มีรายงานจาก FOSS Patent ว่า แอปเปิลกำลังพิจารณาที่จะเรียกเก็บค่าใช้งานสิทธิบัตรจากซัมซุง ในอัตรา 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเครื่อง โดยยึดจากยอดขายอุปกรณ์ Samsung Galaxy ทั้งโทรศัพท์และแท็บเล็ตทุกรุ่นและทุกเครื่อง
ทั้งนี้เป็นเพราะจากคำตัดสินก่อนหน้านั้น แอปเปิลดูจะไม่พอใจมากกับคำสั่งที่ศาลตัดสินออกมา ว่าให้ยกเลิกคำร้องในการขอแบนการนำเข้าอุปกรณ์ Samsung Galaxy จำนวน 23 รุ่น ที่ละเมิดสิทธิบัตรของบริษัทจำนวน 5 ใบ รวมถึงต้องการกดดันให้ซัมซุงเพิ่มราคาอุปกรณ์ให้สูงขึ้นจากเดิม เพื่อให้ลูกค้ามีอีกเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจที่จะเบือนหนีจากอุปกรณ์ Galaxy นั่นเอง
ทั้งนี้ FOSS Patent ระบุว่า ในราคาต่อเครื่องที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น ดูจะแพงเกินไปอย่างมาก เพราะปกติที่เรียกเก็บกันนั้นจะอยู่ราวๆ 8-10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเครื่อง ดังนั้นถ้าแอปเปิลเก็บในอัตรานี้จริง ก็จะทำให้แอปเปิลสามารถทำกำไรได้สูงถึง 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยอดขายอุปกรณ์ต่อเครื่องเลยทีเดียว และนั่นก็ดูจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบเกินไปพอสมควรนั่นเองครับ
ที่มา - Cult of Android
Comments
หน้าเลือดเกินไป ที่ละเมิด เขาหละ แต่ผมก็ไม่เดือดร้อนเพราะไม่ได้ใช้ซัมซุง
สงสัยเริ่มกังวลในศักยภาพการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองด้วย
+8.0
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ทุ่มเทพัฒนาอะไรออกมา ก็โดนก๊อปหมด ทั้ง ipod iphone ipad
ใครไม่กังวลก็ปัญญาอ่อนแล้วครับ
Trust me, I am a Wizard
+7.1
โครตเห็นด้วยครับ
Apple หากินแบบนี้ไม่เข้าท่าเลย
ถ้าลองคิดแบบใช้สมอง ผมว่า Apple เรียกเก็บเงินเพราะต้องการให้เป็นบทเรียนที่ชอบลอกชาวบ้านมากกว่า
เราต้องคิดดูว่า Apple มีเงินในมือมากมายขนาดไหน แค่เศษเงินจาก Galaxy คงไม่ได้อยากได้จริงจังหรอกมั้ง
ครับ แหม่ พ่อพระครับ แอปเปิ้ล
40เหรียญต่อเครื่องนี่ซื้อวินโดวส์ไปติดเครื่องได้นะครับ สำหรับ OEM
ที่ผมเดาคือ apple ไม่ใด้ $30-$40 หรอก Samsung จะยอมให้โดนฟ้อง แล้วก็จะเลี่ยงสิทธิบัตรในมือถือเครื่องถัดไป
หลังการฟ้องหลายปี apple ก็จะใด้ตังไม่ถึง $30 ต่อเครื่องอยู่ดี สุดท้ายสิทธิบัตรที่ไช้ฟ้องก็จะหมดลง
ต้องไม่ลืมว่า apple เคยเรียกเงิน Samsung นอกศาล 2.5 bn มีการเพิ่มสินค้าหลายรายการ มีการเพิ่มสิทธิบัตรด้วย ผลคือวันนี้ ยังไม่ถึง 1bn เลย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่ทราบว่าเป็นพ่อของประธานซัมซุงหรือเปล่า 555 รู้สึกจะรู้ทริกต่างๆ เป็นพิเศษ
มุมมองของนักธุรกิจนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าลองคิดแบบใช้สมอง ผมคิดว่าที่เด็กฆ่าพ่อแม่และน้องเพราะต้องการให้เป็นบทเรียนที่ชอบดุด่าว่าตนมากกว่า
ผมยกตัวอย่างข้างต้น เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า การกระทำที่มีเหตุผลบางอย่าง ก็ไม่ควรเป็นที่ยอมรับครับ(not every action with reasons should be acceptable)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมว่ามันไม่เกี่ยวกันซักนิดนะครับ !!!
โยงไปมั่วเลย
เอิ่ม ผมบอกตรงไหนว่ามันเกี่ยวกันครับ? ลองอ่านทั้งหมดใหม่ดีๆนะครับ? หรือถ้าสรุปไม่ได้ก็จะสรุปให้ครับ
การที่ Apple คิดราคาแบบ overprice(4x of reasonable price) แล้วมาบอกว่าผมคิดราคานี้เพราะมีเหตุผลดังนี้ ต้องดูนู่นดูนี่ แล้วสรุปเอาว่าราคาแบบ overprice ที่ตนคิดนั้นเหมาะสมแล้ว เป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้
จบนะครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ฉลาดน้อยได้อีก
ถ้าคิดว่าไม่เกี่ยวกัน ก็ไม่ควรยกมาเทียบกันตั้งแต่แรกแล้วครับ
Trust me, I am a Wizard
ผมว่ามันเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างดีนะครับ :)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เขาเรียกตรรกะวิบัติครับ หยาบหน่อยก็ F. Logic
มันแสดงให้เห็นถึง fallacy ของคอมเม้นที่ผม reply ดีหน่ะครับ หลักการเดียวกัน ;)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แถไปเรือยสินะ
ใช้ตรรกยะโลกไหนโยงเหรอครับ?
ลองอ่านทั้งหมดใหม่ดีๆนะครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
"ถ้าลองคิดแบบใช้สมอง ผมคิดว่าที่เด็กฆ่าพ่อแม่และน้องเพราะต้องการให้เป็นบทเรียนที่ชอบดุด่าว่าตนมากกว่า
ผมยกตัวอย่างข้างต้น เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า การกระทำที่มีเหตุผลบางอย่าง ก็ไม่ควรเป็นที่ยอมรับครับ(not every action with reasons should be acceptable)"
จากตรรกะคุณผมสรุปได้ดังนี้ครับ
-การกระทำที่มีเหตุผลบางอย่าง < การฆ่าพ่อแม่และน้องเพราะต้องการให้เป็นบทเรียนที่ชอบดุด่าว่าตน เป็นสิ่งที่มีเหตุผล
-นั่นคือคุณมองการกระทำแบบนี้อยู่บนหลักเหตุและผลสินะครับ?
-ทั้งนี้จำเลยคดีนี้เองก็บอกเองว่าทำไปเพราะอารมชั่ววูบ
-จากคำจำกัดความที่คุณโยงมา อารมชั่ววูบ = เหตุผล ซึ่งหากมีเหตุผล ก็เท่ากับไตร่ตรองแล้ว ดังนั้น อารมชั่ววูบ = ไตร่ตรองแล้วสินะครับ
-และแสดงว่าคุณก็คิดว่าเป็นเรื่องปรกติที่คุณจะฆ่าใครก็ได้ ถ้าเค้ามาด่าคุณสินะครับ เพราะคุณมองว่าเรื่องพวกนี้มีเหตุผล
ผมเข้าใจถูกมั๊ยครับ?
ขอแทรกนิดนึง
ผมว่าไม่ใช่นะครับ มีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองแล้ว เหตุและผลเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องไตร่ตรองครับ
อารมณ์ชั่ววูบ ไม่ใช่ไตร่ตรองแล้วครับ อารมณ์ชั่ววูบเป็นเหตุของผลที่เกิดขึ้น
ส่วนอื่นผมไม่มีความเห็น
อารมณ์ชั่ววูบก็ถือเป็นเหตุผลของคนให้ครับ
การให้เหตุผลของ'คนๆหนึ่ง'หรือ'กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง' ไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุผลที่ดีและยอมรับได้ในสังคมนั้นๆครับ 'เหตุผล'(reason) ที่ผมหมายถึง คือคำตอบของคำว่า Why ไม่ใช่'เหตุผลในเชิงตรรกะ'(logic)
Why did you kill your parent?
Because they made me angry.
Why do Apple request such overpriced damages?
Because they want to give Samsung a lesson.
ทั้งนี้จำเลยคดีนี้เองก็บอกเองว่าทำไปเพราะอารมชั่ววูบ -> อารมณ์ชั่ววูบอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เด็กฆ่าคนนะครับ เด็กไม่ได้คิดอยากจะฆ่าก็ฆ่าเลย มันมีเหตุที่ทำให้เด็กทำเช่นนั้น เด็กมีการวางแผน มีการเตรียมพร้อม เด็กมีเหตุผลของเด็ก แต่เหตุผลของเด็ไม่ใช่สิ่งที่จะมาค้านการกระทำของเด็กว่า 'เป็นการกระทำที่ดีและถูกต้องแล้ว'
และแสดงว่าคุณก็คิดว่าเป็นเรื่องปรกติที่คุณจะฆ่าใครก็ได้ ถ้าเค้ามาด่าคุณสินะครับ เพราะคุณมองว่าเรื่องพวกนี้มีเหตุผล ->
ลองอ่านข้อความนี้ใหม่นะครับ "ผมยกตัวอย่างข้างต้น เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า การกระทำที่มีเหตุผลบางอย่าง ก็ไม่ควรเป็นที่ยอมรับครับ(not every action with reasons should be acceptable)"
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมเข้าใจประเด็นนะครับ แต่ตัวอย่างดูจะรุนแรงไปซักหน่อย เพื่อนสมาชิกหลายๆท่านก็เลยรู้สึกว่าเหมือนจริงๆไม่ได้เน้นไปที่ประเด็นเรื่องเหตุผล ผมคิดแบบนั้นนะ
ครับผม ผมดึงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและเนื้อหาที่เอามาเพื่อให้สรุปได้ง่ายๆหน่ะครับ ไม่ได้คิดถึงเรื่องความรุนแรงเท่าไหร่ อันนี้ผมคงผิดเอง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมเข้าใจประเด็นที่คุณจะสื่อครับ แต่ตัวอย่างมันดูน่ากลัวไปหน่อย
เพราะตัวอย่างนี้มันน่ากลัวและเพิ่งเกิดขึ้นเลยสามารถเปรียบเทียบได้ชัดและเข้าใจตรงกันไงครับ ถ้าตัวอย่างเบากว่านี้เดี๋ยวความเห็นแตกกันอีก :p
ผมก็เข้าใจประเด็นที่คุณสื่อนะ
คุณก็แค่จะแสดงถึง fallacy แค่นั้นเอง ผมไม่เข้าใจว่าสมาชิกท่านอื่น ๆ จะใช้คำพูดรุนแรงกันไปทำไม
บ่อยครั้งที่บ้านเราใช้คำว่า "มีเหตุผล" โดยให้ความหมายเท่ากับ (ใกล้เคียง) คำว่า "ถูกต้อง" และ/หรือ "ยอมรับได้"
ตัวอย่างที่ @McKay ยกมา (ลูกทำมาตุฆาต) บ้านเราถือว่าเป็นเรื่องที่ "ไม่ถูกต้อง" เมื่อ "ไม่ถูกต้อง" จึง "ไม่มีเหตุผล" เมื่อ "ไม่มีเหตุผล" ก็ถือว่า "ยอมรับไม่ได้" แต่การกระทำของ Apple "มีเหตุผล" มันจึง "ถูกต้องและยอมรับได้" (ตามคติของบ้านเรา)
ผมเดาว่า หลายท่านลืมอ่านวรรคที่สองของความเห็น หรือไม่ทันได้พิจารณาจนเป็นเหตุดราม่า
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
อธิบายกันยาววว
ผมว่า คห.นี้สรุปประเด็นได้สั้นเข้าใจง่ายสุดละ
ส่วนสำหรับผม
ใช่ครับต้องดูว่าเหตุผลนั้นมันดูแล้วสมเหตุสมผลหรือเปล่า
เศษเงิน? ลองถามผู้ถือหุ้นก่อนดีไหม
สงสัย 5C ขายไม่ออก เลยต้องหาเงินมาโป๊ะ :P
The five patents relate to aspects of unified search, data synchronization, slide-to-unlock, autocomplete, and a feature that turns phone numbers into tappable links.
จ่ะ Apple OK จ่ะ 'นวัตกรรม'ของพ่อยิ่งใหญ่สมราคามากจ่ะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
auto complete ก็โดนรึนี่ -_-
เรื่องกะโหลกกะลาแค่นี่เองเหรอ (ทำเสียงฟ้องครูอังคณา)
โห นวัตกรรมกากๆแค่นี้ยังไม่มีปัญญาคิดเอง ยังต้องลอกอีก
SSนี่ บริษัทใหญ่โตซะเปล่า โคตรต๊ิะติ๊งโหน่งเลย
Trust me, I am a Wizard
โคตรต๊ะติ๊งโหน่ง แปลว่าอะไรครับ
ใครเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า "ข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง" บ้างคะ
ผมว่าตอนนี้ Apple กำลังกังวลมาก ที่จริงยี่ห้ออื่นๆ ก็ออกแบบแนวเดียวกับ Apple ทั้ง lenovo และ Sony แต่ทำไมต้องซัมซุง
นวัตกรรม
apple เคยปรามาส ว่า บริษัทนี้ ผลิตได้แต่สินค้า กอบแกบ พลาสติกราคาถูก แต่นั้นมันเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่การเปิดตัว note 1 ซัมซุงพยายามพัฒนานวัตกรรมตลอด ทั้งด้านการออกแบบ และ เทคโนโลยี คุณลองเอาซัมซุง 5 ปีมาเรียงต่อกันก็ได้แล้วคุณจะร้องอ๋อเลยหละ เมื่อเทียบกับ apple แล้วผมคิดว่า บริษัทไหนสมควรที่จะโดนด่าว่า ไร้นวัตกรรม
ล่าสุดซัมซุงเพิ่งเปิดตัว gear 2 กับ fit
apple killer มันออกแบบมาดี ดีเกินคาด ใช้งานได้จริงและราคาไม่น่าจะแพงไปกว่า 6900 บาท ในขณะที่ apple พูดถึงเรื่อง นาฬิกาอัจฉริยะมากว่า 2 ปี แต่ไม่มีวี่แววให้เห็น ในขณะที่คู่แข่ง ออกไปแล้ว 2 รุ่น
ตอนนี้ผมว่า หากซัมซุง เรีบกเก็บ ค่าต๋ง จาก Device ที่ใช้สวมใส่ได้
Apple เจ็บตัวมากกว่าแน่นอน
ผมว่าในภาพรวมแล้ว Apple ก็ยังพัฒนาเทคโนโลยีมากกว่า Samsung อยู่นะครับ แต่อาจจะไม่ใช่ใน aspect ที่คนสัมผัสได้
และผมเป็นกังวลต่อโลกไอทีและอุตสาหกรรมในอนาคตถ้าจะมีผู้ผลิตเจ้าใดเจ้าหนึ่งเป็นเจ้าของ smartwatch
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
่มีเงินสดในมือ เป็นแสนสี่หมื่นล้านดอลล์ ต่อให้เจ็บ ก็ไม่เห็นต้องไปจำ
นี่ไม่ใช่วันที่ต้องแบมือขอเงินเกตส์เป็นร้อยล้านอีกแล้ว วันนี้มีเงินให้เกตส์ยืม!
ทุนนิยมจงเจริญ กอดเงินไว้ยังไงบริษัทก็มั่นคง
จริง ผมเห็นด้วยสุดๆอะ
Samsung เงินเยอะจะตาย ขายมันทุกอย่าง แข่งมันทุกตลาด
แรกๆเทคโนโลยี ตามแอปเปิล
Root เงินเยอะ
สรุปมันก็ยิ่งโหดเข้าไปเรื่อยๆ
ยิ่งสภาพตอนนี้ HTC ร่อแร่ Sony ไม่ไปไหน ใครจะมาหยุดยั้ง Samsung ได้ - -
Apple เองก็ก็เริ่มหยุดยั้งไม่ได้แล้ว
Samsung ต้องครองโลกแน่นอน ผมสัมผัสได้ !!!
ยังไงมันก็ต้องมีแบรนด์ทางเลือก
และยังไงผมก็ไม่คิดจะใช้ Samsung
ผมเห็นการคลอดแฝดบ่อยๆและถี่ๆ ผมไม่คิดจะใช้ซัมซุงอีกเลย
เดี๋ยวนี้ผมก็ไม่ค่อยเชียร์ใครให้ซื้อSS ตั้งแต่รู้สึกไม่ดีกับtouchwiz
พนักงานก็บริการไม่ค่อยประทับใจ แต่ก็เห็นขายดิบขายดีตลอด
ผมไม่เคยเห็นพนักงานบริการของยี่ห้อไหนในไทยบริการได้ประทับใจเป็นค่าเฉลี่ยเลยครับ นานๆ ทีฟลุ๊กเจอสักคน
ผมก็ไม่เชียร์ใครให้ซื้อเหมือนกัน แต่ผมซื้อใช้เอง เพราะ ผมเอาตัวรอดได้
และเครื่องมือ 2 มีให้เลือกเยอะ (ก็คนใช้เยอะ) แถมราคาถูกอีก
เรื่อง os ผมไม่สนรอมศูนย์อยู่แล้ว root แล้ว cm/aokp เร็วกว่ากันเยอะ
แถม communities ก็คึกคัก เพราะ คนใช้เยอะ ขนาด galaxy s ที่อายุหลายปีแล้ว
แต่ก็ยังหา rom/kernel ใหม่ๆ มาลงเล่นได้อยู่เลย
ผมยังไม่ค่อยเห็นใครใช้เลยแฮะ smartwatch เนี่ย
ประเดนที่ไม่ทำกับเจ้าอื่นเพราะ ซัมซุง เป็นเจ้าตลาดอยู่ตอนนี้ ไหนจะเรื่องคดีเก่าๆ ที่ฟ้องกันไปมา ซึ่งอาจจะทำให้ต้องเพิ่มราคาต่อเครื่องเพิ่ม ถ้าอยากจะได้กำไรเท่าเดิม พูดง่ายๆ มันก็เรื่องผัวเมียทะเลาะกันล่ะครับ หาเรื่องใส่กันตลอด มีช่องตรงไหนก็เล่นหมด
จำนวนเครื่องที่ samsung ขายไปแล้ว x 40 ไม่อยากคิดเลย ว่ามันจะมหาศาลขนาดไหน...
กะให้ลัมละลายไปเลยว่างั้น สตีฟเคยกล่าวเอาไว้
เอ่อ... ถ้าอีกหน่อย ss ขายแพงกว่าตอนนี้เครื่องละพันบาท คิดว่ามันจะกระทบยอดขายเหรอครับ สำหรับผมคิดว่าไม่นะ
ไม่ให้แบนก็เลยตั้งราคาสูงซะเลยว่างั้น หึหึ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ยัง ยัง ยังไม่หยุดอีก
Educational Technician
กดราคาอุปกรณ์ให้สูงขึ้นจากเดิม ?
ต่อไปลูกค้าก็เบื่อ
กลับไปใช้รุ่นกระดูกหมาดีกว่า -_-
เพิ่มเครื่องละพันบาท อาจจะดูไม่เท่าไหร่สำหรับเครื่องรุ่นแพงๆ
แต่เครื่องรุ่นล่างๆที่ปั๊มป์ออกมาขายเยอะๆนี่สิน่าจะกระทบหนักถ้าโดนแบบนี้
ทำไมผมมองว่า คนขี้ลอก ไม่สมควรได้รับความเห็นใจทุกกรณี นะครับ !!!!!!
เอาของเขามาทำหน้าด้านๆ แล้วมาดราม่า
เขาเตือน เขาฟ้อง ไปหลายรอบก็ไม่รู้จักสำนึก
ไม่เห็นน่าเห็นใจเลยซักนิดเดียว
อารมณ์แบบ ไปลอกงานชาวบ้านมาแปะลายเซ็นตัวเองในเฟส
พอเขาจะฟ้อง ก็มาดราม่า แหม่ แค่นี้เอง ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปด้ายย ~
อย่างกได้ปะ บลาๆๆๆ
เห็นด้วยครับ ผมมองว่าคนทำผิด ไม่มีสิทธิ์ร้องขอความเห็นใจครับ
แต่ผมมองว่าการเรียกค่าเสียหายสูงเกินไปก็เป็นความผิดนึงเหมือนกัน
เรียกค่าเสียหายสูงไม่ผิดหรอกครับ ไม่ผิดกฏหมาย แค่ไม่ถูกใจคนเท่านั้น 555
+1
ความผิดนี่ไม่จำเป็นต้องผิดกฎหมายถึงจะผิดนะครับ บรรทัดฐานทางสังคมมันมีอยู่ 3 ขั้นด้วยกัน เพียงแต่ขั้นกฎหมายมันมีบทบัญญัติบทลงโทษไว้ชัดเจนครับ
ยกตัวอย่างเช่นยืนขวางประตูรถไฟฟ้าผิดไม๊ ไม่ผิดกฎหมายครับ แต่ผิดบรรทัดฐานทางสังคม โทษที่ได้รับก็คือจะโดนดูหมิ่นด้วยสายตาแปลกๆ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่ผิดครับ แค่ดูน่าเกลียดละมั้ง ถ้าได้นี้อิ่มเลย
ดูไม่ได้หวังแค่ค่าเสียหาย จากการโดนละเมิดที่ apple สูญเสียไป แต่กะเอากำไรจากเหตุการณ์นี้
ปล. จริงๆ apple ก็คงหวังเตะตัดขา ss ละนะ
ควรใส่ชื่อบริษัทด้วยครับ เพราะทั้งสองเจ้าในข่าวนี้ก็ลอกมาทั้งนั้น
อย่าลืมว่า Apple ก็ตัวลอกตัวพ่อเหมือนกันนะครับ ทั้งแบบเปิดเผยและแบบไม่เปิดเผย
ไม่รู้ไม่เคยใช้ของดี
บ่องตง -> เบื่อพวกผู้ถือหุ้น แม่ยก Apple และแม่ยก SS เต็มที ฝากถึงแม่ยก SS ก็ไม่ต้องแถให้มันมากเรื่อง
ที่นี่เป็นที่ของ Apple เค้าคุณอาจจะโดนฆ่าล้างโคตร ก็เป็นได้ Apple แม่ยกเค้าแรงนะ
ผมใช้ทั้ง Apple และ SS เพราะชอบลองของ ใช้ทั้งสองเจ้าก็ไม่เห็นเป็นอะไรตาย
มีเงินก็ซื้อไป ใครใคร่ใช้ก็ใช้ อย่าไปสนใจใคร ส่วนเรื่องทำธุรกกิจ ราคามันจะขึ้นก็อย่าไปซื้อสิ
ผมเห็นด้วยที่ apple จะจัดหนัก เพราะการก็อปงานคนอื่นมาใช้แต่ตัวเองไม่ต้องเสียอะไรเลย
แถมยังขายดิบขายดีหน้าตาเฉย ไม่ควรได้รับความเห็นใดๆครับ
ผมรู้สึกแปลก ๆ กับประโยคนี้ครับ
"รวมถึงต้องการให้ซัมซุงกดราคาอุปกรณ์ให้สูงขึ้นจากเดิม"
กดให้สูงขึ้น
เห็นด้วยว่าไม่ควรละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ก็ไม่คิดว่า 40$ นั้นเหมาะสม
ผมว่า ถ้าจะให้อุตสาหกรรมมันไปต่อกันได้น่าจะทำ Cross licensing กันนะปัญหาเรื่องนี้มันจะได้ดีขึ้น
แต่อย่างว่า ในมุมมองผม apple คงกะสกัดคู่แข่งมากกว่าเพราะตัวเองเล่นตลาดระดับกลางไม่เก่ง เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วมือถือที่เล่นตลาดกลาง มันตีตลาดได้ดีกว่ามือถือระดับสูง อยู่ละดูจากตลาดรถยนต์ ที่ โตโยต้า สามารถทำได้ก็จะพอเห็นภาพ
ปล.ใช้ 5S อยู่เพราะมีมุมมองว่า มือถือขอสเถียรๆ ใช้งานเวลาฉุกเฉินได้แพงหน่อยไม่เป็นไร
apple จะขอไปคนเดียว เลยไม่คิดจะ Cross licensing แต่ไม่หนำใจยังจะเอา License มาแทงยอดอก samsung กะให้ตายคามือด้วยซ้ำ
จะผิดจะถูกก็ว่ากันตามกฎหมาย ว่ากันตามคำตัดสินของศาล กองเชียร์กองแช่งก็ควรมีเหตุผลฟังความทั้งสองฝ่าย จักรวาลจะได้ไม่วุ่นวาย :p
apple โหด กับ ซัมชุงมาก
เดียวเขาก็ไม่ผลิต จอให้หลอก
ปัจจุบัน LG เป็นคนผลิตจอให้ครับ
พูดยังกับผลิตให้ฟรีๆ ผลิตไป SS ก็ได้ตังค์ หยุดผลิต SS ก็รายได้ลดเหมือนกัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตอนซัมซุงชนะให้แบนผลิตภัณฑ์แอปเปิลก็โร่ไปฟ้องพ่อโอบาม่า
ก็ซัมซุงดันโง่เองที่ดันเอาสิทธิบัตรที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมมาฟ้องคนอื่น ก็โดนวีโต้จนเงิบไปเลยดิ
Trust me, I am a Wizard
อ่า แล้วที่แอปเปิลฟ้องรอบนี้ (unified search, data synchronization, slide-to-unlock, autocomplete) มันไม่ใช่มาตรฐานอุตสาหกรรมไปแล้วเหรอครับ?
ที่สำคัญ รอบนั้นวีโต้ด้วยเหตุผลว่า จะเกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมไอทีและการแข่งขัน นะครับ ไม่ใช่เพราะเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม
และไม่ว่าจะยับยั้งด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่ได้ลบล้างความเป้นจริงที่ว่า แอปเปิลโดน ITC สั่งแบนข้อหาละเมิดสิทธิบัตร ไปแล้ว
ถ้าจะแสดงตัวว่ารับไม่ได้กับการละเมิด ก็ควรรับไม่ได้ไม่ว่าใครเป็นคนทำครับ แต่ถ้าแค่จะอวยก็ไม่ต้องยกเหตุผลหรูหราอย่างเรื่องละเมิดสิทธิหรอก
เก็บราคาแบบ over แบบนี้เห็นได้ชัดเลยว่าพอขัดให้เอาเข้ามาขายไม่ได้ก็ใช้ราคาเป็นตัวกดดันให้เอามาขายไม่ได้สินะ..... ดูข้อเรียกร้องแล้วเหมือน apple ดูจะกังวลกับการเติบโตของ samsung มากๆเลยนะครับ
ผมไม่แน่ใจนะว่ากฏหมายอเมริกาเป็นยังไง แต่สำหรับกฏหมายไทยเท่าที่ผมเรียนมาในวิชากฏหมายในชีวิตประจำวันแล้ว การเก็บราคาสูงเกินควรนั้นไม่สามารถทำได้นะครับ เพราะการชดใช้ค่าเสียหายนั้นไม่สามารถเรียกร้องเกินกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไปได้นะครับ แอปเปิลต้องทำให้ศาลเชื่อให้ได้ว่าจำนวนที่ตนเรียกร้องนั้นเหมาะสมกับความเสียหายแล้ว ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะครับว่าจะยกเหตุผลอะไร
ผมว่ามันก็แค่ราคาเผื่อต่อรองนั่นแหละ
+1
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แหม่ข่าวเรื่องฟ้องมากันทีไร อ่านคอมเม้นสนุกกว่าตัวข่าวอีกนะเนี่ย ส่วนตัวผมมองว่า Apple เขาก็ก็อปรึเปล่า?? หลังๆมานี่ เริ่มเยอะเห็นข่าวบอก iOS8 จะมี augment reality อีก ในความคิดผมนี่ พวกสิทธิบัตรอะไรที่มันเริ่มสากลก็ยกเลิกเถอะ sync, unlock งี้ ถ้ามีคนอยากทำธุรกิจแบรนโทรศัพท์หน้าใหม่นี่ ไม่ตายเลยหรอ ๆม่มีที่ให้เกิด
ผมว่า ที่เห็นว่าเอามาจากเจ้านั้นเจ้านี้ ถ้าจะดูกันจริงๆ ก็ต้องดูว่ามันเป็นการลอกกันจริงหรือเปล่าไม่ใช่ว่าเค้ามีการตกลงกันอยู่เบื้องหลังเป็นกิจลักษณะในการขอใช้งานอะไรแบบนี้มั้ย หรือว่าใช้เทคนิคที่ต่างออกไปหรือเปล่า
เพราะผมเชื่อว่าแอปเปิลนี่เป็นปลาตัวใหญ่ที่หลายๆ เจ้าก็อยากจะตกเมื่อมีโอกาส จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแอปเปิลก็คงไม่น่าจะเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าโดยไม่มีมีการไตร่ตรองอะไรไว้ก่อนหรอกมั้งครับ
คือผมเข้าใจนะว่าเวลาจะใช้เรื่องสิทธิบัตรไรพวกนี้เขาต้องคุยกันก่อน ตกลงแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี แต่ในความรู้สึกผม ผมมองว่าเรื่องบางเรื่อง อย่างเช่นที่ผมพิมพ์ไป อะไรๆที่มันเบสิคแบบ คัดลอก ซิงค์ อะไรพวกนี้ เขาน่าจะยกเลิกสิทธิบัตรปรับกันได้แล้วนะ เพราะถ้าไม่มี แล้วมันจะมีอะไรละครับ อีกอย่างแอปเปิ้ลเขาก็ลอกนะ แต่ผมชอบตรงที่ว่าเขามีศิลปะในการทำให้มันดีขึ้นใช้ง่ายขึ้น ปรับแก้บางส่วนให้วิธีมันต่างกัน แล้วก็ทำให้เป็นของเราเลย
อยากให้ Apple ออกผลิตภัณฑ์มาสู้มากกว่าใช้วิธีแบบนี้ครับ การปกป้องสิทธิประโยชน์ของตัวเองก็ควรทำแต่ไม่ใช่เอามาใช้เป็นกลยุทธ์ในการจัดการคู่แข่ง
iPhone 5C พึ่งล้มเหลวครั้งแรกก็ไม่น่าท้อจนออกมาทำอย่างนี้เลย เป็นบริษัทชั้นนำก็น่าจะลองทำใหม่ให้มันดูดีกว่าเดิมราคาถูกกว่าเดิมเดี๋ยวลูกค้าเค้าก็หันไปหาเอง
จัดการคู่แข่งที่ก๊อปสินค้าตนเองด้วยวิธีการทางกฎหมายนี่มันผิดตรงไหน?
Trust me, I am a Wizard
ไม่ผิด แต่ถ้าใช้มุมมองผู้บริโภค การใช้กลยุทธ์กลั่นแกล้งคู่แข่งแทนที่จะออกผลิตภัณฑ์มาแข่งผู้บริโภคไม่ได้อะไรเลยในกระทำนี้ (แฟนบอยได้สะใจเท่านั้น) เป็นการขัดขวางการพัฒนาทางเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีจะก้าวหน้าได้ต้องต่อยอดมาจากของเก่า การพัฒนาใหม่ทั้งหมดย่อมมีปัญหาในการเข้ากันได้ ซึ่งผู้ที่ถือครองสิทธิบัตรก็ควรเห็นแก่ประโยชน์ต่อส่วนรวมบ้าง จะเก็บเงินก็ควรเป็นไปตามความจริงไม่ใช่นำมาเป็นเครื่องมือเอาชนะคู่แข่ง
การแข่งขันด้วยผลิตภัณฑ์ย่อมดีกับผู้บริโภคมาก เพราะจะทำให้มีผลิตภัณฑ์ดี ๆ ออกมาให้เลือก ถ้าหากใช้วิธีกลั่นแกล้งให้ฝ่ายตรงข้ามแข่งขันไม่ได้ (ต้นทุนแพงขึ้น) จนต้องออกจากตลาดไป ก็จะเกิดการผูกขาดทำให้ไม่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ถึงตอนนั้นผู้บริโภคมีแต่จะขาดทุน
ถึงว่าทำไมราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ อีก 5 ปี คงได้เห็นเครื่องละ 4-5 หมื่น
ถ้าว่ากันตรงๆ ก็คงไม่แปลกนะครับ ที่ความสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็แพงขึ้นเรื่อยๆ
อย่าลืมว่า เมื่อก่อน nokia series 88xx ก็ สี่ห้าหมื่นนะครับ
ใครจะเชื่อโนเกีย Nokia 8850 ราคาครึ่งแสน
บอกตรงๆ ถ้า Apple กับ SS มีปัญหากันนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้า Apple กับ SS แอบจับมือกัน แชร์ผลประโยชน์ร่วมนี่คงน่ากลัวกว่านะ
ข่าวแบบนี้เรียกแขกดีแฮะ ถถถถถถถ
เมื่อไหร่ซัมซุงจะเลิกก๊อปซักทีนะ บริษัทออกใหญ่โต แต่ไม่รู้จักคิดทำอะไรที่เป็นของตัวอง
Trust me, I am a Wizard
ถึงผมจะไม่ค่อยชอบเรื่องการโจมตีเรื่องสิทธิบัตรเท่าไหร่ แต่ไม่รู้เป็นไรผมแอบสะใจเล็กๆ เพราะรู้สึกได้จริงๆว่าซัมซุงจ้องแต่จะก๊อป ที่อ้างๆว่าใครก็ทำกันแบบนี้ไม่เรียกว่าสิทธิบัตร จริงๆก็ใช้อยู่ แต่ทำไมต้องทำหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จด้วย และหลายสิ่งหลายอย่างค่อยข้างจงใจมาก เข้าใจว่าเป็นการตลอด แต่ไม่รู้ซินะไม่ชอบเบย ^^
แหม่ ตั้งราคาเผื่อต่อ
สิทธิบัตรส่วนใหญ่แอปเปิ้ลก็เพิ่งจะไปซื้อมา ซื้อแบบกว้านซื่อเลยแล้วมาไล่ฟ้องคู่แข่งเอา - -"
แต่ก็นะ นี่มันโลกธุรกิจ
ใครสักคนช่วยผมฟื่นความจำที เหมือนแอปเปิ้ลก็ละเมิดสิทธิบัตรซัมซุงเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ พอซัมซุงเก็บตังเยอะๆมั่งก็ฟ้องศาลบอกไม่แฟร์ยูสอ่ะ เค้าไม่ยอม แล้วเหมือนแอปเปิ้ลเพิ่งแพ้คดีสักคดีแต่โร่ไปฟ้องโอบาม่าขอไม่ทำตามที่ศาลตัดสินนี่ หรือผมจำอะไรผิด ?
ก็ไม่ได้ห้าม ss ฟ้องกลับหนิ --"
SS ฟ้องแล้ว ชนะคดีแล้ว(แต่เป็น ITC ไม่ใช่ศาล) ไอโฟนบางรุ่นโดนสั่งแบนไปแล้วครับ
ร้อนถึงประฐานาธิบดีต้องมาวีโตยับยั้งเลยทีเดียว
อย่างว่า ถูกผิดขึ้นกับอยู่บ้านใคร ขนาดโดนตัดสินว่าผิดยังสั่งไม่ให้ลงโทษได้เลย
ไม่มีใคร โดนฆ่าล้างโคตรหรอกคับ ต่างฝ่ายต่างแสดงความคิดเห็นได้หมดคับ
สงสัยอยู่อย่างว่าทำไมหลายคนคิดว่า Slide to Unlock ควรเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม ?
ส่วนตัวผมนับถือคนที่คิด gesture นี้มาใช้เพื่อปลดล็อคโทรศัพท์มือถือมากเลยนะ มันอาจจะดู simple และใช้ง่ายแต่นั่นไ่ม่ได้หมายความว่ามันจะคิดและทำขึ้นมาจริงกันได้ง่าย ๆ ผมว่ามันกลับกันเสียด้วยซ้ำ ยิ่งทำออกมาให้ใช้ได้ง่ายยิ่งคิดออกมาได้ยาก ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงโทรศัพท์มือถือก่อนยุค iPhone ดูว่าปลดล็อคเพื่อที่จะใช้งานกันอย่างไร ทุลักทุเลลำบากลำบนเพียงไหน ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ผมยังยก credit ให้ Apple อยู่
That is the way things are.
Slide to Unlock นี่ของ Apple จริงๆครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ด้วยเหตุผลเดียวกัน ผมก็คิดว่า notification bar ไม่น่าเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมครับ
พอๆกับสิทธิบัตรที่ซัมซุงโดนวีโตด้วยข้อหาว่าจะถ่วงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมนั่นแหละ (แต่ก็นั่นแหละ อันนั้นขนาดสั่งแบนเลย)
ถ้าแอปเปิลรักจะไปเอาของชาวบ้านมาใช้ด้วยความที่ทุกคนมีใช้กันเป็นปกติแล้ว(เป็นมาตรฐาน?)slide to unlock นี่ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานในนิยามของแอปเปิลแล้วครับ (โดยไม่มองเรื่องกฏหมายหรือการฟ้องร้องนะครับ การโดนถามกลับว่าแล้วทำไมคนคิด notification bar ไม่ไปฟ้องนี่เป็นเรื่องประหลาดชอบกล เพราะไม่ว่าจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ การละเมิดก็คือละเมิด ส่วนคนโดนละเมิดจะรักษาสิทธิหรือไม่เป็นอีกเรื่อง)
แต่ต้องให้เครดิตว่าแอปเปิลเป็นคนคิดนะ
ผมก็ว่า Apple ลอก notification bar มาเต็ม ๆ แต่แรกอยู่แล้วครับ (ย้อนไปอ่านข่าวเก่าได้) ส่วนเรื่องฟ้องไม่ฟ้องนี่ก็ต้องแล้วแต่เจ้าของสิทธิบัตรครับ
สำหรับกรณี Samsung ผมจำไม่ได้ว่าสิทธิบัตรไหน ถ้าเป็นเรื่อง 3G ก็น่าจะเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมนะครับ เพราะได้เคยตกลงกันไว้แล้ว
เพิ่มเติม: พอดีได้ย้อนไปอ่านข่าวเก่ามาแล้ว สิทธิบัตรที่ Samsung แจ้งให้ ITC ban คือการขนส่งข้อมูลหลายชนิดพร้อมกันผ่านระบบ 3G เนื่องจากไม่แม่นในรายละเอียดจึงไม่รู้ว่าการใช้งานลักษณะนี้อยู่ในเงื่อนไขของ FRAND หรือไม่
That is the way things are.
ข่าวใหม่ "Samsungประกาศลดค่าเครื่อง40$หลังจากAppleเก็บค่าใช้งานสิทธิบัตร"