ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอไมโครซอฟท์เผยว่า เขากับ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอไมโครซอฟท์ มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องทิศทางกลยุทธ์ของบริษัท รวมถึงความสำคัญของการเข้าสู่ธุรกิจฮาร์ดแวร์ โดยบัลเมอร์นั้นผลักดันแบรนด์ Surface มาก แต่บอร์ดกลับให้การสนับสนุนน้อยมากๆ แต่จุดวิกฤติที่สำคัญคือธุรกิจมือถือนั่นเอง
บัลเมอร์ยังกล่าวว่า เขาเสียดายที่ไม่เข้าสู่ธุรกิจฮาร์ดแวร์เร็วกว่านี้ โดยเฉพาะมือถือที่การขึ้นอยู่กับคู่ค้านั้นไม่ได้ผลเหมือนกับธุรกิจพีซีที่ไมโครซอฟท์เพียงแค่ขายซอฟต์แวร์ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ภายนอก บทสัมภาษณ์ของบัลเมอร์นี้สะท้อนถึงที่ สัตยา นาเดลลา ซีอีโอคนปัจจุบันของบริษัท ซึ่งยอมรับว่าไมโครซอฟท์พลาดในตลาดมือถือไป แต่ก็พยายามไปผลักดันสินค้าประเภทใหม่ๆ แทน
ที่มา: สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
Comments
เอาจริงๆนะ ถึงทำก่อนเค้าก็แพ้เค้าอยู่ดี
แล้ว Windows Mobile พี่ก็ทำมาก่อนเค้าตั้งกี่ปีครับ?
+1 WinMo นี่ยุคนึงเคย smart สุดๆ เลย ก่อน iphone จะมาน่ะ ถ้าคิดทำได้ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ต้องซื้อ Nokia ละ มัวแต่ดัน 6.5 กับสไตลัสอยู่นั่นแหละ
ที่สำคัญ ทำ OS แล้วปล่อยให้คู่ค้ามันผิดตรงไหน ในเมื่อทุกวันนี้ android ก็ทำอยู่จนครองโลกไปแล้ว
เข้าช้า แต่ดีกว่า และแตกต่าง ก็สามารถแย่งส่วนแบ่งได้นะครับ
อ้าวนึกว่าเป็นกุนซือซะอีก คุณเป็นผู้นำ เป็นคนกำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดนโยบาย
ความผิดพลาดมันเกิดจากคุณทั้งนั้น เป็นต้นเหตุ มีอำนาจแต่ไม่ใช้ แถมอาจมีวิสัยทัศน์ยังไมใช้อีก
ดูตัวอย่างจาก
- Windows เป็นตัวอย่าง Vista => Windows 7 =>Windows 8 สิสร้างมาอย่างรีบร้อนค่อยมาแก้บักตามทีหลัง
- .Net Framework ตอนแรกเข้าใจว่าสร้างมาเพื่อ... Cross Platform จนแล้วจนรอดเพิ่งมาทำเมื่อไม่กีปีนี้เอง
แถมความซับซ้อนสูงมาก ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เวอร์ชั่นก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
- Visual Studio เป็นสุดยอดของ IDE แต่ไม่ยอมทำเป็น OpenSource ปล่อยให้ Mono ทำ ถ้าคุณบัลเมอร์ทำให้มันเป็น OpenSource
และมีใช้ร่วมกับ Linux หลายๆ Distro ตอนนี้ MS ก็ไม่ต้องการ สัตยา หรอก
นวัตกรรมเพิ่งมาเยอะตอนมีผู้นำชื่อ สัตยา นะครับ
ประเด็นความพ่ายแพ้ของ Microsoft ในตลาดมือถือคือ แอป ครับ จบ...
ผมเห็นว่าวิสัยทัศน์ของ Ballmer ด้าน mobile นอกจากจะแย่แล้ว ยังชอบดูถูกคนอื่นด้วย
ในปี 2007 ในขณะที่ google ประกาศว่าจะทำ Android และมีหลายบริษัทเข้าร่วม
Ballmer ให้สัมภาษณ์ว่า Android เป็นแค่ระบบปฏิบัติการบนกระดาษและไม่มีความสามารถอะไรจะมาแข่งขันกับ Microsoft (ตอนนั้น microsoft มี windows mobile 6)
http://www.infoworld.com/article/2642062/networking/google-s-android-just-a-press-release--says-ballmer.html
พอ Android เปิดตัวมีบริษัทพันธมิตรผลิตโทรศัพท์ Android ออกมาขาย Ballmer ก็ให้สัมภาษณ์ดูถูก Android อีกว่า เป็นระบบปฏิบัติการที่ล้าหลัง และ Google ไม่สามารถทำเงินให้ Google ได้
http://www.zdnet.com/article/ballmer-calls-googles-android-way-behind/
พอ Android เริ่มไปได้ดี Ballmer ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีก จนเกิดวลีเด็ดที่หลายคนอาจจะจำได้ “You don’t need to be a computer scientist to use a Windows phone and you do to use and Android phone…It is hard for me to be excited about the Android phones.” คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในการที่จะใช้ windows phone แต่คุณจำเป็น เพื่อที่จะใช้ android.
แน่นอนว่าเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองว่า Ballmer .... เกินไป ที่จะใช้ Android ได้
ระหว่างนั้น windows phone 7 , windows phone 8 ก็อย่างที่เห็น
ในขณะที่ Android เกือบจะครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ Ballmer เคยออกมาแถลงว่าจะทำ windows phone ให้ run app anroid ได้ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไป
เท่าที่เคยดูประวัติของ Gates กับ Ballmer แล้วถ้า Gates เป็น CEO อาจจะนำพาบริษัทในช่วงยุคเปลี่ยนผ่านจาก desktop สู่ mobile ได้ดีกว่านี้
และจริงๆแล้วดูจากผลงานที่ผ่านมาการที่บอร์ดไม่สนับสนุนเขาก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ผมกลับมองว่านั่นคือสิ่งที่ผู้นำหรือ CEO จำเป็นต้องทำอยู่แล้วครับ จะให้ออกมาชื่นชมความดีงามของคู่แข่งก็ดูกระไรอยู่
เห็นต่างนะครับ บางครั้งการไม่ออกความเห็นหรือพูดให้สุภาพกว่านี้เป็นสิ่งที่ดีกว่า
แขวะแบบบัลเมอร์ ไม่น่ารักครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ทิมคุกพูดประมาณว่าใครต้องการ PC ในเมื่อมี iPad Pro ที่เทียบเท่า PC (เหรอ)
ดูอย่างสัตยาเป็นตัวอย่างนี่เห็นชัดครับ เขาพยายามเป็นมิตรกับทุกฝ่ายให้ได้ แม้จะเพื่อธุรกิจและการที่มี Windows เป็น OS หลักๆสำหรับผู้ผลิต Hardware หลายๆบริษัทก็ตาม
ต้องดูนโยบายในตอนนั้นๆ ด้วยครับว่าต้องการขายอะไร อย่างที่ช่วงหนึ่งที่เค้าฮิตๆ คำว่า iPhone killer กัน ช่วงนั้นแต่ละค่ายต่างก็ออกมาฟัดกันสนุกสนาน ที่สัตยาพยายามผูกมิตรกับทุกฝ่ายก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะตัวผลิตภัณฑ์มันไม่จำเป็นต้องออกไปฟาดฟันกับใครตรงๆ แม้แต่ฮาร์ดแวร์ที่ออกมาขายอย่างตระกูล surface ก็ออกมาเพื่อเป็นต้นแบบให้กับพาร์ทเนอร์ เลยดูไม่มีความจำเป็นต้องเปิดหน้าไปชนกับใคร
อันนี้คงอยู่ที่ประสพการณ์ละครับ
เจ้านายเก่าผมบอกเสมอว่า "อย่าเป็นศัตรูกับใคร ไม่ชอบก็เก็บไว้ในใจ อย่าไปยุ่งพอ เค้าไม่รู้ว่าเราไม่ชอบเขา เขายังมาซื้อของเรา แต่ถ้าเขารู้ว่าเราเป็นศัตรูเขา เราจะขายของได้ยังไง"
ตรงนี้อยู่ที่วัฒนธรรมด้วยแหละครับ ซึ่งวัฒนธรรมการบลัฟกันระหว่างคู่แข่งบ้านเรากับอเมริกานี่ก็แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์แบบผู้ค้ากับลูกค้าตรงนี้ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งนะครับ แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องธุรกิจผมมองว่าไม่ว่าจะฟาดฟันกันรุนแรงแค่ไหนแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่สามารถคุยเรื่องผลประโยชน์ได้ลงตัว ก็สามารถที่จะกลับมาจูบปากกันได้ง่ายๆ เหมือนกัน
บลัฟกันนี่เข้าใจครับ แต่จากบทความที่ท่านบนๆยกมา ผมว่าไม่น่ารักครับ
บลัฟกับ Coke กับ Pepsi อันนี้ฮาและน่ารัก
การกระทำและคำพูดของบัลเมอร์ ห่างไกลคำว่าน่ารักครับ มองว่าสร้างศัตรูได้เลย
โอเคครับตอนนี้เราคงพูดกันคนละเรื่องแล้ว เพราะคำว่าบลัฟกับน่ารักอันนี้คนละเรื่องกัน การบลัฟกันแบบแรงๆ ก็เคยมีให้เห็น อย่างโฆษณาของ Apple ที่บลัฟใส่ IBM ก็ไม่ได้ดูน่ารักเลย แต่สุดท้ายก็กลับมาวนเวียนกลายเป็นคู่ค้ากันได้
ต้นเหตุที่ผมเขียนคือ "อย่าเป็นศัตรูกับใคร" ครับ
ผมก็แสดงความเห็นว่าบัลเมอร์ สร้างศัตรู ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ "บลัฟ" ตรงๆนะครับ
เรื่องบลัฟ คุณบอกว่าที่นู่นเล่นกันเป็นปกติ
ผมก็บอกว่า อย่างที่บัลเมอร์ทำ ไม่เรียกว่าปกติซักเท่าไหร่ เพราะปกติไม่ค่อยมีใครอยากสร้างศัตรูกัน ผมมองว่าเป็น "นิสัย" ส่วนตัวล้วนๆครับ
ผมว่ายิ่งบัลมอดูถูก Android เท่าไหร่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขากลัว Android มากเท่านั้น
ตานี่ ผมก็ว่าโทษไปเรื่อยหน่ะแหละเป็นถึง CEO โทษใครไม่ได้แล้ว ก็โทษบอร์ดมันนี่แหละ
บอร์ดเขาผลักดันน้อย อาจจะเพราะมีคำถามอยู่ในใจก็ได้ ลังเล ไอตานี่มันเคลียร์ได้รึเปล่าหล่ะ
แล้วด้านอื่นๆ ของ MS ก็ทดถอย ล้วนๆในสมัยตานี่คุม มีอะไรให้จดจำบ้าง Window Vista สินะ
หรือไม่ก็ผลงานชิ้นโบว์แดงแบบนี้
https://www.youtube.com/watch?v=_GR4UY1ylwE
ป๋าก็เลยซื้อ Nokia แล้วก็ลงจาก CEO
ให้ Staya มาคอยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวสิ่งที่ตัวเองทำไว้นะสิฮะ
ตอนนี้จะพูดอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็พูดได้ ท่านบิลเค้าบรรลุทางด้านมูลนิธิไปแล้วคงไม่ลงมาแก้ตัวอะไรกันมั้งฮะ
เพราะ ego สินะถึงได้กล้าดัน Kin ในสภาพการณ์แบบนั้น
https://www.blognone.com/node/18977
มือถือที่แพ้เพราะ 1. ช้าโคตรๆ ในการปล่อยแต่ะละรุ่น
2. API ใช้ยากไปหน่อย
3. การตลาดสนับสนุนผิดพลาดควรจะสนับสนุน App ที่มีประสิทธิภาพ มากกว่า App ขยะใน Store
4. แพเยอะไป
ผมไม่ค่อยถูกชะตากับป๋า Ballmer เท่าไหร่ ดูสไตล์แก aggressive ไปหน่อย เหมือนแกใจร้อน รีบด่วนตัดสินใจนู่นนี่
ต่างกับ Satya ผมโคตรเชื่อถือคำพูดแกเลย ถูกใจ 55