนี้ได้ไม่ค่อยดี ถ้าอ่านอย่างเดียวยังพอไหว
ส่วนเรื่องการ search นี่ยอม.. ทว่ายังมีทางเลือกว่า save แล้ว search นอก mail client เอาได้ หรือในกรณีที่ใช้ระบบใหญ่ๆ มันมักจะ search ในไฟลแนบให้ด้วยเลยได้
ปล. พวกที่เขียนเนื้อหาทั้งหมดอยู่ในไฟลแนบนี่เกินไปเช่นกัน.. ส่วนตัวแล้ว คิดว่าตราบที่ mail client ยังไม่ rich พอ ไงคงต้องใช้คู่ๆ กันไป ไม่ใช่ตัดเหลือใช้แค่อย่างใดอย่างเดียว
ถ้าออกจากโลกของ Geek มา จะรู้ว่า
คนทั่วๆไปยังใช้ office กันเกลื่อน
นอกโลก IT บริษัท 999% ยังต้องใช้เอกสารกระดาษเป็นหลัก และไม่ถือว่า email จะใช้เป็น reference ได้
เห็นด้วยครับ โดยส่วนตัวแม้จะยังขาด MS office ในการทำงานไม่ได้ แต่ยอมรับว่าเปิดมาใช้น้อยลง (งานเล็กงานน้อย บันทึกส่วนตัว การเงิน ปัจจุบันจะไปใช้ใน app เกือบหมด)
เขียนบทความ เขียนข่าวยาว 3-4000 ตัวอักษรยังไม่เปิด Word ใช้เลยครับ เขียนเป็น Markdown แล้วแปลงเป็น Rich text แปะในเมลให้บก. เลย
มันสะดวกกว่านะ เวลาค้นเมลก็ค้นจากเนื้อหาได้ด้วย ถ้ามันเป็นไฟล์แนบก็เข้าไปค้นจากข้อความข้างในไม่ได้
ผมว่าไม่ใช่แล้ว งานที่ต้องใช้ Office ยังไงก็จำเป็นต้องใช้ครับ
ขาย Windows ให้ Lenovo ด้วย
นึกภาพ XBox One S / M / X / XL / XXL
จะว่าไป Michael Dell ก็เคยบอกให้ Apple ปิดบริษัทแล้วคืนเงินนักลงทุนนะ :3 (เปล่า ไมเคิล เดลล์ไม่เกี่ยวกับนักวิเคราะห์รายนี้)
ลืมแนะนำให้ขายบริษัททิ้งไปด้วยเลยนะ จะได้ครบ ๆ
ผมวิเคราะห์มั่ง "MS ควรขายบริษัทแล้วไปขายน้ำเต้าหู้"
XBox One ต้องรอขายจริงก่อน ถึงจะรู้ว่าว้าว ไม่ว้าว เหมือน iPad ตอนเปิดตัวตอนแรกมีแต่คนว่า สุดท้ายพอดัง นักวิจารณ์เงียบกริบ
อื้อหือ วิเคราะห์ได้สุดทางเท้ามาก = ="
ใช้หัวแม่เท้าส่วนไหนวิเคราะห์ครับ
อ่านเสร็จนึกถึงรูป "คนแก่ เด็ก และ ลา"
ทำไมใจร้ายกะ Bing จัง MS ดันเยอะอยู่น๊า แถมตอนนี้ไปผนวกกะ Twitter / Facebook ก็ทำงานออกมาได้ดีที่เดียว แต่ก็นะ Google เป็นทั้งคำนามและคำกิริยาไปแล้ว ศึกนี้ยังอีกยาว
ผมไม่เห็นด้วยทุกข้อ
Xbox, Bing และ MS Office เป็นไพ่ใบสำคัญในมือของ MSFT เลย นอกจากนี้ยังกำไรดีด้วย (นอกจาก Bing ที่รู้สึกว่าขาดทุน) เหมือนบอกว่า Google ควรขาย Youtube กับ Maps ทิ้งเพราะมันไม่ทำกำไร?
ส่วน Xbox One นี่ควรจะรอเปิดตัวเกมทั้งหลาย + ราคาอย่างเป็นทางการก่อนนะแล้วค่อยมาวิเคราะห์ว่าจะแป้กมั้ย สำหรับผมถ้าบริการทั้งหลายมันมีในไทย ผมก็ซื้อเหมือนกัน คุณภาพเกมไม่ต่างจาก PS4 แถมดูทีวีได้อีก (ผมยังมองไม่เห็นว่ามันจะกระทบพวก hardcore gamer ทั้งหลายยังไง)
Youtube กับ Maps ทำกำไรมานานแล้วนะครับ ... แต่ bing ยัง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เรื่อง YouTube กำไรมีแหล่งอ้างอิงไหมครับ?
มีบทความ วิเคราะห์กำไรจากคลิป Gangnam Style นะ http://www.forbes.com/sites/quora/2012/10/29/how-much-did-it-cost-youtube-to-stream-gangnam-style/
YouTube รู้สึกจะยังไม่กำไรนะครับ แต่ขาดทุนลดลง
xbox นี่อนาคตไมโครซอฟท์เลยนะ เป็นอีกหนึ่งหน่วยธุรกิจที่รุ่งโรจน์ จะวิเคราะห์ให้ทิ้งดื้อๆ เพราะเสียงวิจารณ์เนี่ยนะ
แหม่ๆ เลื่อนลงมาดูนักวิเคราะห์ชาวไทยก็ใช่ย่อยนะครับ ฮิฮิ
คุณก็กำลังวิเคาะห์คนอื่นอยู่เหมือนกันนะครับ ฮิฮิ
ผมว่า xbox one มันดีนะ จะเสียอย่างเดียวคือ เล่นเกมเก่าๆของ xbox 360 ไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ปล่อยเค้าไปแล้วกันครับ - -"
เมื่อ Xbox ไปอยู่ในมือ Samsung
ปีแรก XboxOne
ปีสอง XboxOne S
ปีสาม Xbox Galaxy S
.
.
.
.
.
.
.
V
Xbox Galaxy Note
แถมปากกาสินะ
Dream high, work hard.
มันคงเป็น SBox มากกว่า
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
มองในแง่ความมั่นคง(ทางธุรกิจ)นะครับ ระดับของ Microsoft ต้องมีทั้งหมดนั่นแหละครับ ขายไม่ได้-ขาดไม่ได้เลยทีเดียว
แบบนี้เรียกว่าวิเคราะห์ได้ยังไง อคติส่วนตัวล้วนตัวล้วนๆ เลยเนี่ย แย่มากอะ = =
อยากให้ LibreOffice มาลง Android มากกว่าครับ ขายถูกๆ ก็ได้ รับรอง MS Office กุมขมับ
เป็นนักวิเคราะห์ที่ไม่รู้เรื่องทางด้านไอทีเลย
google ซื้อ QuickOffice ไป ยังเงียบไม่มีข่าวเลย
นักวิเคราะห์เค้าเป็นกันยังไงครับ เอาป้ายมาแขวนคอแล้วเป็นได้เลยป่าว