ตอนนี้ไมโครซอฟท์ยังขึ้นเวทีโชว์ฟีเจอร์ชุดใหม่ของ Windows 10 กันอยู่ แต่ประเด็นสำคัญที่ผู้ใช้ทั่วไปสนใจกันอย่างการอัพเกรดนั้นได้ประกาศบนเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้ที่ต้องการอัพเกรดไปเป็น Windows 10 นั้น ไมโครซอฟท์ยังคงใจดีต่อเนื่อง หลังจากที่เคยให้ผู้ใช้ Windows 8 อัพเกรดเป็น Windows 8.1 ฟรี มารอบนี้ไม่ใช่แค่ Windows 8.1 จะได้อัพเกรดฟรี แต่เป็นรุ่นเก่ากว่าและเลิกขายไปแล้วอย่าง Windows 7 ที่จะได้อัพเกรดไปด้วย ฝั่งสมาร์ทโฟนอย่าง Windows Phone 8.1 ก็จะได้รับการปฏิบัติในแบบเดียวกัน
ข้อจำกัดของการอัพเกรดในครั้งนี้คือ ต้องอัพเกรดภายในปีแรกที่ Windows 10 เปิดให้อัพเกรดเท่านั้น ซึ่งน่าจะมีข้อจำกัดในการอัพเกรด เช่นฮาร์ดแวร์ที่รองรับ มาเพิ่มเติมในภายหลัง แต่ดูจากแนวทางใหม่นี้ ดูเหมือนว่าฝั่งระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์จะเข้าใกล้การให้บริการจนกว่าจะสิ้นอายุขัยเข้าไปเรื่อยๆ ครับ
ที่มา - The Verge
Comments
คือจะแจกฟรีแบบ Apple ผมก็เข้าใจนะ แต่ท่านไม่ได้ขาย Hardware แบบ Apple แล้วท่านจะเอากำไรมาจากไหนอะ..
หรือจะยัด Bing ให้เป็นของแถม ตามรอยสมัย ie
"How exactly this program will work isn't clear just yet"
ผมว่า ที่แน่ๆ จะฟรีสำหรับ retail user ที่ซื้อ Windows ไปติดตั้งเอง แต่สำหรับ OEM user ที่ได้ Windows มากะเครื่องนั้น ผมว่าคงต้องดูกันอีกที เพราะผมเชื่อว่ามันอาจจะมีอะไรขลุกขลักแน่ๆ
ผมว่าคิดถูกนะ ไม่งั้น Windows 7 จะกลายเป็นอมตะไปเหมือน xp
นี่ผมมี 7 อยู่ก็ลังเลละว่าจะไปต่อดีมั้ย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อันนี้ผมดูจาก Live Blog เข้าใจว่า คำว่า Free upgrade for the first year นี่น่าจะหมายถึงว่าอัพเกรดฟรีแต่มีอายุการใช้งานแค่ปีเดียวกลายๆ ด้วยน่ะครับ เพราะมันแปลกๆ ที่ให้อัพเกรดฟรีแค่ปีแรกปีเดียว
ในความเห็นของผม ผมว่าให้อัพเกรดฟรีภายในปีแรกปีเดียวเหมาะสมดีแล้ว เพราะไมโครซอฟต์ต้องการเร่งให้คนมาใช้ Windows 10 เร็วๆ (ในกรณีนี้คือปีแรก) และหลังจากนั้นก็ยังจะคิดราคาของ Windows ต่อไปได้
นั่งดู keynote นี่แทบหลับ = ='
ผมมาตาตื่นตอนที่ Cortana ออกโรงนี่ล่ะ ประเจิดประเจ้อได้ทุกเรื่องจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่พรีเซ้นต์ Spartan ชอบความประเจิดประเจ้อของคุณเธอมาก
ผมว่าน่าจะชื่อ Power Point นะ
อิ อิ
ผมว่าถ้า MS จะขาย Subscribe ก็ไม่แปลกนะครับ (แบบ Office 365) ผมว่าชีวิตแฮปปี้ดีออก
ดังนั้น อาจจะฟรี 1 ปีแรก แล้วถ้าจะต่ออายุการอัพเกรดก็ต้อง Subscribe เพิ่มเอา คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายปี
ในมุมมองคนใช้ Office 365 แล้วได้ OnDrive ฟรีไม่อั้นแบบผม มองว่าคุ้มค่ามาก
ดังนั้นถ้า MS จะมามุกนี้แล้ว เก็บเงินราวๆ 2,000 บาท ต่อปี ผมมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่รับได้ เพราะทำให้ได้ซอฟต์แวร์วินโดว์ใหม่สุดเสมอ ออกรุ่นใหม่ก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อใหม่
ส่วนในมุมมองคนใช้ของก๊อป หรือซื้อคีย์แท้ราคาถูก อันนี้ผมไม่มีความเห็นแหะ ว่าเค้าจะโวยวายกันยังไง
ผมไม่แฮปปี้นะ ต้องมาจ่ายค่าเช่า OS รายปี สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
มันอยู่ที่ราคาครับ ถ้าเฉลี่ยแล้วไม่แพงก็น่าจะไม่มีปัญหาสำหรับผู้ใช้ทั่วไปนะครับ
อย่าง Office 365 ที่ผมใช้อยู่ ราคา 2 พันกว่าบาท ใช้ได้ 1 ปี ลงคอมได้ 5 เครื่อง+5 แท็บเล็ต
หรือบางคนไม่ได้อยากอัพเดตรุ่นล่าสุดก็ซื้อ Office 2013 รุ่นปกติไป ก็ใช้งานได้ตลอด
ผมว่าการคิดค่าเช่าแบบนี้ มันวินวิน ทั้งสองฝ่าย ทั้งฝั่งคนใช้ และฝั่งนักพัฒนานะครับ
ผู้ใช้ ก็จ่ายถูกกว่าการซื้อซอฟต์แวร์ทั้งตัว
คนขาย ได้เงินสม่ำเสมอ
คิดง่ายๆ แบบ Photoshop ครับ จ่ายทีเดียวเป็นหมื่น ไม่มีใครจ่ายไหวหรอก ตกรุ่นก็ต้องยอมใช้รุ่นเก่าต่อไป เวอร์ชั่นใหม่ออกมา ก็ต้องจ่ายซื้อทั้งชุดใหม่...
เช่าเป็นเดือน เดือนละ 300 ได้ใช้รุ่นใหม่ตลอดเวลา.. นักพัฒนาก็มีเงินไว้พัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ให้เราใช้ต่อไป
+1 และถ้าราคาถูกในระดับนึง จะดึงดูดพวกที่ใช้ของเถื่อนส่วนนึงให้หันมาสนใจจ่ายเงินใช้ของแท้ด้วยครับ แบบเดียวกับที่ Adobe ทำ
มันใช่เลยครับ ความคิดนี้ ถูกต้องที่สุด!!!!!!
ผมนี่โจรกลับใจเลย
รักนะคะคนดีของฉัน
2000 ต่อปีนี่แพงมากนะ แพงกว่าตอนซี้อ Win8(ช่วงโปรฯ)อีก ถ้าเป็นบริษัทน่ะไม่แน่ครับ แต่สำหรับคนทั่วไปจ่ายยากผมว่านะ
ผมไม่แฮปปี้ฮะ ยอมจ่ายแพงซื้อขาดใช้ได้ตลอดดีกว่า คนรายได้ไม่ได้แน่นอนคงที่ตลอด ตังหมดตอน subscribe หมดอายุจะทำไง
^
^
that's just my two cents.
ตังค์หมดตอน subscribe? คำตอบง่ายๆ ก็ใช้เวอร์ชั่นเดิมต่อไปครับ พอมีตังค์แล้วก็จ่ายต่อเพื่อสิทธิ์ในการอัพเกรดได้ฟรี ก็แค่นั้นเอง
ผมอาจจะยกตัวอย่างเบาเกินไป ไปอ่านความเห็นข้างล่างที่เขาไม่เห็นด้วยเอานะครับ ไม่เก่งถกเถียงจริงๆ
^
^
that's just my two cents.
OS มันสำคัญเกินไปที่จะใช้แบบเช่าครับ โปรแกรมอื่นๆทำงานบน OS แต่ OS ทำงานบนอะไรหล่ะครับ และถ้ามันมีปัญหากับระบบเก็บเงินด้วยตัวมันเองจะวุ่นวายมากกว่านี้หลายเท่าครับ
เพราะฉนั้นผมคิดว่าไม่เหมาะสมครับผม
ตอนนี้ผมก็พยายามย้ายไปใช้ mac mini แทนแล้ว แต่ Server ยังใช้ windows server อยู่เพื่อรันโปรแกรมจำพวกบัชชีที่มันทำมาแต่บน windows ถ้า MS คิดเก็บรายเดือนอีก ก็คงไม่ต้อง upgrade windows กันแล้วหล่ะ แล้วถ้าโดนบีบแบบ windows xp ก็จะเป็นการเร่งให้คนหนี MS มากขึ้นนะ google ชอบเลยหล่ะทีนี้
ถ้ามีแต่แบบเช่าจริง เชื่อว่าคนที่ใช่แบบลิขสิทธิ์ จะย้ายไป OS อื่นแน่นอน ไม่นับรวมพวกโจรแบบจงใจกับโจรแบบทำเป็นมองข้าม และสุดท้ายก็กลุ่มที่ไม่ได้ต้องการ upgrade windows ตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ
เอ่อ... ผมก็ไม่เห็นด้วยอย่างแรง!!!
นี่คือระบบปฏิบัติการนะครับ ถ้าให้เทียบก็คืออเมืองเมืองหนึ่ง ถ้าเกิดหมดอายุ แล้วเรามีปัญหาทางการเงินไม่ว่าจะทางบ้าน หรือธนาคารที่ทำธุรกรรม หรืออินเทอร์เน็ตจู่ๆ ก็ใช้การไม่ได้ จบเลยนะครับ เพราะนั่นเท่ากับว่าเราเข้าเมืองชื่อ Windows ไม่ได้เลย ซึ่งแม้แต่บ้านเรา บ้านเพื่อนเรา ทรัพย์สินภายในบ้านของเราที่มีอยู่ภายในเมือง Windows (ซึ่งก็คือไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆ) เราจะไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้เลยนะครับ รวมถึงการใช้บริการของบริษัทและหน่วยงานต่างๆ ภายในเมือง Windows ด้วย ...กรณีที่ถูกปิดเมืองไม่ให้เข้า ก็เหมือนกับกรณี Windows ที่เราไม่ได้ Activate แล้วใช้จนเลยระยะเวลา Trial ซึ่งมันจะติดที่ Logon Screen แล้วแจ้งให้เราไป Activate ซึ่งแน่นอนว่า งานทั้งหลาย ไฟล์ทั้งหลายในเครื่อง เข้าไปทำอะไรไม่ได้ จบเห่ทุกอย่าง
Office 365 คิดรายเดือน รายปีได้ มันคือซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการอีกทีหนึ่ง ถ้าให้เทียบก็คือเหมือนบริษัทหนึ่งในเมือง Windows นั่นแหละ ซึ่งหากเราขาดความเป็นสมาชิก (ไม่ต่ออายุ) เราก็จะไม่สามารถใช้เข้าบริการบริษัทนั้นได้ แต่เราก็ยังอยู่ภายในเมือง Windows อยู่ ซึ่งเราก็หันไปใช้บริการของบริษัทคู่แข่งภายในเมืองได้อยู่ (Libre Office, Open Office, Kingsoft Office ฯลฯ)
ดีไม่ดี จะมีคนเอาไปเทียบกรณี Mac OS อีกว่า เข้าเมือง Mac OS ดีกว่า เสียเงินซื้อเครื่องก็ใช้ OS ตลอดไป ไม่มีติดขัด อย่าใช้เลย Windows ที่ต้องต่ออายุทุก 1 ปี
ใช่ๆ ตัว OS มันสำคัญมากตั้งแต่แค่เล่นเน็ตทั่วไปจนถึงงาน production ใหญ่ๆ จะมาให้เช่าเหมือนโปรแกรมอื่นได้ไง
เจอ chromebook ตีกินหน่ะสิครับ ไม่ใช่ OS X หรอก เพราะมีข้อจำกัด(กำลังทรัพย์)อยู่
มันถึงได้มีข่าว Windows with Bing ไงครับ
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั่น ถ้าหมดอายุก็แค่ไม่ได้รับ Feature ใหม่ แต่ Security updates คงต้องได้อยู่
อันนี้เดา เพราะคิดแบบที่คุณว่ามันเหมือนกับ Chromebook ที่ไม่มีเน็ต หรือ แย่กว่านะครับ รันแอพไม่ได้ไรงี้
ສະບາຍດີ :)
ผมเองก็เล็ง office 365 อยู่เหมือนกันครับ เทียบราคากับ cloud อื่นแล้วแฮปปี้พอสมควร และเป็น business model ที่ดู Microsoft จะทำได้ดี
ที่ผมสงสัยคือข้อจำกัดด้าน technical มากกว่า ไฟล์ office โยนไปเปิดเครื่องอื่นได้ถ้าหมหมดอายุ แต่ os ถ้าหมดอายุแล้วจะทำยังไง? ใช้ได้ปกติแต่ update ไม่ได้? จับไไฟล์เป็นตัวประกัน?
ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยชอบความรู้สึกของการเช่าใช้ครับ ถึงแม้ว่าคำนวณแล้วมันจะคุ้มกว่าจริงๆ ก็เถอะ
น่าจะมี version, package เล็กๆ หรือแค่ core ไว้ขายขาดราคาถูกๆ บ้าง แล้วค่อยให้เช่า plugin เพิ่ม
น่าสนใจนะ ขอพื้นฐานไปก่อนคือให้รันโปรแกรม exe ได้ อยากได้ออฟชั่นเพื้มค่อยซื้อมาปลดล็อคเช่น การค้นหา การเปิด service
ผมว่าน่าจะเป็น Windows as a service นะครับ ต่ออายุรายปี ปีแรกฟรี (แบบอัพเกรด)
ส่วนถ้าซื้อใหม่ก็ราคาต่อปีเลย
โชคดีซื้อ windows 7 มา แต่ไม่ได้ซื้อ windows 8
:-)
น่าจะเป็น ภายใน 1 ปีนับแต่วันวางจำหน่าย ใครมาจาก 7 8 8.1 (น่าจะรวม 10 Preview ด้วย) อัพเกรดมา 10 ตัวเต็มได้ฟรี พร้อมบริการอัพเดทต่างๆ ครบชุด หลังจากนั้น ใช้งานต่อไปได้ไม่จำกัดแม้ไม่ต่ออายุ แต่ถ้าอยากได้อัพเดทความสามารถใหม่ๆ ก็ต้องต่ออายุเป็นรายปี ส่วนคนที่จะลงแบบ Full Installation จากเครื่องเปล่า หรือ OEM ทั้งหลาย หรือถ้าจะอัพเกรดหลังหนึ่งปีไปแล้วน่าจะต้องซื้อ Serial Number เพื่อ Activate เหมือนของเก่า น่าจะออกมาโมเดลนี้มากกว่าครับ ใช้ฟรีหนึ่งปี ปีต่อไปคิดเงินมันยังไงๆ ไม่รู้สิ
ปล. ป่านนี้ร้านขายแผ่นแท้ไหนตุนคีย์ 7,8 ไว้ แล้วขายไม่ออก เตรียมตัวรับทรัพย์ได้เลยครับ คนแห่มาซื้อคีย์ไว้รออัพเกรดแน่ๆ เพราะเดาว่าจะอัพได้จากของแท้เท่านั้น (บังคับต่อเน็ตอัพเข้า Server MS เช็คลิขสิทธิ์กันเลย)
ปล2. คนที่ลง 10 Preview ก็น่าจะให้เขาได้ด้วยนะครับ ถือว่าช่วยทดสอบมาแล้วตั้งนาน ตอบแทนกันซื้อใจกันไปอะไรแบบนี้
คนใช้ VAIO มีเงิบ ไม่รู้ว่า driver จะ support บน Windows 10 หรือเปล่าอีก เพราะมันเลิก support แล้ว -"-
ทำเอาผมกังวลไปด้วยเลย - -" แต่ผมก็ใช้ไดรเวอร์เดิมจาก Vista อยู่เยอะนะครับ ลากยาวมาจน 8.1 นี่
ขอเอาเครื่องนี้สู้ไปยาวๆ จนกว่าแบตจะเสื่อมแล้วกันครับ (เอ หรือเครื่องจะไปก่อนแบต - -" นี่เจ็ดปีกว่าแล้ววันก่อนยังเอาไปนั่งเล่นเฟซเล่นเว็บได้ตั้งสามชั่วโมงกว่า)
ผมอัพจาก Windows 7 เป็น Windows 8 400 บาท
ไม่รู้ว่า MS จะใจปล้ำให้ Windows กุ๊กกู๋ อัพเป็น windows 10 ได้หรือเปล่า
ผมก็มาท่านี้แหละ แต่ว่าตอนนี้พวกเราเป็น OS แท้แล้วนะครับบบบ
+1 ผมชุบตัวมาแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ เหอะ ขออัพมั่ง
อันนี้ข้อมูลจาก official blog นะครับ
เท่าที่ผมเข้าใจคือคนที่อัพเกรดภายในปีแรกหลัง Windows 10 เปิดตัวเป็นทางการ จะได้อัพเกรดฟรี
จากนั้นคนที่อัพเกรดเป็น Windows 10 แล้วจะทยอยได้อัพเดตฟีเจอร์ใหม่เรื่อยๆ ฟรีเช่นกัน แต่จะนับถึง 'supported lifetime' ของแต่ละอุปกรณ์ ซึ่งไม่รู้ว่านับอย่างไร
ตื่นเช้ามาเพิ่งได้อ่าน blog นี้ ตอบเรื่องการอัพเกรดได้ค่อยข้างดีครับ แต่ว่าอันตอบระยะเวลา support ได้งงๆ แทน ><"
supported lifetime น่าจะหมายถึงจนกว่าอุปกรณ์นั้นจะตกspec ไม่สามารถรัน update OS ตัวใหม่ๆได้แล้ว คล้ายๆ model ของ mac os ตอนนี้นะ?
ทำแบบนี้จริงคนอาจหนีเยอะนะครับ
Windows os มันไม่เหมือน Mac os นะครับ
คอมประกอบอย่างเพียบ ไม่ใช่ขายสำเร็จรูปแล้วนับรุ่นได้แบบMac
ขืนทำจริงคงได้เห็นยุคLinuxเรืองอำนาจก็คราวนี้แหละ
มีoem win7 ต้องทำไงมั่งคับ
ถ้าวินโด้ที่มีอยู่เป็นOEMแล้ว ถ้าอัพขึ้นไป สิทธิ์ OEMละ? =___=
ขายขาดเหมือนเดิมครับ ไม่มี subscription
http://www.pcgamer.com/microsoft-windows-10-will-not-be-sold-as-a-subscription/
สรุปอีกรอบกับการ upgrade, support และ lifetime ของ Windows 10
เรื่องการ support และ lifetime ของ OS นั้นคือ หลังจากอัพเกรดจาก Windows 7 และ Windows 8.1 มาใช้ Windows 10 นั้นยังคงแนวทางเดิม แต่ใช้คำที่ดูเข้าใจง่ายขึ้น โดยทาง Myerson เสริมเพิ่มเติมว่า ในตอนนี้ไม่ใช้แนวทาง subscription model (no subscription model for updates or support or continuing to use the OS) แต่การอ้างอิง Windows "as a service" นั้นหมายถึงอัพเดทย่อยๆ และบ่อยๆ แทนต่างหาก (update the OS with smaller, more regular updates rather than the big, chunky updates of past Service Packs.) และอายุของสนับสนุน Windows นี้ก็ยังเป็นลักษณะแบบเดิม (like XP and Windows 7's Service Packs, for example)
สำหรับการ upgrade ก็เป็นลักษณะฟรีอัพเกรด คือใครที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows 8.1 แล้วอัพเกรดในปีแรกหลังจากที่ Windows 10 จำหน่ายเป็นการทั่วไปแล้ว (ใช้คำว่า offer) และหลักจากปีแรกไปแล้ว ใครที่ต้องการอัพเกรดอาจจะต้องจ่ายเงินแบบเดียวกับรุ่นก่อนๆ แต่ยังไม่กำหนดว่าจะราคาเท่าไหร่ (ยกตัวอย่าง Windows 8 ที่มีค่าใช้จ่าย 120USD)
+10 เอาแบบนี้แหละ
^
^
that's just my two cents.