By: Lamicrosz 
on 26 February 2016 - 05:16
Tags:
หลังจากที่มีข่าวไม่สู้ดี (1, 2) มาตลอด เกี่ยวกับ Project Astoria เครื่องมือในการช่วยพอร์ตแอพจากแพลตฟอร์มอื่นมายัง Windows 10
ล่าสุด ไมโครซอฟท์ประกาศผ่านบล็อกของตัวเองว่าได้ยุติการพัฒนา Project Astoria แล้ว โดยให้เหตุผลว่า การมีเครื่องมือทั้งสำหรับ iOS และ Android ทำให้เกิดความสับสน และด้วยการรับฟังเสียงตอบรับมาพิจารณา จึงคิดว่าควรจะมุ่งเน้นไปที่ Project Islandwood เท่านั้น และเชื่อว่า การเข้าซื้อ Xamarin จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับโครงการ Universal Windows Platform Bridges นี้
ด้านโครงการอื่นๆ มีการอัพเดต ดังนี้
- Project Westminster เครื่องมือในการนำเว็บแอพมาสู่ Windows Store ได้มีบริการของ Yahoo และ Shazam นำไปใช้แล้ว
- Project Centennial เครื่องมือสำหรับการแปลงโปรแกรมแบบ Win32 ได้ปล่อยให้กลุ่มนักพัฒนาบางส่วนแล้ว และจะขยายไปสู่นักพัฒนาอื่นๆ มากขึ้นในอนาคต
- Project Islandwood เครื่องมือการพอร์ตแอพจาก iOS มา Windows ได้เปิดเป็น open source และมีการนำขึ้น GitHub แล้ว ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ได้ปล่อยตัวคอมไพล์สำหรับหน่วยประมวลผลแบบ ARM32 รุ่นพรีวิวแล้ว พร้อมสัญญาว่าจะขยายการรองรับ API ให้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ทางไมโครซอฟท์ก็ได้ขอให้ติดตามการประกาศเพิ่มเติม ในงาน BUILD 2016 ที่จะถึงนี้
ที่มา - Building Apps for Windows Blog
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Cloudnone
- AWS มาไทย ย้ายเลยดีไหม อะไรยังมาไม่ครบบ้าง? | Cloudnone Ep. 23
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
Comments
รองับ => รองรับ
// งับ
มันคงจะหนักเกินไปสำหรับโมบายที่จะให้รัน ดร๋อยบางส่วน ในวินโดวส์อีกทีสินะ ตอนนั้นใช้แบตก็ไหลเป็นก็อกแตกร้อนแล้วเครื่องช้าด้วย ดีแล้วเลิกพัฒนาไปเอาคนไปทำ Islandwood น่าจะดีกว่า
ปัญหาที่จะตามมาก็คือ คนที่พัฒนาแอพ Android ที่อยากจะทำหรือพอร์ตแอพขึ้น Windows 10 Mobile ก็ต้องเริ่มจากศูนย์หรือทำใหม่เลยนะสิ เพราะที่รองรับการพอร์ตในตอนนี้ก็มีแต่แอพที่เขียนบนภาษา .NET/C# แค่นั้น ถ้าทำไม่ได้หรือมีปัญหาก็บอกแต่เนิ่นๆ ไม่ใช้ปล่อยเงียบแล้วมายกเลิกแบบนี้ ถ้าทำไม่ได้หรือเกิดปัญหาขึ้นก็อย่าประกาศออกไปเลย สู้พัฒนาแบบซุ่มไปพลางๆแล้วโดนยกเลิกยังจะดีกว่า
ส่วน Islandwood ที่เพิ่งเห็นตัวอย่างออกมา ดูเหมือนจะยังนำไปใช้งานอย่างจริงจังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ กล่าจะได้รุ่นที่สมบูรณ์ก็ต้องรอนานขึ้นไปอีก แถมวันเปิดตัวก็ยังไร้วี่แววด้วย อนาคตก็ยิ่งริบหรี่ลงทุกที.....
อยากจะเชียร์นะ แต่สถานการณ์แบบนี้ มันคงไม่ถึงฝั่งฝันแล้วหละ ผมพูดจริงๆ
Get ready to work from now on.
สงสัยจะมีตัวแปลง Java -> C# ให้มั้งครับ (จริง ๆ ก็แปลงมือไม่ยากนะ) ไม่ก็รวมไปกับ .NET Compiler เลยกได้ เมื่อก่อนก็เคยมี
การพัฒนาของ Microsoft ออกมาในทาง Opensource มากขึ้นครับ ทำอะไรก็ต้องประกาศอยู่แล้ว
แล้วทุกคนก็จะมาช่วยกันพัฒนา รวมถึง User เองก็ร่วมกัน Feedback ไม่ใช่ซุ่ม แล้วพอทำออกมาก็บอกว่า ไม่เอาละ ลอยแพแบบ Windows Phone 7 ดีกว่า
คือกรณีนี้ คนที่ร่วมด้วยช่วยกันพัฒนา คงลงความเห็นกันว่าไม่ไหวละ ด้วยล่ะครับ เลยหยุด
ถามว่าในมุมของผู้ใช้จริง ๆ เลยที่ไม่ข้องเกี่ยวกับการพัฒนามีผลกระทบมั้ย จริง ๆ คือแทบไม่มีเลยครับ เพราะทุกวันนี้ยังอยู่ Windows 8.1 เลย
ผมว่ามันดีมากนะครับ ที่เค้ากล้าปิดโปรเจ็คที่ทำมา คล้าย ๆ กับที่ Google X ทำอยู่
ถ้าไม่ปิดมันก็เสียคนไปฟรี ๆ ทั้ง ๆ ที่มีงานอื่นให้ทำอีกตั้งเยอะ
ก็ดีครับ โฟกัสไปจุดเดียวดีกว่า สนับสนุนครับ ที่สำคัญ จะได้ไม่หนักเครื่องด้วย
อันนี้ผมเห็นด้วยมากๆ เพราะจะได้ใช้ทรัพยากรไปที่ตัว iOS ก็พอแอพฝั่งนี้ดีๆ เยอะมาก ถ้าทำทั้งสองผมว่าจะหล่มทั้งสองเสียเปล่า ยังไงเสียแอพส่วนใหญ่ก็ iOS First พอมันพอร์ตไป Win10 ง่ายขึ้น ดีไม่ดีอาจง่ายกว่า iOS -> android ที่อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมด จะกลายเป็นว่า ทำ iOS -> Win10 -> android ทำทีหลังก็เป็นได้นะ
ສະບາຍດີ :)
เห็นด้วยกับฌปรคเจค Project Westminster และ centennial ครับ เพราะมันสิ่งที่ Windows phone ควรทำได้ ส่วนที่เหลือผมไม่สนับสนุนครับ เพราะ แม้จะทำให้ได้แอฟเยอะขึ้น แต่คุณภาพที่ได้ออกมามันอาจจะไม่ดีเท่ากับแอพ native ครับ
แอพมันดีกว่าน่ะ ไม่หนักเหมือนดรอย
ผมก็เห็นด้วยตั้งแต่ทีแรกแล้ว IOS อย่างเดียวก็พอแล้วก็เร่งนักพัฒนา Project Islandwood ให้ไวขึ้น
ส่วนนึงที่เสียดายคือโปรเจคนี้ทำ Hyper-V บน W10M มาแล้วแต่ไม่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไป (หรือกระทั่งนักพัฒนา) ใช้ครับ
ส่วนที่โอเคคือ คนทั่วไปรัน virtual machine นี่บ่นแน่นอน เพราะเท่ากับเครื่องหนัก Android อยู่ทั้งตัวแล้วยังต้องรัน W10M ซ้ำอีก
ใจจริงอยากให้เปิดให้แบบสลับแอปออกก็หยุด VM ไปมากกว่า ให้นักพัฒนาส่ง image ไปลงกันเอง
ก็ดีนะเปิด API มากขึ้นน่าสนุก...
The Last Wizard Of Century.
ค่อยๆ โฟกัสไปทีละโปรเจคน่าจะเวิร์คกว่านะ
โปรเจคของแอนดรอยด์คงยังไม่พร้อมในตอนนี้