หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงมาแรง โดยเมื่อคืนนี้มีสถิติใหม่หลายอย่าง ทั้งดัชนีหุ้น Nasdaq ที่สูงกว่า 20,000 จุดเป็นครั้งแรก จากราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้น
ราคาของหุ้น 7 นางฟ้า หรือ Magnificent Seven ที่นักลงทุนเรียกรวมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 แห่ง ต่างปรับเพิ่มสูงและทำสถิติใหม่สูงสุดหลายบริษัท โดย Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 195.40 ดอลลาร์ ทำสถิติใหม่สูงสุด เช่นเดียวกับ Tesla ที่ 424.77 ดอลลาร์ รวมทั้ง Amazon, Apple และ Meta ราคาหุ้นเมื่อคืนนี้ต่างทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ส่วน Microsoft และ NVIDIA แม้ราคาหุ้นปรับขึ้น แต่ยังต่ำกว่าราคาสูงสุดเล็กน้อย
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2024 มีรายได้รวม 88,268 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 26,301ล้านดอลลาร์
รายได้รวมของกลุ่มธุรกิจหลัก Google Services เพิ่มขึ้น 13% เป็น 76,510 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากทั้งโฆษณาในเสิร์ช, โฆษณาใน YouTube ตลอดจน Subscription และฮาร์ดแวร์ ส่วนธุรกิจ Google Cloud ยังเติบโตสูง รายได้ 11,353 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 35% จากความต้องการ Google Cloud Platform สำหรับ AI มีกำไรจากการดำเนินงานเฉพาะส่วนนี้ 1,947 ล้านดอลลาร์
Waymo ประกาศปิดรอบการรับเงินลงทุนซีรีส์ C เป็นมูลค่ารวม 5.6 พันล้านดอลลาร์ นำโดย Alphabet ร่วมด้วยกองทุน Andreessen Horowitz, Fidelity, Perry Creek, Silver Lake, Tiger Global และ T. Rowe Price.
เงินลงทุนในรอบนี้ Waymo บอกว่าจะนำไปใช้ขยายบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ Waymo One ในซานฟรานซิสโก, ฟีนิกซ์ และลอสแอนเจลิส ตลอดจนในเมืองออสติน และแอตแลนตา ผ่านความร่วมมือกับ Uber ในปี 2025 นอกจากนี้จะนำไปขยายธุรกิจของ Waymo Driver ระบบรถยนต์ไร้คนขับพลัง AI ร่วมกับธุรกิจอื่นต่อไป
เงินลงทุนจากซีรีส์ C ทำให้ Waymo รับเงินลงทุนมาแล้วสามรอบรวม 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Waymo ยังคงประกาศแนวทางเพิ่มเงินลงทุนให้ Waymo ต่อเนื่อง
Eric Schmidt อดีตซีอีโอและประธานกูเกิล ได้ร่วมงานเสวนาที่จัดโดย Stanford University ซึ่งมีการบันทึกวิดีโอเผยแพร่ออกมาด้วย โดยตอนหนึ่ง Schmidt ตอบคำถามเกี่ยวกับการแข่งขันด้าน AI ระหว่างกูเกิลกับ OpenAI
Schmidt บอกว่าปัญหาหนึ่งของกูเกิลคือการให้พนักงานทำงานจากที่บ้านหรือแบบรีโมทได้ และกูเกิลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าการเอาชนะในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสตาร์ทอัปจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ผลมากกว่า เพราะพวกเขาทำงานกันหนัก
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2024 มีรายได้รวม 84,742 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรสุทธิ 23,619 ล้านดอลลาร์
ไฮไลท์สำคัญของไตรมาสนี้คือธุรกิจคลาวด์ โดยรายได้ส่วน Google Cloud ทะลุหมื่นล้านเป็นครั้งแรก มีรายได้ 10,347 ล้านดอลลาร์ มีกำไรจากการดำเนินงานเฉพาะส่วนธุรกิจ 1,172 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กำไรเกินพันล้านเช่นกัน
ตัวเลขทางการเงินอื่นที่น่าสนใจมีดังนี้
CNBC อ้างอีเมลภายใน Wiz ที่ส่งถึงพนักงาน ชี้แจงว่าตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ว่า Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิลสนใจซื้อกิจการทั้งหมดของ Wiz ด้วยมูลค่าถึง 23,000 ล้านดอลลาร์ ล่าสุดบริษัทได้ปฏิเสธดีลดังกล่าวไปแล้ว พร้อมบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก
Assaf Rappaport ผู้ร่วมก่อตั้ง Wiz บอกว่าบริษัทจะดำเนินตามแผนงานเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้ที่กูเกิลจะมาเจรจาขอซื้อกิจการ นั่นคือนำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้น และสร้างรายได้ระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
แหล่งข่าวบอกว่าเหตุผลหนึ่งที่ดีลนี้ถูกยกเลิกไป เนื่องจากกลุ่มผู้ลงทุนใน Wiz มีความกังวลว่าดีลนี้จะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลประเด็นผูกขาด และอาจส่งผลกระทบต่อแผนงาน
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ใกล้ปิดดีลเจรจาซื้อกิจการ Wiz สตาร์ทอัปด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 23,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.31 แสนล้านบาท) โดยแผนซื้อกิจการน่าจะประกาศเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ หากดีลไม่เกิดปัญหาขึ้นมาก่อน
Alphabet มองว่าการซื้อ Wiz ซึ่งเป็นบริษัทความปลอดภัยที่มีจุดเด่นบนคลาวด์ จะนำมาเสริมจุดแข็งให้กับบริการคลาวด์ของกูเกิลได้ เพื่อหวังเพิ่มส่วนแบ่งในตลาด
Bloomberg รายงานว่า Alphabet ยกเลิกโครงการ Mineral หุ่นยนต์ที่เดินตามไร่เพื่อวิเคราะห์พืชทีละต้น ซึ่งเริ่มทำในปี 2020 ภายใต้โครงการ X และแยกตัวมาเป็นบริษัทลูกในเครือ Alphabet เมื่อปี 2023
ในเอกสารภายในของ Alphabet ที่ Bloomberg ได้มา ระบุว่า Mineral ค้นหาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมไม่เจอ อีกทั้งธุรกิจหุ่นยนต์การเกษตรมีการแข่งขันสูง อัตรากำไรต่ำ และสุดท้าย Alphabet ตัดสินใจขายเทคโนโลยีของ Mineral ให้กับบริษัท Driscoll's ที่ทำธุรกิจด้านปลูกเบอร์รี่ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ทดสอบระบบหุ่นยนต์กันอยู่ก่อนแล้ว
Dave Burke หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม Android ซึ่งเป็นคนที่ขึ้นมาพรีเซนต์ฟีเจอร์ใหม่ของ Android แต่ละรุ่นในงาน Google I/O ทุกปี ประกาศลงจากตำแหน่ง โดยจะย้ายไปทำงานด้านอื่นในกูเกิลแทน
Burke ทำงานกับกูเกิลมาตั้งแต่ปี 2007 และอยู่ในทีม Android รวมเป็นเวลานาน 14 ปี เขาบอกว่าทำงานมานานขนาดนี้ก็ได้เวลาไปลองทำอย่างอื่นบ้าง สิ่งที่เขาสนใจคืองานที่ต้องใช้ AI กับโครงการด้านชีวภาพ (bio projects) เช่น การค้นหายาชนิดใหม่ๆ หรือ การวิเคราะห์โรคมะเร็ง ซึ่งเขากำลังคุยกับ Sundar Pichai เพื่อดูว่ามีโครงการไหนใน Alphabet ที่เหมาะกับเขาบ้าง
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ประกาศแต่งตั้ง Anat Ashkenazi เป็นซีเอฟโอหรือหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินคนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมเป็นต้นไป ส่วน Ruth Porat ซีเอฟโอคนก่อนหน้า ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไปดูแลส่วนการลงทุนธุรกิจใหม่ให้ Alphabet และเป็นซีเอฟโอรักษาการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
Anat Ashkenazi ปัจจุบันเป็นรองประธานและซีอีโอที่บริษัทยา Eli Lilly and Company โดยร่วมงานกับ Eli Lilly มาตั้งแต่ปี 2001 ในหลายฝ่ายธุรกิจของบริษัท ดูแลด้านการเงินและการดำเนินงาน
CNBC รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ระบุว่ากูเกิลได้ปลดพนักงานอย่างน้อย 100 ตำแหน่ง ในฝ่ายที่เกี่ยวกับบริการคลาวด์ ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายขาย, ให้คำปรึกษา, ฝ่ายกลยุทธ์ go to market, ฝ่ายดำเนินงาน และวิศวกรรม
ตัวแทนของกูเกิลชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่าบริษัทมีการปลดพนักงานเพิ่มเติมในหลายแผนก เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างองค์กรในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงส่งเสริมความสำเร็จของบริษ้ทในระยะยาว
เมื่อเดือนที่แล้วกูเกิลก็ปลดพนักงานประมาณ 200 ตำแหน่งในฝ่าย Core ที่รับผิดชอบ Python, โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค, ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน และแพลตฟอร์มของแอป
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล และ Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram ได้หารือกับสตูดิโอฮอลลีวูดหลายราย เพื่อขอซื้อสิทธิ์ใช้คอนเทนต์สำหรับเทรน AI ในการสร้างวิดีโอ ซึ่งตอนนี้เป็นเครื่องมือ AI หนึ่งที่อยู่ในกระแส และหลายบริษัทก็เร่งพัฒนาแข่งขันอยู่
AI สร้างวิดีโอคุณภาพสูงที่เปิดตัวไปแล้วจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่มีทั้ง Sora ของ OpenAI (ที่ไมโครซอฟท์เป็นผู้ลงทุนหลัก) และล่าสุดคือ Veo ของกูเกิล
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หลังปิดตลาดหุ้นในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีมูลค่าเกิน 2 ล้านล้าน หลังปิดตลาดหุ้น จากที่ผ่านมาเกิดขึ้นในระหว่างวันของการซื้อขาย เมื่อปี 2021 และต้นเดือนที่ผ่านมา
ราคาหุ้น Alphabet เมื่อคืนนี้ปรับเพิ่มขึ้น 9.97% เป็น 173.69 ดอลลาร์ต่อหุ้น มูลค่ากิจการ 2.145 ล้านล้านดอลลาร์
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2024 มีรายได้รวม 80,539 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 23,662 ล้านดอลลาร์
ตัวเลขรายได้-ผลการดำเนินงานส่วนที่น่าสนใจมีดังนี้
ราคาหุ้นของ Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ปิดการซื้อขายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่ 160.79 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้มูลค่าของบริษัทตามราคาหุ้นหรือ Market Cap อยู่ที่ 1.992 ล้านล้านดอลลาร์ ใกล้แตะด่านสำคัญ 2 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว
Alphabet เคยมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2021 ปัจจุบันเป็นบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดเป็นอันดับ 4 รองจาก ไมโครซอฟท์, แอปเปิล และ NVIDIA
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของกูเกิลและ Alphabet ปรับเพิ่มขึ้น มาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับคลาวด์และ AI หลายอย่างตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ได้หารือกับธนาคาร Morgan Stanley เพื่อทำแผนข้อเสนอขอซื้อกิจการ HubSpot บริษัทซอฟต์แวร์ CRM และการตลาดออนไลน์
ปัจจุบัน HubSpot เป็นบริษัทในตลาดหุ้นนิวยอร์ก มีมูลค่ากิจการล่าสุดประมาณ 34,000 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นหลังมีข่าวนี้ออกมา)
รายงานบอกว่า Alphabet ได้ให้ Morgan Stanley ช่วยประเมินในสองประเด็นสำคัญคือ มูลค่าที่บริษัทควรจะเสนอซื้อกิจการ และประเด็นที่อาจถูกหน่วยงานกำกับดูแลขัดขวางดีลนี้ ซึ่งตอนนี้กูเกิลเองก็กำลังถูกหน่วยงานในสหรัฐฟ้องร้องอยู่
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC - European Commission) ประกาศเริ่มการสอบสวนจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดิจิทัล DMA ของสหภาพยุโรป มีผลกับ 3 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้แก่ Alphabet (Google), Apple และ Meta ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้
ประเด็นหลักในการสอบสวนของ EC มีทั้งหมด 4 ประเด็น ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย DMA หรือไม่ มีดังนี้
สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่าสหภาพยุโรปหรือ EU เตรียมสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ได้แก่ แอปเปิล, Meta และ Alphabet ว่าอาจละเมิดกฎหมายดิจิทัล DMA ซึ่งมีโทษสูงสุดคือปรับ 10% ของรายได้
ทั้งนี้ตัวแทนของ EU, แอปเปิล, Meta และ Alphabet ยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อรายงานดังกล่าว
หุ้นของ NVIDIA ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดยล่าสุดหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นหรือ Market Capitalization ของ NVIDIA อยู่ที่ 1.825 ล้านล้านดอลลาร์ โดยหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 2.46% ส่วน Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิลราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 0.53% มีมูลค่ากิจการ 1.821 ล้านล้านดอลลาร์
เมื่อวานนี้ NVIDIA ก็เพิ่งมีมูลค่ากิจการแซง Amazon อย่างเป็นทางการ ทำให้ตอนนี้ NVIDIA เป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ รองจากไมโครซอฟท์ (3.043 ล้านล้านดอลลาร์) และแอปเปิล (2.844 ล้านล้านดอลลาร์)
หลังจากเมื่อวันก่อนแซงได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ในวันนี้หลังปิดตลาดหุ้นสหรัฐ มูลค่ากิจการของ NVIDIA ตามราคาหุ้น ก็สูงกว่ามูลค่ากิจการของ Amazon อย่างเป็นทางการแล้ว โดย NVIDIA ราคาหุ้นลดลง 0.17% มูลค่ากิจการอยู่ที่ 1.782 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วน Amazon ลดลง 2.15% มูลค่ากิจการ 1.752 ล้านล้านดอลลาร์
มูลค่ากิจการของ NVIDIA ตอนนี้จึงเป็นบริษัทที่มูลค่ากิจการมากที่สุดลำดับที่ 4 ในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยอันดับ 3 คือ Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล (ส่วนอันดับ 1-2 นั่นก็เพิ่งแซงกัน) ที่มีมูลค่ากิจการล่าสุด 1.812 ล้านล้านดอลลาร์ ต่างกันไม่ถึง 2% อย่างไรก็ตามด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ห่างกันไม่มาก จึงมีโอกาสเห็นอันดับ 3-4-5 สลับกันในช่วงระยะสั้นนี้
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2023 รายได้รวม 76,693 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิตามบัญชี GAAP อยู่ที่ 19,689 ล้านดอลลาร์
รายได้ในธุรกิจที่น่าสนใจเป็นดังนี้
Appen บริษัทจากออสเตรเลีย ที่รับเทรนโมเดล AI ให้กับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั่วโลก เปิดเผยว่า Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ได้แจ้งยกเลิกสัญญาจ้างงานเทรนโมเดลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลตั้งแต่ 19 มีนาคม เป็นต้นไป และบอกเพิ่มเติมว่าบริษัทไม่มีสัญญาณมาก่อนว่ากูเกิลจะยกเลิกสัญญานี้
การยกเลิกสัญญานี้มีผลต่อ Appen มาก เนื่องจากข้อตกลงกับ Alphabet นี้ มีมูลค่าถึง 1 ใน 3 ของรายได้ส่วนธุรกิจนี้ของบริษัท โดย Appen บอกว่าจะมีพนักงานสัญญาจ้างที่ทำงานส่วน Alphabet อย่างน้อย 2,000 คน ที่ได้รับผลกระทบ
มีรายงานว่า X Lab หน่วยงาน moonshot ที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ของ Alphabet บริษัทแม่กูเกิล ได้ประกาศปรับโครงสร้างภายใน เพื่อให้โครงการต่าง ๆ สามารถแยกและรับเงินทุนสนับสนุนจากผู้ลงทุนภายนอกได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่มาพร้อมการปรับโครงสร้างนี้ คือการปลดพนักงานจำนวนหลายสิบคน เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบองค์กรใหม่นี้ โดยตัวแทนของ X Lab บอกว่าบริษัทได้หาวิธีปรับการทำงานเพื่อให้สามารถนำโครงการต่าง ๆ ออกสู่โลกและผู้คนได้ ซึ่งการปลดพนักงานนี้ก็มาต่อเนื่องจากที่ซีอีโอกูเกิลบอกว่าจะมีการปลดพนักงานอีกในปีนี้
The Information รายงานว่า Alphabet บริษัทของแม่กูเกิล ได้จัดการประชุมในฝ่ายขายโฆษณา ซึ่งตอนนี้มีพนักงานประมาณ 30,000 คน โดย Sean Downey หัวหน้าฝ่ายในอเมริกาบอกว่าจะมีการปรับโครงสร้างทีมฝ่ายขายใหม่ แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีการปลดพนักงานด้วยหรือไม่
แนวทางเบื้องต้นคือการรวมพนักงานในฝ่ายต่าง ๆ และย้ายพนักงานจำนวนหนึ่งไปดูแลส่วนลูกค้ารายใหญ่ที่งบโฆษณาสูงเพิ่มเติม ในรายงานบอกว่ากูเกิลจะผลักดันการใช้ Machine Learning ในการขายโฆษณามากขึ้น ซึ่งช่วยให้ลูกค้าซื้อโฆษณามากขึ้นในทุกแพลตฟอร์มของกูเกิล
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ร่วมมือกับ Meta, Qualcomm และบริษัทเทคโนโลยีอีก 7 แห่ง จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลักดันระบบนิเวศดิจิทัลแบบเปิด เรียกย่อว่า CODE (Coalition for Open Digital Ecosystems) เป้าหมายเพื่อโปรโมตแพลตฟอร์มและระบบเปิด รองรับการสร้างนวัตกรรมเพื่อการเติบโตในภูมิภาคยุโรป
กลุ่ม CODE บอกว่าจะทำงานร่วมกับองค์กรการศึกษา การเมือง และบริษัทต่าง ๆ เพื่อผลักดันแพลตฟอร์มแบบเปิดในยุโรปควบคู่ไปกับกฎหมายตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act - DMA) ในกลุ่มประเทศ EU ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและเป็นระบบปิดซึ่งเรียกว่า gatekeeper ต้องเปิดให้คู่แข่งสามารถเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มได้ด้วย