Brendan Iribe ซีอีโอของ Oculus VR ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TechCrunch ถึงเบื้องหลังการร่วมพัฒนาแว่น Gear VR ร่วมกับซัมซุง
- สมัยตั้งบริษัทใหม่ๆ ช่วงต้นปี 2013 ฝั่งของ Oculus อยากหาโอกาสเข้าไปคุยกับซัมซุงอยู่แล้ว เพราะมองว่าเทคโนโลยีจอภาพ Super AMOLED ของซัมซุงเหมาะกับการใช้ในแว่น VR มาก
- แต่เมื่อนัดพบผู้บริหารของซัมซุง ฝั่งของซัมซุงก็หยิบ Gear VR รุ่นต้นแบบที่ซุ่มพัฒนาอยู่มาให้ดู ตอนแรก Oculus ไม่แน่ใจว่าแว่น VR ที่ใช้เทคโนโลยีโทรศัพท์ช่วยประมวลผลจะมีศักยภาพสูงพอ (เพราะ Oculus ใช้พีซีประมวลผล) แต่ก็ตัดสินใจลองนำไปเล่นดู
- ทีมงานของ Oculus พบว่าเซ็นเซอร์ที่อยู่ในมือถือนั้นไม่ดีพอสำหรับแว่น VR เลยปรับเปลี่ยนโดยนำเซ็นเซอร์ของแว่น Oculus Rift ฝังลงไปในแว่น Gear VR แทน ผลออกมาดีมาก จึงพัฒนามันต่อ
- โครงการแว่น VR ที่เสียบกับโทรศัพท์มือถือเป็นที่สนใจของ John Carmack มาก และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ Carmack ตัดสินใจลาออกจาก id Software มาทำงานเต็มเวลาที่ Oculus
- อย่างไรก็ตาม ทีมงาน Oculus ยอมรับว่าแว่น Gear VR ยังให้ประสบการณ์เสมือนจริงดีไม่เท่ากับแว่น Oculus Rift และต้องใช้เวลาพัฒนาต่ออีกระยะหนึ่ง
- ความร่วมมือกับซัมซุงเกิดขึ้นก่อน Oculus ขายกิจการให้ Facebook และทาง Facebook ก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวอะไรเป็นพิเศษ โดยสนับสนุนทิศทางของบริษัทในภาพรวมเท่านั้น
ที่มา - TechCrunch
Comments
ดีครับที่ Facebook ซื้อมาแล้วสนับสนุนแบบนี้ ตอนแรกติดภาพสมัย Yahoo ซื้อบริษัทอื่นมาดองนึกว่าจะไม่เกิดเสียแล้ว พัฒนาต่อไปเดี๋ยวเก็บซื้อ:3
ปล.ขอบคุณสำหรับข่าวครับ
ไม่น่าเชื่อนะครับที่บริษัทใหญ่ระดับโลกหลายบริษัทพัฒนา prototype ของแว่น VR สู้เด็กหนุ่มคนนึงที่พัฒนา prototype ในโรงรถไม่ได้ แถมว่าเด็กหนุ่มคนนั้นพัฒนา prototype มาจากอะไหล่ทั่วๆ ไปในร้านขายของอิเล็กฯ ด้วยซ้ำ
พัฒนาใน บ. ใหญ่ ๆ เพราะโดนจ้างให้ทำ
กับ
พัฒนาเอง เพราะตูอยากได้
มันไม่เหมือนกันนะครับ
เอาแค่การตัดสินใจ ก็แตกต่างกันแล้ว แบบ บ. ประชุมแล้ว ประชุมอีก เผลอๆ ไม่ได้ข้อสรุป
กับ กลุ่มคนที่อยากได้ อะไรดีกว่าก็ใส่เลย ไม่ต้องสนยี่ห้อ เอาแค่นี้ก็ต่างกัน แล้วครับ
ไลค์ได้กดไปแล้ว
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งว่า ทำไมค่ายเกมตอนแรกๆ ที่เป็นค่ายอิสระ ถึงพัฒนาเกมออกมาได้ดีกว่าภายหลังที่ถูกค่ายใหญ่ๆ ซื้อไป
ธุรกิจ มันมีเงื่อนไขอะไรหลายๆ อย่างมากกว่างานอดิเรกครับ
ทราบซึ้งคำนี้มากครับ "ธุรกิจ มันมีเงื่อนไขอะไรหลายๆ อย่างมากกว่างานอดิเรกครับ"
แต่โลกเรามันเป็นทุนนิยมครับ ถ้าจะทำอะไรที่ใจรักหมด ก็อาจจะไม่มีกินได้ T_T