ไหนๆ ก็ยากที่จะปราม Uber อยู่แล้ว ดังนั้นกลุ่มสหภาพคนขับรถแท็กซี่ใน Chicago และคณะกรรมการรถแท็กซี่ของ Washington DC จึงมีใจคิดตรงกันว่าควรจะทำแอพเรียกใช้บริการรถมาแข่งกับ Uber มันซะเลย
ทางฝั่ง Chicago ซึ่งมีคนขับรถแท็กซี่วิ่งให้บริการในเมืองราว 7,000 คน จะร่วมกันให้บริการวิ่งรับผู้โดยสารที่เรียกใช้บริการผ่านแอพที่สร้างขึ้นมาใหม่ โดยข้อตกลงในกลุ่มสหภาพที่จะช่วยกันผลักดันแอพนี้มีการจูงใจผู้ขับด้วยการลดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้นว่า ลดค่าเช่ารถลง 15% - 25% สำหรับผู้ขับที่ใช้รถไฮบริดหรือรถพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากแพลตฟอร์มให้แก่คนขับที่ร่วมโครงการแอพของสหภาพด้วย ในขณะที่มาตรการจูงใจลูกค้าให้เลือกใช้บริการก็มีเช่นกัน ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระค่าโดยสารซึ่งจะลดจาก 5% เหลือ 3%
ฟาก Washington DC ก็มีการผลักดันจากด้านฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นโดยคณะกรรมการรถแท็กซี่ของเมือง โดยประกาศว่าจะมีการสร้างแอพเรียกรถเริ่มให้บริการในเดือนมีนาคมปีหน้า งานนี้จะมีคนขับรถแท็กซี่ที่ให้บริการอยู่ก่อนแล้วในเมืองราว 7,000 คันมาร่วมโครงการ โดยทางการ Washington DC จะยังคงอนุญาตให้ผู้ประกอบการอย่าง Uber และ Lyft ทำธุรกิจแข่งขันไปพร้อมกันได้
ข่าวนี้น่าสนใจในแง่ที่ว่าผู้ให้บริการรถแท็กซี่แบบเดิมๆ และหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลกิจการในด้านนี้ ได้เลือกตัดสินใจดำเนินการอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงเห็นด้วยว่าการที่พวกเขาเลือกเผชิญหน้ากับคู่แข่งทางธุรกิจและหันมาสู้ด้วยการยกคุณภาพบริการของตนเองย่อมส่งผลดีต่อผู้ใช้บริการในภาพรวมอย่างแน่นอน
Comments
สิ่งที่ประเทศเราขาดตอนนี้คือความมุ่งมั่นของประชาชนกับความจริงใจของภาครัฐ ไม่อย่างนั้นผมจะมานั่งลุ้นไทยทำแบบนี้บ้าง
+1 จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
Get ready to work from now on.
มันควรจะแก้ปัญหาแบบนี้ตั้งนานแล้ว ในไทยก็น่าเอาอย่างนะถ้ามันช่วยทำให้บริการดีขึ้น
ผมเห็นไทยจะทำแบบนี้ แต่ก็กลัวว่าทำออกมาไม่ดี พร้อมทั้งผลานงบประมาณไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา
ถ้าตั้งใจจริง ผู้บริหารระดับสูงที่เก่งๆ สามารถทำได้แน่นอน
"ถ้าตั้งใจจริง"
ที่ผ่านมาคือ.....
taxi อัจฉริยะ กดไปยังไม่มีรถมารับเลย ช่วงที่มี
บ้านเราก็มี grab taxi มานานแล้วนี่ครับ ถูกกฎหมายด้วย
จำไม่ผิดไม่มี app ตัวไหนถูกกฎหมายแบบ 100% เพราะกฎหมายมันยังเก่าอยู่
ปัญหาของเรื่องๆคือการให้บริการ ถึงผมนานๆทีจะโดนแท็กซี่ปฏิเสธเพราะผมเคยใช้บริการแท็กซี่ไปต่อสถานีขนส่งต่างๆ ซึ่งเขาขับแล้วคุ้มและไม่ต้องบอกทางมากนัก แต่ผมก็ไม่ชอบบริการที่เลือกผู้โดยสารอยู่ดี
Uber ก็มีข้อดีอยู่ แต่การที่ Taxi ไม่คิดจะปรับปรุงบริการก็สมควรจะโดนแบบนี้แหละ
ส่วนเรื่องป้ายทะเบียนอะไรต่างๆกับประเภทของรถ ผมว่าก็ควรเป็นทางสายกลางมากกว่าตึงไปหรือหย่อนไป
ดังนั้นจึงควรหันหน้าเข้าหากันปรับปรุงกฎหมายให้มันเหมาะสมกับทุกๆฝ่าย
แบบนี้คือทางที่ถูก อย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่ผมเห็นคือ uber มันเท่ากับ ระบบของกรมขนส่งในยุคใหม่ ไม่มีรัฐไหนจะยอมหรอก สุดท้ายทุกรัฐก็ต้องมาแข่งกับ uber
เอ่อ taxi ตปทมันโคตรจะแพง lyft uber ออกมามันก็ตีตลาดได้แหงๆ ของไทยนี่มันจะ work เหร๋อ รถก็ติดบัดเลย ค่า taxi จะว่าไปถูกเป็นเยี่ยวด้วย
ของที่ตอบสนองลูกค้าได้ดี ลูกค้าที่ใหนก็อยากใช้ครับ
ถ้าจะทำของไทยอยากให้รองรับการระบุปลายทางด้วย ไม่ใช่เรียกมาแล้วแล้วไม่ไป :P
ในแง่ผู้บริโภค...ผมยอมรับว่าภาครัฐตามโลกไม่ค่อยทันเท่าไร....ทำให้ผู้บริโภคแทนที่จะได้ใช้สิ่งดีดี แต่ต้องมาติดขัดเรื่องกฏหมาย
มันต้องอย่างนี้ซิ!!