หลังจากที่ไมโครซอฟท์ฟ้องซัมซุงเนื่องจากเบี้ยวค่าสิทธิบัตร ล่าสุดมีปฏิกิริยาจากทางซัมซุง โดยทางซัมซุงระบุว่า สาเหตุที่ซัมซุงเลือกที่ไม่จ่ายค่าสิทธิบัตร เนื่องจากดีลการเข้าซื้อกิจการแผนกอุปกรณ์และบริการของโนเกียที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้ไมโครซอฟท์กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับซัมซุง
แม้ว่าจะเหมือนกับข้ออ้างเดิม ๆ ที่เคยอ้างไว้ แต่สิ่งที่แตกต่างจากคราวก่อนคือ ซัมซุงเลือกที่เจาะจงไปยังประเด็นการป้องกันการผูกขาด อันเนื่องมาจากประเด็นด้านการเป็นคู่แข่งโดยตรงของไมโครซอฟท์
ด้านทางไมโครซอฟท์บอกกับทางสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า "เราเชื่อว่าในเคสนี้ เรามีหลักฐานที่หนักแน่นพอ" และคาดว่าจะชนะในคดีนี้ได้ นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังต้องการเงินอีก 6.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐอันเกิดจากความเสียหายในประเด็นนี้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2011 ทางซัมซุงเซ็นสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตรกับทางไมโครซอฟท์ โดยในสัญญาระบุว่า ทางซัมซุงจะแบ่งปันข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) และพัฒนาสมาร์ทโฟน Windows Phone กับไมโครซอฟท์เพื่อจะลดค่าสิทธิบัตรที่จ่ายให้ไมโครซอฟท์ ซี่งก็แปลว่า ยิ่งขายอุปกรณ์ Windows Phone ได้มากขึ้น ซัมซุงย่อมจ่ายค่าสิทธิบัตรลดลง
แต่ทว่ายอดขายกลับไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ทางซัมซุงต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (กับยอดขายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์กว่า 300 ล้านเครื่อง) ในปี 2013 ซึ่งซัมซุงเลือกที่จะเบี้ยวค่าสิทธิบัตรนั่นเอง
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์ ผ่าน Windows Central
Comments
รู้สึกจะเคยมีคนญี่ปุ่นบอกไว้ว่าถ้าบริษัทต่างชาติไปเปิดกิจการอะไรที่ประเทศเกาหลี จำเป็นต้องจ้างบริษัททวงหนี้ไว้เป็นกิจจะลักษณะเลยทีเดียว ถ้าจะจริงแฮะขนาดบริษัทขนาดใหญ่ยังคิดเบี้ยวหนี้เป็นเรื่องปรกติ =*=)
ข่าวเสียเยอะไปแล้วหรือเปล่า หรือดดนใส่ความเนี่ย พอมาตลาดมือถือเหมือนโดน บริษัทอเมริการุมกินโต๊ะ
ดีครับ จัดหนักๆ ไป พวกมีเงินแต่เหนียวหนี้เนี่ย
ซี่ง => ซึ่ง
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.