Liz Upton ทีมงาน Raspberry Pi โพสข่าวท้องถิ่นจากช่อง KOMO 4 แสดงศูนย์ข้อมูลของบริษัท MegaBigPower ที่ลงทุนมากว่า 1 ล้านดอลลาร์ ในศูนย์ข้อมูลที่อัดแน่นไปด้วย Raspberry Pi จำนวนมากกว่าที่เขาเคยเห็นในที่ไหนๆ นอกจากโรงงานผลิตเอง
MegaBigPower สามารถขุด Bitcoin ได้ราว 200 BTC ต่อวัน ให้ผลตอบแทนเดือนละ 8 ล้านดอลลาร์ตามราคาแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลนี้กินไฟ 1.4 เมกกะวัตต์ และมีพลังแฮชระดับเพตราแฮชต่อวินาที (พันล้านล้านแฮชต่อวินาที) และยังขยายต่อไปเรื่อยๆ
MegaBigPower ใช้ชิป ASIC ของ Bit Fury ราคาต่อชุดประมาณ 5,000 ถึง 6,000 ดอลลาร์ และวางแผนธุรกิจไว้สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่ 50 ดอลลลาร์ต่อ BTC ทำให้ตอนนี้ทำกำไรได้แม้อัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวนมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ที่มา - Raspberry Pi, KOMO News
Comments
ทำไม Bit Fury ขุดเองไปเลยหรือ ขายชิป ASIC รวยกว่า
เทียบระบบการเงินแบบเดิมๆ ก็ต้องถามว่าทำไมโบรกเกอร์ไม่เล่นหุ้นเองจะได้รวยกว่าล่ะครับ
ในความเป็นจริงมันมีธุรกิจหลายอย่าง เขาอาจจะขุดเองด้วยก็ได้ แต่ถ้าขายเครื่องแล้วมันได้กำไร ทำไมจะไม่ทำ ส่วนคนที่ซื้อมารันแล้วกำไร ถ้ายังบริหารต้นทุนได้ก็ไม่มีคงไม่มีปัญหาอะไร
lewcpe.com, @wasonliw
ขอเหตุผลที่โบรกเกอร์ไม่เล่นหุ้นเองนิดครับ สงสัยมานาน
พอดีคนที่บ้านจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับโบรกเกอร์
เหมือนคนใบ้หวยรึป่าว มีข้อมูลแต่ไม่อยากเสี่ยงเอง
ใครว่าไม่เล่นครับ เล่นนั่นแหล่ะแต่ใช้ชื่อคนอื่น โบรกเกอร์เล่นเองไม่ได้ผิดกฏ กลต. เกิดคุณซื้อก่อนแล้ว แนะนำให้ลูกค้าซื้อ ก็แย่ดิ
โบรกเกอร์ส่วนหนึ่งเล่น ตบเอง ได้ค่าคอมเอง ไม่ต้องเสียความคอมให้ใครไงครับ แถมมีคอมให้ใช้ มีห้องแอร์ให้นั่ง
ลองไปดู the wolf of wall street ครับ ฮาๆ ;D
my blog
ลองไปดู Assault on wallstreet ครับ
เสียเวลาอิ๊บอ๋าย
ดูแล้วเรียบร้อย TvT
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อาจจะเล่นหรือไม่เล่นไม่ทราบครับ
แต่การ "ให้บริการ" ให้คนอื่นเล่น ก็ทำกำไรได้มันก็มีคนให้บริการและทำกำไร ประเด็นคือ แนวคิดที่บอกว่า ขายของให้คนอื่นไปทำกำไรแล้วทำไมไม่ทำเอง มันเป็นความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลในโลกความเป็นจริง เวลาเราให้บริการหรือขายสินค้า คนอื่นสามารถนำบริการหรือสินค้าของเราไปใช้ประโยชน์ได้เป็นเรื่องปกติ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมเห็นด้วยนะ เล่นเองทำกำไรได้ ให้บริการคนอื่นก็ทำกำไรได้ ทำไม่ไม่เล่นเอง ให้บริการทำไม เป็นโบรกเกอร์ทำไม มันมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ทุนน้อยแต่เป็นเซียน เล่นเองจนหมดทุนแล้ว ก็ต้องให้บริการเป็นอาชีพเสริม กำไรสองทางยังไงก็ดีกว่ากำไรทางเดียว
คุ้นๆว่าเพื่อนที่เป็นโบรกเกอร์เคยบอกว่า เป็นข้อห้ามหรือไงเนี่ย คือ ห้ามเปิดพอร์ทเอง
อาจเพราะดันหุ้นให้เจ้ากำไรกว่า 555+
การลงทุนมันขึ้นกับ Risk & Return ครับ เสี่ยงมาก มีโอกาสได้มาก พวกที่อยากเสี่ยงก็มีไปลงทุนเองเลย เสี่ยงสูง return สูง ส่วนพวกโบรกเกอร์ก็เป็นธุรกิจประเภทนึงที่เสี่ยงต่ำกว่า ได้เงินแน่นอนกว่า มันขึ้นอยู่กับนโยบาย ความเสี่ยงที่เจ้าของรับได้ และผลตอบแทนที่ต้องการ ไม่มีอะไรดีที่สุด แล้วแต่ว่าชอบแบบไหนมากกว่าครับ
กรณี Bit Fury เค้าไม่ขุดเอง เพราะเค้าไม่อยากเสี่ยงมาก ส่วน MegaBigPower ก็เป็นคนที่อยากเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า 2 บริษัทนี้ต่างกันก็คือความเสี่ยงกับผลตอบแทนที่เค้าเลือก
ส่วน Marketing ที่ทำงานในโบรกเกอร์ตามกฎแล้วห้ามเล่นเอง (จริงๆ เหมือนจะเล่นได้แต่เงื่อนไขข้อจำกัดเยอะ) ครับ แต่ที่รู้จักหลายคนใช้ port คนอื่นเล่น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
จริงๆมันคนละเรื่องอะนะครับ โบรเกอร์เล่นหุ้นเองทั้งนั้น แอบเล่น เพราะว่ามันผิดกฏหมายครับ
เล่นเอง หุ้นขึ้น = กำไร, หุ้นตก = ขาดทุน
เป็นโบรก หุ้นขึ้น = กินค่าคอม, หุ้นตก = กินค่าคอม
เพราะ โบรเกอร์ จะรู้ว่า สมาชิกซื้อขายอะไร แล้วจะ อินไซ ลูกค้าตัวเอง
เช่นลูกค้าซื้อ ก็ตั้งขายให้
ดังนั้น โบรเกอร ที่มีพอท จะต้องแยก ออก มาจากห้องค้า ห้ามแชร์ข้อมมูลกัน มาร์ห้ามคุยกัน
จับได้เสียหายหลายแสน
ถ้าถามว่า ทำไมไปเป็นโบรกเกอร์ ไม่เป็นนักลงทุนเองเต็มตัวไปเลย (เข้าใจว่า น่าจะมองโบรกเกอร์ในแง่ผู้ให้คำแนะนำ ไม่ใช่คน facilitate การซื้อขาย) ลองคิดว่า ถ้าจะเอาเงินเดือน 20,000 บาท จากการลงทุนอย่างเดียว แปลว่า ถ้าคุณลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 50% สม่ำเสมอ คุณต้องมีเงินทุนอยู่ 480,000 บาท (แค่เพื่อให้ได้ผลตอบแทนมาเป็นเงินเดือน ยังไม่ขยายพอร์ตโฟลิโอ ถ้าผลตอบแทนเฉลี่ยน้อยกว่านี้ ก็คูณเงินทุนขึ้นไป)
ก็ไม่ง่ายนะครับ
ล็อคกำไร และกระจายความเสี่ยงครับ
ขายคือกะล็อคกำไรไว้ ..ว่ายังไงๆ ก็มีกำไรแน่ๆ ..ในตัวเลขที่แน่นอนด้วย
ขุดเองอาจได้มากกว่า แต่มันก็เสี่ยงกว่าเช่นกัน
เพตรา -> เพตา/พีตา (Peta)
ถ้าเราเอาแผนธุรกิจทำแท่นขุดเหรียญไปเสนอธนาคารเค้าจะรับมั้ยครับ?
แสดงว่าจะขุด Bitcoin ใช้เงินลงทุนน้อยมาก แต่ค่าตอบแทนสูงมาก
ส่วนมากอะไรที่เป็นแบบนี้ จะเจ้งไม่เป็นท่า ฮา
ปั่นราคายิ่งกว่าวัวงามแถวบ้านอีก
ให้คอมประมวลผลจนได้เป็นเงินมาแบบนี้มันจะดีจริงเหลอ แบบนี้ถ้าต่างคนเก็บตั้งซื้อคอมมาปั้น Bitcoin เองทั้งโลกมันจะเกิดอะไรขึ้นละทีนี้
เดียวต่อไปคงมีการจ่ายเงินเดือนเป็น Bitcoin หรือไม่ก็ไม่มีใครมาทำงานเลย นั่งปั้ม Bitcoin กันหมด
ระบบของ bitcoin ออกแบบให้ ยิ่งนานวัน ก้อนหลังๆจะยิ่งขุดยากมากขึ้นต้องให้พลังประมวลผลเยอะ จนไม่คุ้มเวลาและค่าไฟน่ะครับ พอมันลำบากในการขุดมากก็หยุดขุดดีกว่า อะไรแนวนั้นน่ะครับ ให้เหมือนกับทองจริงๆ
ระบบมันมีความเสถียรของมันครับ ถึงจุดที่ไม่คุ้มทุน คนก็หยุดขุดกันเอง
เราสามารถใ้ช้แนวคิดแบบนี้ได้แทบกับทุกอาชีพครับ
ดารา, ผู้บริหาร, โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ
ในความเป็นจริงเหตุการณ์ว่าทั้งโลกทำอาชีพเดียวกันมันไม่มีจริง
lewcpe.com, @wasonliw
พูดในแง่ทฤษฎีก็ตามนั้นครับ แต่เราก็มีฟองสบู่แตกให้ได้เรียนรู้กันมาแล้ว และด้วยความเขลา ความโลภของเราเองก็จะพาพวกเราไปซ้ำรอยประวัติศาสตร์อยู่เรื่อยๆ
ฟองสบู่นี่เป็นเรื่องปกติในโลกทุนนิยมนะครับ (จะแรงจะเบาอีกเรื่อง) มันก็มีรอบของมัน อย่างอาชีพโปรแกรมเมอร์วันหนึ่งรายได้ดีมีคนทำมาก อีกห้าปีอาจจะไม่จำเป็นอย่างทุกวันนี้ตกงานกันเป็นเบือก็เป็นไปได้
แต่โลกมันก็ไม่ได้สลายไปต่อหน้าต่อตา มันก็มีอาชีพอื่นให้เราทำ และโลกโดยรวมๆ ก็เดินหน้าไปได้
lewcpe.com, @wasonliw
จากคนขุดคนนึง การลงทุนเผื่อให้ได้ค่าการขุดระดับ 1Gh นั้นต้องใช้เงินระดับหมื่นขึ้น ซึ่งตอนนี้ของผมมีแค่ 7Ghs ยังยังขุดได้แค่ 0.02BTC ต่อเดือนเลยครับ (ก่อนหน้านั้นราวๆ 3-4ก่อน ได้เกือบ 0.1BTC)อย่าพูดถึงคนที่เอาการ์ดจอมาขุดเลยครับ การ์ดเทพใบนึงขุดได้แค่หลัก 200-300 Mhs ไหนจะกินไฟอีก จุดนี้ผมว่าก็ไม่คุ้มทุนแล้วสำหรับมือใหม่
ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับว่าอัตราผลตอบแทนมันเป็นแบบเชิงเส้นหรือไม่เชิงเส้นครับ
เช่นถ้าเราลงทุนเพิ่ม 2 เท่า ผลตอบแทนที่ได้ควรจะเพิ่มขึ้นสองเท่าหรือเปล่าครับ หรือว่ามากกว่านั้น
ไม่เลยครับ ค่าความยากของมันขึ้นไวมากในปัจจุบัน ถ้าไม่ได้ลงทุนในระดับเป็นแสนขึ้นกับ Hardware นี้ จุดคุ้มทุนไม่มีแล้วครับ เว้นเทรด หรือไม่ก็ไปเช่า Cloud Mining เอา แต่ก็ต้องมาเกร็งอัตราขึ้นลงอีก
อัตราตอบแทน ถ้านับที่ตัว Bitcoin ก็ไม่เป็นเชิงเส้นเสียทีเดียวครับ เพราะคนอื่นก็อัพเกรดตลอดเวลา หากเราไม่ลงทุนเพิ่ม โอกาสคำนวณได้ค่าที่ถูกต้องก็ลดลง ผลตอบแทนจะลดลง (ยังไม่นับเรื่องดวงว่าคำนวณเจอเร็วอีก)
ถ้านับที่ตัวความเร็วการ hash ค่อนข้างเป็นเชิงเส้นครับ ลงทุนสองเท่า หากตั้งค่าอุปกรณ์ถูกต้องไม่ใช้ค่า nonce ชนกันเอง ควรจะได้ความเร็ว hash เพิ่มขึ้นตามจำนวนอุปกรณ์
ถ้านับที่มูลค่า คือเอา Bitcoin ไปแลกเป็นเงินมา คงตอบยากครับ ค่า Bitcoin ผันผวนอยู่เสมอ
ป.ล. ผมไม่เคยขุด ไม่เคยใช้ ไม่เคยยุ่งกับ Bitcoin ครับ เก็บข้อมูลมาทำรายงานอยู่ห่างๆ
ป.ล. 2 อันนี้ผมหมายถึงกรณีคำนวณเองเดี่ยวๆ นะครับ ไม่ใช่การไปรวมกลุ่มคำนวณ รู้สึกว่าการรวมกลุ่มคำนวณจะแบ่งเงินให้เสมอแม้ว่าเราไม่ใช่คนที่คำนวณถูก แต่อัตราตอบแทนทั้งสามอย่างที่ว่ามาก็ไม่ต่างกับคำนวณเดี่ยวมากนักครับ
ขอบคุณครับ
0.02BTC ต่อเดือนนี้คอม spec ขนาดไหนครับ
ใช้ Hardware ASIC ของ Bitforce ครับ
อยากรู้จริง
เมื่อถึงตอนที่ไม่คุ้มทุน ไม่มีใครอยากขุดอีกต่อไป แล้ว bitcoin จะเป็นยังไง
ถึงจุดที่ไม่คุ้มทุน คนขุดกำลังสูงลดลง อย่างมากก็กลับไปที่จุดเริ่มแรกครับ คือเอาเครื่องธรรมดาๆ CPU Atom ไปขุดก็ยังได้ ตราบเท่าที่ของที่ได้มามันมีมูลค่าอยู่ (คือตัว Bitcoin ยังไม่ล่มไปเสียก่อน)
อาจจะมีปัญหาถ้าหากว่ามีการวางแผนปล่อยให้มันขุดง่ายระดับนั้นก่อน แล้วจึงเอาเครื่องขุดขนาดใหญ่เข้าไปถล่มเพื่อจัดการกับ transaction สักชุดนึงครับ
จะกลายเป็นการเทรดขายเกรงกำไรแบบหุ้น(ตอนแพงเทขาย ทำให้เริ่มถูกลง พอถูกลงก็แห่ซื้อ ทำให้แพงขึ้น วนเป็นวัฒจักรไปเรื่อยๆ) มีบางสวนที่ใช้แทนเงินในการซื้อขายบริการต่างๆ
สิ่งที่คุณพูดถึง มันเกิดขึ้นตลิอดเวลาเครื่องที่ขุดไม่คุ้มทุนอีกต่อไป ก็จะถูกปลดระวาง ในขณะเดียวกันเครื่องรุ่นใหม่ที่แรงกว่า กินไฟน้อยกว่าก็ถูกผลิตขึ้นมาทดแทนกัน
อภัย โพสน์ผิดครับ