บริษัท nuTonomy จากสหรัฐอเมริกา เตรียมเปิดธุรกิจรถแท็กซี่แบบไร้คนขับในประเทศสิงคโปร์ภายในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะจัดรถให้บริการหลายพันคัน
บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับของ nuTonomy นี้จะเป็นบริการรถยนต์ "อัตโนมัติระดับ 4" ตามมาตรฐานของกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึงผู้ที่อยู่ในรถเป็นเพียงผู้โดยสารที่ไม่ต้องทำการอื่นใดเพื่อควบคุมรถยนต์ โดยสิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่ป้อนข้อมูลเป้าหมายการเดินทางเท่านั้น ซึ่งตอนนี้รถยนต์ของ nuTonomy ได้ผ่านการทดสอบขั้นต้นตามเกณฑ์ของทางการสิงคโปร์แล้ว ขั้นต่อไปคือขออนุมัติทำการทดสอบบนท้องถนนจริงในเขต One North ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะให้บริการแท็กซี่จริงในอนาคต
2 ผู้บริหารของ nuTonomy คือ Karl Iagnemma ผู้เป็นซีอีโอ และ Emilio Frazzoli ผู้เป็นประธานบริหารฝ่ายเทคนิค เคยทำงานวิจัยด้านหุ่นยนต์กับสถาบัน MIT มานานเกือบ 10 ปี ก่อนจะแยกตัวมาตั้งเป็นบริษัทในปี 2013 ทำธุรกิจการพัฒนาระบบอัตโนมัติของรถยนต์ไร้คนขับ มีผลงานช่วยบริษัทผลิตรถยนต์อย่าง Jaguar และ Land Rover ในการพัฒนาระบบจอดรถในโรงรถแบบอัตโนมัติ จนบริษัทเติบโตขึ้นและล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็สามารถระดมเงินทุนไปได้อีก 3.6 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจเปิดบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับนี้ Frazzoli เคยมาทำการทดลองระบบรถกอล์ฟไร้คนขับสำหรับพานักท่องเที่ยวเยี่ยมชมสวนสาธารณะในสิงคโปร์มาก่อนแล้วในปี 2015 และผลตอบรับความเห็นของนักท่องเที่ยวที่ได้ทดลองนั่งรถกอล์ฟเหล่านั้นก็ออกมาดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ทางการสิงคโปร์จะเห็นชอบที่ nuTonomy จะมาทำธุรกิจรถแท็กซี่ไร้คนขับในประเทศนี้
Frazzoli เคยอธิบายเกี่ยวกับรถของ nuTonomy ว่ามีการใช้ LIDAR เพื่อตรวจจับสิ่งที่อยู่รอบๆ รถ คล้ายคลึงกับรถยนต์ไร้คนขับที่หลายบริษัทกำลังพัฒนากัน แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้เหนือกว่าคือการใช้ LIDAR เพื่อจดจำตำแหน่งของอาคารและสิ่งปลูกสร้างด้วย ผลก็คือแม้ในวันที่หิมะตกหนัก รถของพวกเขาก็ยังทำการวิ่งทดสอบได้ โดยสามารถจำตำแหน่ง, ทิศทาง, ของถนนได้โดยใช้การอ้างอิงตำแหน่งของอาคารแวดล้อมเข้าช่วย
ผลงานของ Frazzoli นั้นไม่ธรรมดา เขายังเคยร่วมพัฒนาอัลกอริทึมควบคุมฝูงอากาศยานไร้คนขับให้แก่กองทัพสหรัฐอเมริกา ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากงานพัฒนาระบบฝูงหุ่นยนต์ทำให้เขามีแนวคิดในการออกแบบภาพรวมของระบบรถแท็กซี่ไร้คนขับนี้ด้วย งานของ nuTonomy ไม่ใช่แค่ว่าพัฒนาให้รถแต่ละคันวิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างไรให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัยและไม่ขัดต่อกฎจราจรเท่านั้น หากแต่ยังสามารถวางแผนให้รถแต่ละคันรู้จักแบ่งพื้นที่แบ่งเส้นทางกันวิ่งได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้บริการผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึงมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียจากการวิ่งตีรถเปล่าไปมา และลดเวลาที่ผู้ใช้บริการต้องรอรถหลังจากเรียก
จากการประเมิน nuTonomy ระบุว่าหากผู้คนในสิงคโปร์ที่ปัจจุบันครอบครองรถยนต์ไว้เพื่อสัญจรกว่า 780,000 คัน หันมาใช้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับทั้งหมด ด้วยอัลกอริทึมของพวกเขา จะสามารถให้บริการผู้คนเหล่านั้นโดยใช้รถแค่ 300,000 คันเท่านั้น โดยแต่ละคนจะใช้เวลารอรถแท็กซี่หลังจากเรียกผ่านแอพไม่เกิน 15 นาที แน่นอนว่า nuTonomy ยังไม่มีแผนที่จะเตรียมรถไว้มากขนาดนั้น และใช่ว่าทุกคนจะหันมาใช้บริการเขาแน่ๆ แต่ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นของ nuTonomy ว่าจะบริหารการใช้รถของตนเองให้มีประสิทธิภาพได้ขนาดนั้น
เชื่อว่าอีกไม่นานรถของ nuTonomy ก็คงจะผ่านการทดสอบและสามารถให้บริการจริงได้ ถึงตอนนั้นใครมีโอกาสไปสิงคโปร์ก็น่าจะลองแวะไปใช้บริการรถยนต์ไร้คนขับดูสักครั้ง
ที่มา - IEEE Spectrum, MIT News
Comments
เค้าใช้รถอะไร
จากในรูปก็เป็นมิตซูบิชิ i-MIEV 2016 เป็นรถไฟฟ้าครับ
ตอนแรกนึกว่า Tata
my blog :: sthepakul blog
ว่าแล้วเชียวว่าต้องมา
ในรูป ผู้หญิงคนข้างหน้า กับผู้ชายคนขวาหลังสุด เป็นคนไทยนะครับ
Ref : ThaiRobotics
ปรบมือสิครับ รออะไร / อยากให้ถึงคิวประเทศไทยไวไว (แน่นอนว่าอีกนาน)
มันจะใช้ได้จริงๆแล้วเหรอเนี่ย นึกว่าต้องทดสอบอีกนานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ล้ำ... จะเป็นจริงแล้วหรือนี่ ว่าแล้วก็นึกถึงหนังตอนพระเอกทำลายระบบขับอัตโนมัติแล้วขับเอง ของจริงเปิดช่องเปล่าเนี่ย
ที่มันจะเป็นจริงได้ ก็เพราะสิงคโปร์มีพื้นที่ค่อนข้างเล็กด้วย ขึงจัดการและดูแล้ได้ทั่วถึงมากกว่าประเทศอื่นๆ
Get ready to work from now on.
นี่เลื่อนไปดูก่อนเลยมี tag april fool หรือเปล่า
บอกตามตรง ยังไม่กล้านั่งอ่ะครับ
อยากให้เข้าไทย ไม่มีปฏิเสธผู้โดยสารแน่นอน
แต่อาจถูกตั้งโปรแกรมว่าถ้าคนไทยใช้บริการให้แจ้งเตือนว่า...ไฟฟ้าหมด
lol
ลั่น
หรือเปลี่ยนกะ เอ๊ย ไม่ใช่ แบตหมดต้องกลับไปเติม
มาถึงจุดที่ให้บริการ taxi ได้แล้วหรอเนี่ยๆ
นึกถึง tesla เลยแฮะ 555
ระบบขนส่งบ้านเค้ากับบ้านเรา ต่างกันฟ้ากับเหวเลยครับ เคยไปงานแต่งเพื่อนอยู่ครั้งนึง โอ้โห เงิบเลย 55+
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
Taxi ชั่วๆจะหมดลงก็คราวนี้แหละ
เด๋วมันก็เข้าไทยแล้วครับ ในอีกห้าร้อยปีข้างหน้าเอง แป๊ปเดียว
บางครั้งการจัดการเข้มข้นขนาดนี้ ก็ส่งผลให้ผลักดันอะไรได้ไวมากถึงจะไม่เต็มใบก็เถอะ
รัฐบาลสิงคโปร์มาจากการเลือกตั้งนะครับ
หลักนิติรัฐ หลักกฏหมายสากล สิทธิมนุษยชน ก้ใช้ตามปกติสากล
ใช่ครับแต่ถ้ามองตามหลักพาวเวอร์คุณก็รู้ว่าไม้ซีกจะงัดไม้ซุงยังไง
งงครับ