ปกติแล้วเรามักเห็นซีอีโอของบริษัทไอทีรายใหญ่ ขึ้นเวทีนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ และประชุมเพื่อตอบคำถามผู้ถือหุ้น แต่ Larry Page ซีอีโอของ Alphabet กลับไม่เคยไปประชุมกับผู้ถือหุ้นเลยในช่วงหลัง และต่อให้เป็นเวทีงาน Google I/O ของบริษัทตัวเอง เขาก็ขึ้นเวทีครั้งสุดท้ายในปี 2013 (แม้จะยังไปงานทุกปีแต่ไม่ขึ้นเวทีแล้ว)
ในทางกลับกัน Page กลับไปร่วมงานสัมมนาทางวิชาการด้านหุ่นยนต์, งานประชุมระดมไอเดียแบบ TED, งานวิทยาศาสตร์ Solve for X ของกูเกิล และงาน Sci Foo Camp ที่จัดร่วมกับสำนักพิมพ์ O'Reilly อย่างสม่ำเสมอ แม้เขาไม่ได้ขึ้นพูดในงาน (เขามีปัญหาเรื่องเส้นเสียง) แต่เขาจะเดินคุย ถามคำถาม และนำเสนอไอเดียกับผู้ร่วมงานเป็นปกติ
เคยมีนักวิจัยด้านนิวเคลียร์รายหนึ่งไปงาน Solve for X ของกูเกิล และมีคนแปลกหน้ามาคุยแลกเปลี่ยนไอเดียทางเทคนิคอยู่นาน เมื่อถามชื่อของคนที่มาคุยด้วย เขาก็แนะนำตัวว่า "ผมชื่อ Larry Page" เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีทีท่า "คุณไม่รู้จักฉันเหรอ" เลยสักนิด ในทางกลับกัน Page กลับพยายามอย่างมากที่จะร่วมงานเหล่านี้ในฐานะคนธรรมดา และกลมกลืนกับผู้ร่วมงานคนอื่นมากที่สุด
หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานเรื่องนี้โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า Page สนใจปัญหาใหญ่ๆ มานานแล้ว และช่วงหลังเขาก็เริ่มเบื่อการเมืองภายในของกูเกิล อีกทั้งกลัวว่าความใหญ่ของกูเกิลจะเป็นอุปสรรคต่อการดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาสร้างนวัตกรรม ทางออกของเขาจึงเป็นการสร้างบริษัท Alphabet ที่เป็นบริษัทแม่ แล้วหามือดีมาเป็นผู้บริหารบริษัทลูกๆ แต่ละรายแทน เขาเคยระบุว่าตัวเองและ Sergey Brin อยู่ในธุรกิจแห่ง "การสร้างสิ่งใหม่" (in the business of starting new things)
ตามข่าวบอกว่า Page โยนปัญหายากให้ๆ ซีอีโอ Sundar Pichai ทำแทน และตัวเขาหันไปสนใจเรื่องที่ใหญ่กว่ากูเกิล เขายังรักษาตารางนัดหมายอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการประชุมจำนวนมาก และแบ่งเวลาเพื่ออ่านหนังสือ ค้นคว้า และมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจแทน
ที่มา - The New York Times
คลิป Larry Page ในงาน Google I/O 2013
Comments
อ่านแล้วน่าชื่นชมจริงๆ
คนระดับนี้ แต่อีโก้ต่ำมาก ความถ่อมตัวสูง อวดรู้ต่ำ
ต่างกับคนบางคนที่รู้มากกว่าคนอื่นหน่อยเดียว แต่ชอบข่มคนอื่น
ถ้าเมืองไทยก็ต้องคุณตัน เพียงแต่เขาโดดเด่นไปหน่อย
คุณตันนี่ไม่ใช่ละ เค้าไม่ได้พยายามทำตัว low profile เลยนะ
น่าจะเกิดการเข้าใจผิดมั้งครับ lol
ผมว่าน่าจะเป็นท่านรมต.ที่แข็งแกร่งที่สุดปฐพีมากกว่า
ไม่ใช่แบ้วครับ คนเจ้าการตลาดแบบนั้น ออกโฆษณา ออกเดี่ยวไมโครโฟน มันไม่ low profile แล้ว
เจ้านี้เขาทำตัวอยากดังต่างหาก
อาจจะนอกเรื่องไปนิด แต่พอคุณตันทำอิชิตันมาขายแข่งโออิชิ ผมไม่อุดหนุนสินค้าอิชิตันเลยนะครับ
ผมว่ามันน่าเกลียดเกินไป
โอย คนนี้แหละ Brand Value มากกว่าที่จะเป็นตัวสินค้า ถ้าเดี้ยงขึ้นมาก็ดับสนิทยกบริษัทเลยแหละ
คุณตันเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือการตลาดครับ ตรงกันข้ามกับคนนี้โดยสิ้นเชิง
แล้วเค้าก็ไม่ได้สนใจโลกนี้ด้วยซ้ำ สนใจแต่ผลกำไร ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้เอาเกลือมาทำเป็นหิมะโดยไม่ศึกษาให้ดีก่อน
คุ้น ๆ ใครที่สตีฟไม่รู้จักแล้วฉุนหว่า
Elon Musk
@mamuang
บอกเลยในองค์กรใหญ่ๆ มีเยอะ พวกเจอกันครั้งแรกถามชื่อ ตำแหน่ง และอยู่ under ใคร เจอแล้วจะไม่อยากอยู่เลยล่ะ
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ผมก็เคยเจอแบบนี้
ทดลองติดตั้ง 3 OS | Windows Ubuntu Android
ผมไม่เคยเจอแบบนี้เลยครับผมครับ แบบที่ผมเคยเจอน่าจะเป็นแบบที่ท่าน ๆ เคยเจอกันทั่ว ๆ ไปแหละครับ อีโก้เพียบ หยิ่ง เจ้ายศเจ้าอย่าง เนี๊ยบ ประมาณนี้แหละครับ
ผมไม่เข้าใจแฮะ
ผมเข้าใจเอาเองจากที่เคยเจอว่า เขาอยากควบคุมเราจึงต้องรู้ว่าเราอยู่ภายใต้ใคร นั่นหมายถึงถ้าเขาควบคุมผ่านนายเราได้ก็จบไม่จำเป็นต้องรู้จักเรา
ไม่ใช่ประเด็นหลักหรอก แต่ย่อหน้าที่สามผมอ่านแล้วงงน่ะครับ ลองเปลี่ยนคำว่า "ในทางกลับกัน" เป็น "ซึ่ง" หรือคำอื่นจะดีกว่ารึเปล่าครับ เพราะเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันหมด
หรือผมงงเองคนเดียว
ก็โอนะครับ
"Page ไม่ทำท่า "คุณไม่รู้จักฉันเหรอ" แต่ในทางกลับกัน เค้าพยายามที่จะร่วมงานในฐานะคนธรรมดา"
คือ
"เขาไม่ทำท่าหยิ่งผยองแต่ในทางกลับกันกลับทำท่าทีเหมือนคนธรรมดา"
ไง
ช่างแตกต่างจากบริษัทที่อยากแต่จะขายของหรูๆขี้ลอกแต่ไม่ยอมรับเจ้านึง ฟ้ากับเหว
เว้นไว้ซักข่าวเถอะคร้าบ
ใจเย็นนะครับ
เอ่ยชื่อมาเลยก็ได้ ประชดแบบนี้มันนิสัย ผญ เอะไม่สิ ผญบางคนยังไม่ประชดเลย
ระบุไปเลยว่า ผญ ไทย ก็ดีนะ เพราะถ้าไปพูดงี้กับสาวเยอรมัน โดนเค้าถีบหน้าชัวร์
กำลังพูดถึงโทมัส อัลวา เอดิสันอยู่ใช่มั้ยครับ
ช่างแตกต่างกับสาวกสุดโต่งจริงๆ
ผมว่านี่คือคนปกติ แต่พวกอีโก้สูงหน่ะผิดปกติ ก็มนุษย์เหมือนกันแค่มีเงินมากใช่ว่าจะต้องทำตัวอยู่สูงกว่าคนอื่นซะเมื่อไร
อีโก้สูงก็ยังปกติครับ ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำร้ายใครนั้นเป็นแค่ความเชื่อซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลาและสิ่งแวดล้อมครับ แต่ยากง่่ยขึ้นอยู่กับอีโก้คนนั้นจริงๆ
มันไม่ใช่ประเด็นเรื่องเงินครับ คนแบบนี้คือคนที่มีความสามารถ มีความสำเร็จ สร้างความสำเร็จด้วยตัวเอง
คนแบบนี้ไม่มีอีโก้ ไม่ปกตินะครับ
ส่วนที่คุณว่า นั่นน่าจะพวกรวยข้ามคืน รวยมรดก แล้วดันคิดว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่นมากกว่า
ต่างแตกต่างกับที่ผมอยู่ชัดๆ YY
เขาแค่ทำสิ่งที่เขาถนัด และยกภาระส่ิงที่ไม่ถนัดให้กับมืออาชีพมากกว่าที่จะเป็นเรื่องอีโก้ ไม่อีโก้นะ
kakimoto racing เจ๋งกว่าครับ
เจ้าสำนัก (ประธาน บ. นั่นแหละ) นั่งดัดท่อไอเสียเอง อยู่กลางอู่เลยครับ :)
เท่ห์อ่ะ
..: เรื่อยไป
อยากทราบครับว่า การไม่เข้าประชุมผู้ถือหุ้น มันเป็นผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน
เห็นหลายๆคนชื่นชมเลยสงสัยน่ะครับ
ผมนี่ชอบมองต่าง คือ ถ้า ceo มีหุ้นเยอะจนกลายเป็นผู้มีอิทธิพล ทำไมต้องประชุมกับผู้ถือหุ้นคนอื่น เพราะมีอะไรก็ส่งประเด็นกันนอกที่ประชุมได้ หรือถ้า ceo มีอิทธิพลมากอย่างสตีฟ จ็อป ก็ไม่ต้องประชุมกับผู้ถือหุ้นก็ได้ แต่ถ้า ceo มีหุ้นน้อย อิทธิพลน้อย ผู้ถือหุ้นมีอำนาจมากๆ ceo ก็ถูกเขี่ยได้ตลอดเวลา แบบนี้จะทำเท่ห์ทำกร่างแบบนี้ไม่ได้
ตัวอย่าง ที่น่าจับตาคือ ceo yahoo ถ้าเธอทำเท่ห์ทำกร่างไม่ประชุมกับผู้ถือหุ้น รับรองเธอจะไม่ได้อยู่ถึงปลายปีแน่นอน
ขอบคุณสำหรับบทความครับ
ไม่น่าใช้ "วิถีซีอีโอ"นะ เพราะจั่วหัวก็ใช้ส่วนใหญ่ที่แตกต่างละ น่าจะใช้อะไรที่ดูแล้ว เป็นส่วนตัว เอกลักษณ์ เช่น
"วิถีกูเกิ้ล" เพราะมันก็มาเป็นวิถีการทำงานในบริษัท หรือ "วิถีผู้สร้าง" ก็ได้
คนที่เป็นผู้นำมันควรที่จะจัดสรรเวลาและหน้าที่ความรับผิดชอบได้ดีแบบนี้ ไม่ใช่ดึงเอางานมาไว้กับตัวจนทำวันละ 18 ชั่วโมงก็ยังแทบจะไม่พอ
เขาแค่อยากจะปล่อยงาน แยกทีมไปทำสิ่งใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ ค้นหาไอเดียใหม่ๆ
ถ้ายังอยู่ใน position เดิม คงไม่สามารถทำได้ ทั้งความคาดหวังของผู้ถือหุ้น งานรูทีน ปัญหาที่เกิดขึ้น ฯลฯ
เอ๋.....ถ้าผมจะบอกว่าถ้าผมเป็นเขาผมก็จะทำแบบเดียวกัน จะมานั่งประชุมทำไมฟังคนเถียงกัน ฟังคนพรีเซนเรื่องเดิมๆ ไปหาอะไรใหม่ๆ ทำที่มันสนุกและที่เราสนใจไม่ดีกว่าเหรอ ในชีวิตคนๆ นึงมีอะไรที่อยากทำเยอะแยะ ในเมื่อมีโอกาส ก็ทำไปสิครับในสิ่งที่เราอยากทำ