จากข่าว Mark Zuckerberg เตรียมจัดเวทีตอบคำถามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กสงสัย เมื่อวานนี้เขาก็ตอบคำถามรอบแรกไปแล้ว มีคำถามยากๆ ในหลายประเด็น ดังนี้
ทำไมต้องบังคับให้ดาวน์โหลด Messenger
เขายอมรับว่าการขอให้ผู้ใช้ Facebook ลงแอพ Messenger แยกเป็นเรื่องใหญ่ แต่เหตุผลเป็นเพราะการทำงานของแอพ Facebook หลักคือ News Feed ต่างไปจากการส่งข้อความมาก และเขามองว่าในอนาคตผู้คนจะส่งข้อความมากขึ้นเรื่อยๆ (ปัจจุบัน Facebook มีข้อความวิ่งผ่านวันละ 1 หมื่นล้านข้อความ) การเปิดแอพ Facebook มา รอโหลดเสร็จ แล้วเปลี่ยนแท็บเป็น Message เพื่อคุย ทำแบบนี้วันละประมาณ 15-20 ครั้ง จึงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเท่ากับการเปิดแอพ Messenger โดยตรง
ประเด็นเรื่อง reach ของเพจทำไมลดลง
เหตุผลที่อัตราการ reach ของโพสต์ในเพจลดลงเป็นเพราะผู้ใช้ Facebook แชร์ข้อมูลกันมากขึ้น ปกติแล้วผู้ใช้หนึ่งคนเฉลี่ยอ่านข้อความวันละประมาณ 100 โพสต์ (จากทั้งเพื่อนและเพจ) จากโพสต์ทั้งหมดที่เป็นไปได้ประมาณ 1,500 โพสต์ แนวทางของ Facebook คือเลือกเฉพาะโพสต์ที่ดีที่สุดมาแสดง ดังนั้นเมื่อเพื่อนของเราแชร์ข้อมูลมากขึ้น สัดส่วนโพสต์จากเพจที่เราเห็นจึงลดลง
Zuckerberg ยอมรับว่าตอนนี้แนวทางของ Facebook สองอย่างกำลังขัดแย้งกันเอง คือ Facebook ต้องการปรับแต่ง News Feed ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนมากที่สุด และในอีกทางหนึ่งก็ต้องการให้ภาคธุรกิจส่งข้อความไปถึงลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว Facebook ตัดสินใจให้น้ำหนักกับแนวทางแรก (เอาใจผู้ใช้เป็นหลัก)
เขายังย้ำว่าถ้าเจ้าของเพจแชร์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้ ระบบจะแสดงโพสต์นั้นให้มากขึ้นเอง ดังนั้นขอให้เจ้าของเพจสร้างเนื้อหาดีๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด
Facebook กำลังสูญเสียเสน่ห์หรือไม่
Zuckerberg บอกว่าเขาไม่เคยสนใจทำให้ Facebook เป็นเรื่องเท่ (cool) เขาเป็นคนไม่เท่เลยและก็ไม่เคยพยายามทำตัวให้ดูเท่ด้วย เป้าหมายของ Facebook ไม่ใช่ทำตัวให้น่าตื่นเต้น แต่เป็นการทำตัวให้มีประโยชน์ (useful)
เกี่ยวกับภาพยนตร์ The Social Network
เขาบอกว่าการทำหนังเล่าชีวิตที่ต้องเขียนโค้ดและเปิดบริษัทคงไม่ใช้เรื่องที่น่าสนใจนัก ถ้ามีหนังเกี่ยวกับตัวเขานั่งเขียนโค้ดนาน 2 ชั่วโมงคงไม่สนุกแน่ๆ ดังนั้นผู้สร้างหนัง The Social Network จึงต้องหาประเด็นมาเสริมเพื่อให้หนังน่าติดตามมากขึ้น
เขาบอกว่าหนัง The Social Network มีรายละเอียดบางจุดที่ใกล้เคียงของจริงมาก เช่น หน้าตาของออฟฟิศ Facebook แต่บางเรื่องก็บิดเบือนไปจนเขาค่อนข้างปวดใจ (hurtful)
ทำไมเขาใส่เสื้อตัวเดิมตลอดเวลา
เขาตอบแบบติดตลกว่าก็ดีไง มีเสื้อแบบเดียวกันหลายตัว แต่หลังจากนั้น Sheryl Sandberg ซีโอโอของบริษัทก็แทรกขึ้นมาว่าเธอทำงานกับ Facebook มาเจ็ดปี งานชิ้นใหญ่งานหนึ่งของเธอคือการอธิบายลูกน้องว่า "Zuckerberg ไม่ได้ใส่เสื้อซ้ำนะ เขามีเสื้อแบบนี้หลายตัว"
จากนั้น Zuckerberg ก็เสริมว่าอยากลดภาระการตัดสินใจในเรื่องที่ไม่จำเป็นลง จะได้เอาเวลาไปคิดเรื่องผู้ใช้ Facebook มากขึ้น เลยแก้ปัญหาโดยใส่เสื้อแบบเดียวกันทุกวันจะได้ไม่ต้องคิดว่าวันนี้จะใส่เสื้อตัวไหนดี
มีวิธีจัดการกับอุปสรรคที่พบในการทำงานอย่างไร
Zuckerberg บอกว่าต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเราต้องโฟกัสกับภารกิจงานใหญ่ เพื่อให้อุปสรรคบางอย่างไม่รบกวนจิตใจของเรา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นมนุษย์ มีบางเรื่องที่รบกวนจิตใจอยู่ ซึ่งวิธีแก้คือหาทีมงานที่เข้าใจเรา และให้กำลังใจเราให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้
ที่มา - AllFacebook, The Next Web
Comments
เห็นด้วยครับแยกนั้นดีแล้วเพราะอย่างผมได้เล่นเฟสเป็นหลักแต่สมัครเพื่อเล่น chat เป็นหลัก
เรืองเสื้อนี้คล้ายจ็อปส์เลยครับ
ถ้างั้นจะใส่ Notification ของ Messenger มาใน Facebook ทำไมให้มันน่ารำคาญ แล้วก็เอาแทป Message ออกไปด้วยเลยสิ
ส่วนตัวผมว่า Bubble เนี่ยดีสุดแล้วคุยๆไป พอคุยเสร็จก็ลากปิดแล้วอ่านฟีดต่อ
Tab Message เพื่อให้คนที่ไม่รู้จัก App กดเพื่อโหลดไง เป็นการช่วยโปรโมท ไม่งั้นวันนึงคนที่ไม่รู้คงตกใจ Chat หายไปไหน เหตุผลง่ายๆ แต่สำคัญมาก
จะได้เห็นง่ายๆ กดสลับง่ายๆ ไงครับ
Bubble ก็มีอยู่แล้วไงครับ :P
แอบขำ ว่าทำไมใส่เสื่อซ้ำกัน
ตอบมาได้น่ารักดีนะ
มีหลายคนก่อนหน้านี้นะครับ รวมถึง Albert Einstein, Steve Jobs หรือ Obama
Take Albert Einstein. It has been reported that the famous physicist bought several versions of the same grey suit because he didn’t want to waste brainpower on choosing an outfit each morning
http://www.forbes.com/sites/jacquelynsmith/2012/10/05/steve-jobs-always-dressed-exactly-the-same-heres-who-else-does/
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมถุงเท้าเหมือนกัน5คู่ แต่ตอนใส่ก็รู้สึกต้องเสียเวลามานั่งดมว่าคู่ไหนซักแล้วคู่ไหนไม่ได้ซัก
แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับตอนดมเจอคู่ที่ยังไม่ได้ซัก
ล้ำลึกเป็นเอกลักษณ์ครับ
LOL
ก็ตอบคำถามว่า เสื้อไม่ได้ซ้ำกัน แต่ก็เกิดคำถามใหม่ว่า แล้วเสื้อต่างกันมันใช้พลังสมองมากมายอะไร? ขี้เกียจเลือกก็ให้แฟนเลือกให้ ไม่ก็สุ่มมันซะเลย หาลูกเต๋าไว้สักลูกสิ
อันนี้ต้องลองถามสาว ๆ บางคนที่หลงในตู้เสื้อผ้าเป็นชม. ๆ แล้วล่ะครับเขาใช้พลังสมองมากแค่ไหนน่ะนะ
บางคนถ้าได้เลือกแล้วเลือกนานก็มีครับ
นายคือ idol
...เจ้านายบริษัทเก่าผมก็ใส่เสื้อแบบเดียว เเละสีเดียวตลอด เเกก็ให้เหตุผลเหมือนกับ Mark เลย เเละเเกบอกว่าทำให้ผู้ร่วมงานเห็นว่าเเกเป็นคนมั่นคง ไม่เปลี่ยนใจอะไรง่ายๆ
ผมถามไปด้วยว่า เมื่อไร facebook จะสามารถเพิ่มขนาด font ได้ใน iOS (แม่บ่นว่าตัวเล็ก)
แต่ไม่มีคำตอบ -*-
อัพเป็น iOS 8 ครับ ตัวอักษรโดยรวมของทั้งเครื่องจะใหญ่ขึ้นชัดเจนครับ
อ่านจบก็เห็นเสื้อ สีเท่าในคลิปแล้วเลื่อนไปดูรูปใน ทัมเนล เออหวะ เหมือนกันจริงๆ
ไม่ดีสำหรับเครืองรุ่นเก่าครับ ซดแรมโพดๆ
Messenger ดีสำหรับเครื่องสเป็กต่ำครับ เพราะรันได้ไวกว่า Facebook ปกติมาก
เพราะปกติแอพ Facebook แค่ตอนโหลดหน้า New Feed ก็แทบไม่ขึ้นแล้ว
มันต้องลงทั้งคู่ กลายเป็นว่ามีแอพที่รันเบื้องหลังมาเพิ่มขึ้นอีกแอพไงครับ
แยกดีแล้วครับ ผมแทบไม่เคยแชทด้วย fb เลย แอพส์พูดคุยที่ผมใช้มีแค่สองตัวคือ line กับ wechat ตัวแรกใช้ทั้งธุรกิจและส่วนตัว(จริงๆ) ตัวหลังเน้นธุรกิจและใช้คุยกับคนจีนเป็นหลัก
ประโยชน์หลักๆ ที่ผมได้จาก fb คือมันทำให้การ register เว็บต่างๆ มันง่ายและเร็วขึ้นมาก