บริษัทที่ทำธุรกิจออนไลน์ และกลุ่ม NGO เพื่อเสรีภาพออนไลน์ทำแคมเปญประท้วง NSA ที่ดักฟังประชาชนของตัวเองผ่านโครงการ PRISM โดยแกนนำหลัก คือ หน่วยงานที่ชื่อว่า Fight for the Future และมีบริษัทและหน่วยงานที่ร่วมด้วยได้แก่ Wordpress, Namecheap, Reddit, 4chan, Mozilla, Fark, TOR, Cheezburger, Demand Progress, MoveOn, และ EFF
แคมเปญนี้สร้างวิดีโอชักชวนให้คนมาลงชื่อ (อีเมล) เพื่อประท้วงโครงการ PRISM, นำแบนเนอร์ไปติดบนเว็บของตัวเอง, แชร์ข้อความประท้วงบนทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก, หาทางแสดงวิดีโอประท้วงบนโทรทัศน์, ประท้วงบนถนนที่กำลังฉลองวันชาติ, โทรหาผู้แทนเรียกร้องให้มีการสอบสวนโครงการ PRISM, ส่งอีเมลหาสภาเพื่อขอความชัดเจนของโครงการ PRISM
ที่มา - TechCrunch
Comments
แล้วที่ Larry Page (What The ....?) กับ Zuckerberg ออกตัวล้อฟรีตอนแรกหล่ะ ?? << คงไม่คิดว่าจะบานปลายมาถึงนี่อะนะ
ถ้าในแง่ของความเป็นส่วนตัว บอกตามตรงว่าผมกังวลเรื่องภัยก่อการร้ายที่อาจทำให้ผมตายได้ทุกเมื่อ มากกว่ากลัวการถูกดักฟังที่ไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับผม เนื่องจากผมไม่เคยไปทำชั่วร้ายอะไรให้ใครไว้ที่ไหน กรณีนี้มันจะเริ่มคล้ายหนังฮีโร่ยุคหลังๆที่ชอบยิงประเด็นว่าชาวบ้านขับไล่ฮีโร่แล้วก็... who will save us now ? :p ว่ากันตามตรง ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกที่กลัวเรื่องความเป็นส่วนตัวเกินเหตุเนี่ย เขาต้องแอบทำอะไรชั่วร้ายเอาไว้แหงๆ หึหึหึ
ส่วนในแง่ของความลับทางการค้า อันนี้ต้องยอมรับว่าน่ากลัวจริง สมควรแล้วที่จะออกมาประท้วง
ฮีโร่ทำตัวเหมือนโจร มันเป็นฮีโร่ตรงไหน
เดี๋ยวผมแอบติดกล้องในห้องน้ำแอบดูเมียคุณ ด้วยเหตุผลว่า ถ้ามีโจรบุกเข้าไปในห้องน้ำ ผมจะสามารถไประงับเหตุได้ทัน
รับได้ไหมครับ?
ยังไม่นับว่า คนกลุ่มนี้ แอบติดกล้องโดยที่คุณไม่ได้ขอ และ ไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกล้อง
ลองคิดดูเล่นๆนะครับว่าคุณรู้มั้ยว่าใครอ่านข้อมูลคุณ วางใจได้แน่เหรอ ถ้าเกิดในองค์กรมีพวกโรคจิตสักคนที่แค่อยากแอบเข้ามาตามติดชีวิตคุณ รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร คิดอะไร แล้วหาจังหวะมาจับตัวคุณไปสนองความโรคจิตของมัน หึหึ
แล้วอย่าคิดว่าเป็นแค่นิยายนะครับ ถ้ามีข้อมูลในมือขนาด prism เป็นผมก็อยากทำ หึหึ
เสรีภาพและความเป็นส่วนตัวไม่ใช่เรื่องเล็กครับ แต่เราจะโหยหามันในวันที่เราได้รับผลกระทบจากการไม่มีมัน
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
โดยส่วนตัวแล้ว เรื่องจะเอาข้อมูลไรไปใช้ ผมไม่เคยกังวลอะไร.. เพียงแค่ขอให้บอกกันล่วงหน้าแบบชัดๆ และหากจะเอาข้อมูลมาทำไรกับผม ผมต้องขอเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยเช่นเดียวกัน รึจะทำไงก้อได้ให้มั่นใจว่าข้อมูลที่นำมาใช้นั้นถูกต้องครบถ้วนไม่ถูกตัดต่อบิดเบือน
แต่นี่.. มีซักกี่รายที่รุว่าถูกเอาข้อมูลไป ?
ปล. ในแง่ผู้ใช้เองก้อต้องระวังเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลเช่นกัน พยายามอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่นโดยไม่จำเปน.. มีปฏิสัมพันธ์กับใครก้อมองเปน circle ไป ข้อกำหนดการเผยข้อมูลก้อเปนไปตาม circle นั้นและไม่เผยแพร่ข้อมูลข้ามวงไปมาโดยพละการ
หวัใจคือ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่กลัวเพราะไม่เคยทำชั่ว
แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณอ่ะครับ ถ้าเขาเอาข้อมูลของคุณไปทำชั่วล่ะ?
^
^
that's just my two cents.
มีสองเรื่องนะครับ
ดูแล้วทำไมไม่บอกตรงๆ ว่าดู ทำไมไม่ทำให้โปรงใสว่าใครดูตอนไหนได้บ้าง
รัฐดูได้ รัฐนี่คือใครครับ รัฐไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึกซะหน่อย สิ่งที่อ่านที่ดูข้อมูลของคุณคือตัวแทนของรัฐบาล อาจจะเป็นคนข้างบ้าน เพื่อนตอนเด็ก คนที่มีญาติทำธุรกิจคู่แข่งกับคุณ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเค้าจะไม่เอาข้อมูลของคุณไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ประเด็นหลักคือความโปร่งใสล่ะครับ จะดูก็บอกกันตรงๆ ทำประชาพิจารก็ได้ว่ามีคนอยากให้ดูได้มากกว่าไม่อยากให้ดูจริงรึเปล่า ที่สำคัญคือ ให้ใคร ระดับไหน ดูได้บ้าง
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ไม่เคยทำอะไรชั่วร้ายแล้วหวงความเป็นส่วนตัวนี่แปลกเหรอครับ
ถ้าใช้ตรรกะของคุณที่บอกว่า คนที่หวงข้อมูลคือคนที่เคยทำอะไรชั่วร้าย
และคุณไม่เคยทำอะไรชั่วร้าย
งั้นคุณช่วยลง ชื่อ นามสกุลจริง ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เลขบัญชีธนาคาร และรูปถ่ายของคุณไว้ตรงนี้ได้ไหมครับ
อ่านจากความเห็นของแต่ละคน สรุปได้ว่าทุกคนมอง "รัฐ" เป็นแค่โจรที่จ้องจะขโมยข้อมูลประชาชนไปทำเรื่องชั่วๆ โอเค ผมไม่ใช่คนโลกสวย ยังไงก็ต้องยอมรับว่ามีคนชั่วปะปนในองค์กรแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ 100% และคงไม่ถึงกับป็นส่วนมากขององค์กร อีกอย่าง กลับไปอ่านข้อมูลของโครงการ PRISM ให้ดีๆก่อนเถอะครับว่าเขาเก็บข้อมูลอะไรบ้าง จากไหนบ้าง เห็นบางท่านมา reply แบบอวดชั่วอวดฉลาดจะขอติดกล้อง ขอข้อมูลนั่นนู่นนี่ เห็นแล้วตลกดีครับ
พูดได้ดีครับ ผมเองก็ยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่า "โครงการ PRISM" มีแนวความคิดหลัก และ รายละเอียดจริงๆ อย่างไร?
เห็นแค่ website หลักๆ ในโลก online ออกมาแสดงความ ไม่เห็นด้วย ก็เลย เห็นด้วยตามๆ กันไป...
prism เป็นโครงการที่ทำให้ nsa สามารถขอข้อมูลอะไรก็ใด้เท่าไร่ก็ใด้ จาก บ. ที่ทำธุรกรรมกับ usa
ที่รู้ว่าเข้าร่วมก็มี apple, google(รวม gmail), microsoft(รวม hotmail), yahoo(รวม yahoo mail), facebook, dropbox, skype, verizon เป็นต้น)
สามารถเก็บข้อมูลเช่น เราโทร์ไปหาใคร, ไช้เวปทำอะไร, search อะไร, ขอไฟลที่อยู่ใน cloud storage เป็นต้น โดยเจ้าของกิจการห้ามเปิดเผยข้อมูลว่าโดนดูดข้อมูลอะไรไปบ้าง รวมการขอให้ดัดแปลงระบบเพื่อให้ สามารถดึงข้อมูลใด้ง่ายขึ้นด้วย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่รู้ว่าคุณว่าใครอวดฉลาดนะครับ แต่
ตรรกะของคุณมันขัดกันเองครับ คุณบอกว่า คนหวงข้อมูลส่วนตัวเป็นคนชั่วร้าย แบบนั้นคุณไม่คิดบ้างเหรอครับว่าถ้ารัฐไม่ได้ชั่วร้าย เค้าไม่ควรจะแอบขโมยข้อมูล แต่ควรบอกกับประชาชนอย่างเปิดเผยว่าเขาเก็บข้อมูลอยู่นะ ผมไม่ได้บอกว่ารัฐดีหรือไม่ดีนะครับ แค่อ้างอิงตามตรรกะของคุณ
ผมคิดว่าคนที่คิดว่า การหวงข้อมูลของตัวเองคือชั่วร้าย แต่การโกหกและปิดบังข้อมูลของตัวเองเพื่อขโมยข้อมูลของผู้อื่น เป็นเรื่องที่รับได้ นี่มีวิธีคิดที่แปลกดีนะครับ
มีคนชั่วปะปนในองค์กรแน่นอน แต่ไม่ใช่ 100% และไม่ใช่ส่วนมาก นั่นก็ใช่ครับ แต่แม้เพียงคนชั่วแค่คนเดียว เอาข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่ดี ก็จบแล้วครับ หรือคุณคิดว่า ต้องมีหลาย ๆ คนเอาข้อมูลไปใช้ก่อน ถึงจะเกิดปัญหา ถ้าแค่คนเดียวไม่เป็นไร
นี่ยังไม่นับเรื่องที่ว่า ทางรัฐบาลเอาข้อมูลไปแล้ว จะเก็บได้ดีแค่ไหน อาจจะมีหลุดออกมาทางใดทางหนึ่งให้คนไม่ดีจากภายนอกเอาไปก็เป็นได้ อีกนะครับ เพราะขนาดข้อมูลเรื่องโครงการลับ ยังหลุดมาได้ แล้วคิดว่าข้อมูลส่วนตัวของประชาชน จะไม่มีโอกาสหลุดเลยหรือ
ก่อนโครงการนี้จะถูกแฉ มันถูกเก็บเป็นโครงการลับไม่บอกต่อประชาชน คุณคิดว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในตอนนี้ เป็นข้อมูลทั้งหมดทุกอย่างของโครงการแล้วจริง ๆ ไม่มีหมกเม็ด ไม่มีอะไรถูกปิดบังแล้วจริงหรือครับ ไม่รู้ว่าผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไหม แต่เชื่อว่าคนเราปิดบังเรื่องนึงได้ ก็อาจจะปิดบังเรื่องอื่นได้อีกครับ
ข้อมูลที่ผมเรียก ไม่เกินไปกว่าที่ PRISM ดึงไปได้แน่นอนครับ ถึงแม้จะนับแค่เฉพาะสิ่งที่ถูกเปิดเผยออกมาตอนนี้ก็ตาม คุณอ่านข้อมูลมาดีแค่ไหนครับ ถึงกับบอกให้คนอื่นไปอ่านใหม่
คุณยังไม่ตอบประเด็นเรื่อง ที่ว่าคนหวงข้อมูลส่วนตัวเป็นคนชั่วร้าย ด้วยนะครับ ทั้ง ๆ ที่คุณก็บอกว่าคุณไม่เคยไปทำอะไรชั่วร้าย แต่คุณหวง ไม่กล้าเปิดเผยเหมือนกัน
และผมมีคำถามส่วนตัวอีกหนึ่งคำถาม
สมมุติว่า โครงการ PRISM นั้นแค่แอบดัก ชื่อ นามสกุล ส่วนสูง และน้ำหนักของประชาชน ไม่ได้ดักข้อมูลอะไรอย่างอื่น และรัฐก็ไม่ได้จะเอาไปทำอะไรไม่ดีเลย แค่เอาไปเก็บไว้เฉยๆ แล้วทุกคนในรัฐก็เป็นคนดี 100% ด้วย
คุณจะคิดว่าสิ่งที่รัฐทำมันเป็นสิ่งที่ถูกไหม
สำหรับผม หากใครละเมิดสิทธิของผู้อื่น แม้ผู้ถูกละเมิดจะได้ไม่เดือดร้อน แต่หากเป็นการกระทำที่ผู้ถูกละเมิดไม่ได้ยินยอม ผมก็นับเป็นการทำเรื่องไม่ดีครับ
ตรงไหนที่บอกว่า "คนหวงข้อมูลส่วนตัวเป็นคนชั่วร้าย" เหรอครับ ? ถ้าอ่านภาษาไทยให้แตกฉานไม่ได้ก็คงคุยกันยากนะครับ เสียเวลาอธิบายเปล่าๆ
ที่มา
ขอบคุณครับที่ช่วย quote มาให้
ผมเห็นคนอื่น ๆ รวมถึงตัวผมเองเปิดประเด็นไว้เยอะนะครับ เขาแทบไม่ตอบซักประเด็น เห็นที่ตอบก็แค่เรื่อง PRISM ทำอะไรได้บ้าง กับ คนในรัฐไม่ได้แย่ 100%
ส่วนที่เหลือมีแต่เรื่องพวก
ไล่คนกลับไปอ่านข้อมูลใหม่ดีๆ
อวดชั่วอวดฉลาด
อ่านภาษาไทยไม่แตกฉาน
ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ
คนที่ไม่มีสำนึกเรื่องความเป็นส่วนตัวแบบคุณก็คงคิดได้แค่นี้ล่ะครับ
เหตุผลอื่นๆความเห็นก่อนหน้านี้ก็อธิบายกันมาสักยืดยาวก็ลองอ่านดูบ้างนะครับ โลกจะได้ไม่แคบ
ไม่เห็นด้วยอีกคน เพราะผมชอบมีความลับ
ผมว่าอันตรายพอๆ กับ เจ้าหน้าที่ IT ที่คอย Track หรือ แอบดูข้อมูลส่วนตัวของพนักงานในองค์กร แบบ "เฉพาะเจาะจง"
ผม "สงสัย" เฉพาะพวกที่กลัว "เกินเหตุ" อ่านดีๆหน่อย หรือคุณคือคนที่กลัวเกินเหตุ ? คงไม่มั้ง
เอาเป็นว่า โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า "สังคม" ไม่มีทางมอบ "ความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ" ให้แก่สมาชิกในสังคมได้มาตั้งแต่แรกแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่สมาชิกแล้วล่ะว่าจะเอายังไง ยอมรับได้ถึงขั้นไหน เมื่อไหร่จะประท้วงและก่อการปฏิวัติ
แล้วถ้าสังคมได้สร้างระบบหนึ่งขึ้นมา ระบบนั้นทำให้สมาชิกในสังคมสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปในระดับหนึ่ง แต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิก ทั้งยังสร้างความปลอดภัยให้แก่สังคมมวลรวม เช่นนี้แล้วสมาชิกควรจะยอมรับระบบดังกล่าวรึเปล่า ?
ถ้ายอมรับได้ แล้วมีคนชั่วในองค์กรเอาข้อมูลจากระบบมาใช้กระทำความผิด ตกลงมันเป็นความผิดของ "บุคคล" หรือเป็นความผิดของ "ระบบ" ?
ถ้ายอมรับไม่ได้ ขั้นต่อมาก็คือประท้วง เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ปฏิวัติ ฯลฯ ตามแต่ระดับความยินยอมของรัฐ แล้วผลลัพธ์หลังจากนั้นล่ะ ? ในเมื่อระบบดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยของสังคม ? ถ้าสังคมถูกคุกคาม สมาชิกจะเปลี่ยนใจรึเปล่า ? หรือปล่อยคนอื่นตายช่างมัน ฉันมีความเป็นส่วนตัวแล้ว ฉันสบายใจ ? ไม่รู้สิ เรื่องนั้นต้องรอดูกันต่อไป
ประเด็นสุดท้าย ในเมื่อคุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของระบบ(ซึ่งไว้วางใจได้) แล้วผมจะให้ข้อมูลไปทำเกลืออะไรล่ะครับ
ผมสำนึกและเข้าใจเรื่องความสำคัญของความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วงครับ แต่ในกรณีนี้สำนึกของผมมองว่าความปลอดภัยของสังคมสำคัญกว่า เพราะผมเลือกที่จะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของระบบมีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้เป็นส่วนมาก ว่าเขาจะไม่นำข้อมูลเหล่านั้นมาทำอันตรายต่อสมาชิกในสังคม หรือถ้ามีคนส่วนน้อยเอาข้อมูลไปกระทำความผิด มันก็เป็นเรื่องของความผิดส่วนบุคคล
และท้ายสุด นี่คือ "ความคิดเห็นส่วนตัว" ของผมครับ :)
คำตอบตามคาด
เอ้า สงสัย ก็สงสัย ครับ
ผมสงสัยว่า ใครบางคนคงจะโง่มาก ๆ จนไม่เข้าใจเรื่องการตีความภาษาไทย หรือไม่ก็หน้าด้านมาก ๆ จนกล้าแถข้าง ๆ คู ๆ
แต่คงไม่ใช่คุณหรอก คงไม่มั้ง
ผมแค่สงสัยนะครับ แล้วก็ไม่ได้เจาะจงใครด้วย ใครที่คิดว่าผมด่าคนอื่นก็อ่านดี ๆ หน่อย :)
สังคมไม่มีทางมอบความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว
ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าสมาชิกในสังคมจะเอายังไง ก็ถูกต้องครับ
แต่นั่นเป็นกรณีที่ถ้าเขาได้รับรู้ เขาจึงจะได้สิทธิ์ในการเลือก
การแอบละเมิดสิทธิส่วนบุคคล มันเป็นคนละเรื่องเลยครับ
คำถามต่อมา ผมตอบไปแล้วนะครับว่า "สำหรับผม หากใครละเมิดสิทธิของผู้อื่น แม้ผู้ถูกละเมิดจะได้ไม่เดือดร้อน แต่หากเป็นการกระทำที่ผู้ถูกละเมิดไม่ได้ยินยอม ผมก็นับเป็นการทำเรื่องไม่ดีครับ"
คำถามที่สาม มันเป็นความผิดของบุคคล ในการเอาข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดครับ แต่
ในกรณีของโครงการ PRISM นี้ มันเป็นความผิดของระบบครับ
เพราะ "ระบบ" มันได้ แอบขโมยข้อมูลไป โดยไม่ให้สังคมรับทราบ
ถ้าวันนึงมีข้อมูลหลุดไป คนที่ถูกเอาข้อมูลไปก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลหลุดไปทางไหน จะไปดำเนินคดีกับใคร
คำถามที่สี่ ยังต้องรอดูอีกหรือครับ ผลก็เห็นกันอยู่แล้ว ถ้าคุณอ่านข่าวเยอะ ๆ คุณก็จะรู้ว่า ผู้ก่อการร้ายฆ่าคนอยู่ทุกวันครับ แล้วสมาชิกในสังคมเขาเลือกจะยอมรับโครงการนี้หรือต่อต้านล่ะครับ?
ประเด็นสุดท้ายของคุณ ถึงแม้ว่าคุณจะแค่ สงสัย จริง ๆ ไม่ได้มีเจตนาจะพูดกระทบใคร ตรรกะคุณก็แปลกอยู่ดีครับ
คุณเห็นคนหวงข้อมูลส่วนตัวเกินเหตุ คุณสงสัยว่าเขาทำอะไรชั่วร้ายไว้หรือเปล่า
แต่พอคุณเห็นรัฐแอบขโมยข้อมูล แทนที่จะเปิดเผยว่าเก็บข้อมูล คุณกลับไม่สงสัยว่ารัฐเอาไปทำอะไรชั่วร้ายหรือเปล่า แต่กลับเชื่อว่ารัฐจะต้องเอาไปทำสิ่งดี ๆ แน่ ๆ โดยไม่สงสัย
และก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่นำข้อมูลไปทำอันตรายต่อสมาชิกในสังคม
ผมก็ยังคิดว่าวิธีคิดของคุณแปลกอยู่ดีนะครับ ฝ่ายที่ยังไม่ทำผิด คุณไปสงสัยเค้า แต่ฝ่ายที่ทำผิดแล้วโดนแฉ คุณกลับไม่สงสัย งงเลยนะเนี่ย
ผมไม่เข้าใจคำว่า เกินเหตุ ของคุณซะด้วยซ้ำ
คุณไล่คนอื่นกลับไปอ่านข้อมูลใหม่ เหมือนจะบอกว่าคุณรู้ข้อมูลดีแล้ว ( จะมาบอกว่า "ผมไม่ได้พูดซักคำว่าผมอ่านมาแล้ว ผมแค่บอกให้คนอื่นไปอ่านใหม่เฉย ๆ" อีกมั้ยครับเนี่ย )
แล้วคุณรู้มั้ยครับว่าโครงการ PRISM เก็บข้อมูลอะไรบ้าง
ผมบอกไว้ตรงนี้เลยก็แล้วกันครับว่า
โครงการ PRISM เก็บข้อมูล
ชื่อ นามสกุล
email
เบอร์โทรศัพท์
วันเดือนปีเกิด
เพศ
ที่อยู่
ตำแหน่งที่อยู่ในขณะนั้น
การศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงาน และชื่อบริษัท
สัญชาติ เชื้อชาติ
โครงสร้างสมาชิกในครอบครัว
ศาสนา
บทสนทนา ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ข้อความเสียง หรือข้อความวีดีโอ
ไฟล์รูปภาพ
ไฟล์วีดีโอ
ข้อมูลที่เก็บไว้
ข้อมูลที่ส่งผ่าน VoIP
ไฟล์ที่ส่งออกไปหาผู้อื่น
การประชุมผ่านอินเตอร์เน็ต
Internet Activity
และสามารถเรียกขอข้อมูลอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้เพิ่มเติมได้อีกในภายหลัง
โดยเก็บข้อมูลจาก
Microsoft
Google
facebook
YouTube
Skype
Yahoo
Apple
AOL
PalTalk
ถึงแม้ว่าข้อมูลส่วนที่อยู่ครึ่งบนของเส้นแบ่ง ----- ที่ผมคั่นไว้ จะเป็นข้อมูลที่ให้ผู้ใช้เป็นผู้กรอกเอง
แต่คนส่วนใหญ่ที่เขาไม่ได้หวงข้อมูล"เกินเหตุ"เขาคงใส่ ๆ ข้อมูลลงไปเพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาแอบขโมยข้อมูลของเขาไปหรอกครับ
และท้ายสุด นี่ก็ต้องเป็น "ความคิดเห็นส่วนตัว" ของผมอยู่แล้ว
คงไม่มีใครที่สามารถแสดง "ความคิดเห็นส่วนรวม" แทนสังคมได้อยู่แล้วครับ ( แต่ไม่รู้ทำไมโครงการบางโครงการถึงได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันดีแล้ว แล้วแอบนำมาใช้กับสังคมโดยไม่คิดจะฟังความเห็นของประชาชนก่อนเลยก็ไม่รู้ )
เอาอะไรมาวัดว่าเกินเหตุไม่เกินเหตุครับ? มาตรฐานมีไหม?
หรือวัดเอาจากความรู้สึกของคุณเอง?
หวงความเป็นส่วนตัวก็คือหวงความเป็นส่วนตัว จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นจะใส่ใจกับเรื่องตรงนี้แค่ไหน
คุณไปว่าเขาหวงมากแล้วแสดงว่าปกปิดความชั่วอะไรไว้นั้นไม่ได้นะ มองคนอื่นแคบเกินไปครับ
^
^
that's just my two cents.
พื้นฐานอยู่ร่วมกันในสังคม มีข้อกฏหมายมาบังคับ ข้อกฏหมาย คุณทราบแล้วทำผิดก็โดนลงโทษ แล้วไอ้ระบบอะไรนี้ เขาแจ้งให้คุณทราบหรือเปล่า ทำแบบตรงไปตรงมาสิ แจ้งมา สารธยาย ว่าดีไง ก็ยอมรับ หรือไม่ก็บังคับใ้ช้ไป ไม่ใช่มาแอบทำ
และท้ายสุด นี่คือ "ความคิดเห็นส่วนตัว" ของผมครับ :)