VISA ประกาศทดสอบแนวคิด (proof of concept - PoC) ของระบบเคลียร์ริ่งระหว่างธนาคารผ่านเครือข่าย blockchain ที่ชื่อว่า Interbit โดย VISA จะส่งคำเชิญไปยังธนาคารบางธนาคารในยุโรป
Interbit แสดงรายละเอียดการทำงานมากกว่าเครือข่ายเคลียร์ริ่งระหว่างธนาคารอื่น โดยแต่ละธนาคารจะมี Smart Contract เป็นของตัวเองสำหรับการกำหนดเพดานเครดิต ส่วนระบบกลางมี Contract สำหรับกำหนดค่าธรรมเนียม, รายชื่อสมาชิก, และระบบเคลียร์ริ่ง
การเชื่อมต่อ Interbit จะเชื่อมต่อผ่านเกตเวย์เข้าไปยังเครือข่ายของ Interbit ผู้ให้บริการประมวลผลการจ่ายเงิน (payment processor) จะให้บริการลูกค้าผ่านการจ่ายเงินปกติไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือการจ่ายผ่านบัตรเครดิต
VISA ระบุถึงประโยชน์ของการเคลียร์ริ่งผ่าน blockchain เช่นนี้ ว่าจะลดค่าใช้จ่าย, ลดระยะเวลาชำระหนี้
Comments
ไม่มีข้อเสียเลยหรอ?
ข้อเสียหลักๆ ของระบบ blockchain ส่วนใหญ่ (ผมยังไม่เคยเห็นใครออกรายงานแก้ปัญหาพวกนี้ได้)
lewcpe.com, @wasonliw
ดูแล้วที่ VISA จะทำก็คือเป็นระบบหลังบ้านที่ผู้ใช้ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว และมันก็เป็นวงเงินของธนาคารแต่ละแห่งที่รู้แค่ว่า block นี้มาจากธนาคารไหนแต่เป็นของใครธนาคารก็ปิดเป็นความลับได้ใช่ไหมครับ แถมทำให้ระบบธนาคารเคลียร์เงินกันเร็วขึนด้วยเหมาะกับการรูดบัตรแบบสุดๆ
ใช่ครับ แต่ธนาคารก็จะเห็นกันเองว่าใครซื้อกับใครขายกับใคร (ก็อาจจะไม่ต้องการเปิดเผยว่ากิจการดีแค่ไหนให้ธนาคารอื่นเห็น)
lewcpe.com, @wasonliw
ผมมองว่าอันนี้เช็คกับเครดิตบูโรเอาก็น่าจะมีข้อมูลลูกหนี้อยู่นิครับไม่น่าจะต้องกังวลเหมือนข้อมูลนี้ธนาคารต่างๆก็ดูเหมือนจะรู้ๆกันอยู่ใช่ไหมครับ?!?
อันนี้แล้วแต่สภาพตลาดต่างๆ ครับ ตลาดผ่านตัวกลางมันมีเยอะมาก ตลาดหุ้น, ตลาดซื้อขายหนี้, ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ พวกนี้ใช้ blockchain มาแทนที่ตัวกลางได้ ผมไม่ทราบว่ามีตลาดไหนเข้าถึงข้อมูลได้แค่ไหน แม้แต่เรื่องหนี้ที่คุณว่าผมก็ไม่รู้ว่าธนาคารเข้าถึงข้อมูลเครดิตบูโรได้แค่ไหน ส่วนที่คุณบอกว่า "รู้ๆ กัน" นี่ผมก็ไม่เคยทราบ ได้ยินจากคุณนี่ล่ะ (แล้วคุณรู้มาจากไหน?)
lewcpe.com, @wasonliw
การทำ settlement ของการรูดบัตรไม่ได้ทำกัน realtime อยู่แล้วครับ มักจะ batch กันรายวัน (แต่ทั้งนี้ ขั้นตอนการ "จองวงเงิน" เวลาเอาบัตรรูดเครื่องหรือเสียบเครื่องนั้นจะเป็น realtime)
ข้อดีของการใช้ blockchain น่าจะเป็นการลดความยุ่งยากลงในการทำ settlement ระหว่างประเทศ (cross-border settlement) ลงมากกว่าครับ (มองเผินๆ อาจจะคิดว่าแค่ส่งตัวเลขไปหักบัญชี แต่ในความเป็นจริงมันมีขั้นตอนวุ่นวายกว่านั้นมาก )
ข้อ 2 มีการเสนอทางแก้ไขคือ off-chain transactions ครับ ที่โดยตัวของมันเองก็มีปัญหาอยู่อีกเยอะ
อันนั้นก็คือไม่ได้ใช้ blockchain นี่ครับ? โดยเฉพาะการอาศัย third-party นี่ก็คือการเชื่อตัวกลาง แค่ว่าตัวกลางจะเป็นใช้หลังบ้านเป็นอะไรก็อีกเรื่อง
เหมือนทุกวันนี้ที่ธนาคารโอนเงินให้เรา เราก็ไม่เคยสนใจว่าธนาคารจะ settle ระหว่างธนาคารกันอย่างไร
กรณีนี้สถาปัตยกรรมของ Interbit เองก็ใช้แบบเดียวกัน คือลูกค้าทั่วไปไม่ต้องมาสนใจ blockchain แต่มันใช้เคลียร์กันเองระหว่าง processor ด้วยกันเท่านั้น
lewcpe.com, @wasonliw
มันมีการทำ off-chain อีกรูปแบบหนึ่งคือการใช้คอนเซปของ payment channels ที่ให้ end user แลกเปลี่ยนกันโดยตรงผ่านทางช่องทางหนึ่ง (p2p) และ settle ระหว่างผู้โอนกับผู้รับโดยตรงเมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น โดยควบคุมการจ่ายด้วย smart contracts ด้วยนะครับ
อาจจะฟังดูคล้ายๆ กับการทำ settlement ของธนาคารตามที่คุณ lew อธิบายมา แตกต่างกันตรงที่ settlement นี้เกิดขึ้นระหว่างสองฝ่ายที่แลกเปลี่ยนมูลค่ากันโดยตรงแทน
ฝั่งของ Ethereum มี Raiden ที่ Omise เป็น sponsor อยู่ด้วย