ในเอกสารที่แอปเปิลยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เผยตัวเลขรายได้ที่ซีอีโอ Tim Cook ได้รับในปี 2016 รวมแล้วที่ 8.75 ล้านดอลลาร์ (313 ล้านบาท) ลดลงจาก 10.28 ล้านดอลลาร์ที่เขาได้ในปี 2015 (367 ล้านบาท) ด้วยเหตุผลว่ารายได้และกำไรพลาดเป้า
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเฉพาะของเงินเดือนของ Tim Cook เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่ลดลงคือเงินโบนัสตามผลประกอบการของบริษัทเท่านั้น
เอกสารของแอปเปิลบอกว่ารายได้ในปี 2016 ลดลง 7.7% และกำไรจากการดำเนินการลดลง 15.7% จากในปี 2015 ส่งผลให้ค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูงลดลง
ที่มา - CNBC
Comments
เป็นสัญญาณของ.....//ขอเล่นหน่อย
ปล.ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ผลงานปีนี้มีแต่คนบ่น
ให้ Ive เลิกเสพติดความบางได้แล้วครับ ทำ Macbook Pro สักที ไม่ใช่ Macbook Air ที่สลักว่า Macbook Pro
หรือไม่ก็หันไปทำ Condom ขายแข่งกับ Okamoto ก็น่าจะรุ่ง
Jonathan Ive เน้นปรัญชาความเรียบเกินจนตัดขาดแทบไม่มีอะไรเลย ส่วนอันท้าย ผมว่าถ้าJonathan IveทำCondomบางกว่าแบรนต์ญี่ปุ่น ผมว่าไม่ต้องใส่หรอก
เปลี่ยน CEO เหอะ อยากได้ความว้าวกลับมา (แต่คงต้องเสียเวลาหาคนใหม่นานหน่อยแหล่ะ)
จ้าง Elon Musk สิ่ครัช ^_^
ถ้า Musk ยอมนี่คงเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ
Stephen Elop
หรือจะคนนี้ดี...งานนี้แมคอาจติดโทรจัน
เปลี่ยน Johny ive ดีกว่า
สงสัย courage มากไป
ขนาดเราเป็นสาวกค่ายนี้ยังส่ายหัวเลยค่ะ ออกโปรดักส์ไม่โดนเลย+แพงมากกกก
เหมือนกันครับ ปีที่ผ่านมาผมก็ไม่โดนเลย โดยเฉพาะ MBP นี่ผมเฟลมากๆ
นึกว่าผมคิดแบบนี้คนเดียว.. มือถือเครื่องต่อไปคงไม่ใช่ iPhone ละ ส่วน Notebook นี่ทำใจลำบากเลย ชอบระบบ Mac มากตรงที่มันไม่มีปัญหา virus มาคอยกวนใจมากเท่า Windows บางทีคงต้องหันไปมองพวก linux ซะละมั้งเรา
Virus อยู่ที่คนใช้ครับ ผมใช้ windows มาก็ไม่เคยเจอ virus
+1 แต่ส่วนมากคนใช้ที่มาจากแมคจะเคยตัวครับ เพราะระบบเค้าไม่ค่อยมีไวรัสกวน (มันไม่คุ้มจะไปเขียนไวรัสกวนน่ะ) ทำให้ส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องความปลอดภัยในการใช้เครื่องค่อนข้างต่ำ เป็นข้อเสียของคนที่ใช้ระบบนี้เลย พวกใช้วินโดว์เนี่ย เค้าชินแหละเป็นส่วนมาก และรู้วิธีป้องกัน หลบเลี่ยง และแก้ไขด้วยตัวเองได้
ที่ไวรัสมันเข้ามาทำอะไรเครื่องแมคได้ยากหรือคนไม่นิยมเขียนไวรัสให้แมคส่วนหนึ่งเพราะทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับระบบมันจะมีป็อบอัพขึ้นมาให้กรอกพาสเวิร์ดก่อนครับ ตรงนั้นมันก็พอจะทำให้มีเวลาฉุกคิดได้บ้างว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร
เห็นด้วยครับ ไม่ใช่เพราะไม่ระวังตัวเองนะ แต่รู้ว่ากำลังทำอะไร
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ที่แมคติดไวรัสยากเพราะ user ไม่รู้พาสเวิร์ดของเครื่องตัวเองครับ ต้องโทรไปถาม iStudio
แซวเล่นนะครับ
อันนี้เีรื่องจริงครับ คุณใช้ Mac ส่วนมากไม่รู้ Password Admin เครื่องตัวเองครับ
เดี๋ยวนะถ้าไม่รู้พาสเวิดจะเปิดเครื่องยังไง
เพิ่งรู้ว่ามีแบบนี้ด้วย ตลกร้ายมากๆ 555
ความจริงคือ ผมใช้ windows มา 10กว่าปี ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ Mac ก่อนหน้านั้นก็มีปัญหากับไวรัสมาตลอดนะครับ ยอมรับว่าหลังจากเปลี่ยนมาใช้ Mac นี่รู้สึกเคยตัวกับความปลอดภัยที่มากกว่าจริงๆ เพิ่งจะลง vmware+win7 เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ก็เจอ worm ตัวแรกเลย 555
มันมีหลายตัวแล้วครับเพราะคนเริ่มฮิตใช้แม็คมากพอที่เขาจะมีใจสร้างไวรัสลงเครื่อง Mac แล้ว เพียงแต่คุณไม่ได้เอาตัวไปเสี่ยงโดน คุณก็เลยเห็นว่าไม่มีไวรัส
ผมพูดถึงความเคยชินในการใช้งานน่ะครับ ไม่ได้บอกว่าเยอะตัวหรือไม่เยอะ (แม้ว่าไอ้หลายตัวที่ว่าเนี่ยมันแค่ไม่ถึงเปอร์เซนต์ของไวรัสในวินโดว์ก็เหอะนะ) ไม่ว่าผมทำงานกี่บริษัท ๆ คนที่ใช้งานเครื่องแมคจะมีความรู้เรื่องการรักษาความปลอดภัยและการแก้ไขเครื่องต่ำกว่าพวกใช้งานวินโดว์แทบจะเป็นเรื่องปกติเลย เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พวกเค้าไม่เคยเจอ และไม่เคยชิน
มันเป็นอัตราแปรผกผัน เครื่องยิ่งมีความปลอดภัยสูง ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะเชื่อในระบบความปลอดภัยสูง จนวินัยในการรักษาความปลอดภัยต่ำ และความรู้ที่จะแก้ไขเมื่อเครื่องมีปัญหาก็จะต่ำตามไปด้วย ในขณะที่ถ้าใช้เครื่องที่ระบบมีความปลอดภัยกลางหรือต่ำ พวกเค้าจะมีความเคยชินในการใช้เครื่องสูง ความรู้เรื่องความปลอดภัยต่่าง ๆ ก็จะมากตามประสบการณ์ที่พบเจอ วิธีการแก้ไขปัญหาก็ยิ่งมีความเชี่ยวชาญมากกว่า
อันนี้เป็นเรื่องปกติมาก ๆ ครับ
+1 จากสาวกเช่นกัน
ผมเริ่มสายหัวตั้งแต่ดีไซน์ไอโฟน 6 ละแถมตอนนั้นไล่เถียงคนอื่นรัวๆ ว่าไอโฟนหน้าตาต้องไม่อัปลักษณ์แบบมือจีนเกลื่อนๆ ตามตลาดนัด ทุกวันนี้ยังไม่หายหน้าชาเลย
ส่วยหัวครั้งต่อมาคือ เดอะนิวแม็คบุ๊คบางเฉียบเสป็คอ่อนๆ ในราคาเร่ิมต้นครึ่งแสน
ตอนนี้ไม่คาดหวังไรมากละ สแครช 5s อย่างไร้ความหวัง(ชอบ iOS อย่างเดียวละตอนนี้)
เป็นสาวก Macbook Pro กับ Mac Mini เฟลหมดทุกสิ่ง
ปีที่ผ่านมาผลงานมันก็พังจริงๆละ Macbook Pro กับ iPhone ต่อสายกันตรงๆไม่ได้ ไหนจะหูฟังแถมก็ดันใช้กับMacbook Pro ไม่ได้อีก
ทั้งๆที่ออกห่างกันแค่เดือนเดียว
Appleมีจุดเด่นเรื่องความเข้ากันได้ระหว่างผลิตภัณฑ์(ของตัวเอง)มาโดยตลอด แต่ผลงานปีที่ผ่านมาดันทำลายจุดเด่นนี้ซะหมด
ถ้าJobsอยู่ CookกับIve คงโดนสายUSB-Cรัดคอตายทั้งคู่แล้วมั้ง
พวกสาย Mobile ออกมาซ้ำหลายปีค่อนข้างน่าเบื่อ
ส่วนสาย Mac ก็ดองจนคนถอดใจไปซื้อยี่ห้ออื่นไม่ก็ประกอบ Hackintosh กันหมด
MBP 2016 สำหรับผมโอเคเลยนะติดอย่างเดียวที่ราคาออกมาแบบไล่ไม่ให้ซื้อซะงั้น
พอบอกกำไรไม่เข้าเป้าอย่างนี้ ยิ่งทำให้ผมคิดเลยว่า ราคา MacBook Pro ครั้งล่าสุดที่แพงเวอร์ๆ จนหลายๆคนบาย อาจเป็นการเสี่ยงดวงทางธุรกิจก็ได้ว่าราคาที่ขึ้นไป หวังจะช่วยดันรายได้ให้เข้าใกล้เป้าเพิ่มขึ้น (โดยมโนฯว่า จำนวนคนซื้อจะไม่ลดลงจากราคาที่เพิ่มขึ้น)
สังเกตทุกความเห็นจะเห็นตรงกันอย่างมิได้นัดหมาย
ผมก็เห็นด้วย โดยเฉพาะเรื่อง MacBook Pro น้าติ๋มแกตั้งราคาได้บ้าบอมากๆ
ผมว่า เขาเลือกตัว CEO ผิด คนที่โดนให้พ้นออกจาก Apple อาจจะกลับมารับหน้าที่ CEO ในวันที่ Apple ใกล้ล้ม
Scott Forstall??
ใช่ครับผม คนนี้คนเดียวที่จะมาชุบ Apple
ชุบช๊อกโกแลต ?
อยากให้เปลี่ยน CEO อีกเสียงครับ
Jobs เคยบอกไว้ในหนังสือชีวประวัติเค้าว่า Cook เป็นคนที่ไม่ได้รักในผลิตภัณฑ์ ซึ่งตรงกันข้ามกับ Jobs เลย
ผลงานที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าจริง Cook น่าจะเป็น COO เหมือนเดิม คุมเรื่อง supply chain ที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า
ผมว่าคนที่คนเปลี่ยนไม่น่าจะใช้ Tim Cook นะ เขาพาองค์กรที่มีคนคาดหวังไว้มากมาได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว คงต้องหาคนมาช่วย Ive มากกว่าผมว่าเขาคงสูญเสียแรงบลดาลใจพอสมควร เพราะ Design Language ของเขาหยุดมาพักใหญ่แล้ว มันถึง Cycle ที่ควร Update อย่าง Sony ที่เป็นแรงบัลดาลใจในงานดีไซด์ในยุคแรกๆ ของ Apple ยังมีรอบปรับปรุง Design Language อยู่เรื่อยๆ ของ Ive ตอน Job ยังอยู่ยังมีการ Update เลยเรื่อยๆ จากเน้นสีสันสดใส มาสู่แนวคิดของ Zen แล้วก็หยุดมาพักใหญ่ๆ ตั้งแต่ Job ตาย
กลไกนวัตรกรรมของ Apple อยู่ที่ Ive ถ้าคนจุดนวัตกรรมหมดไฟ มันก็ต้องใช้หลักการตลาด และหลักบริหารเข้าช่วย ผมว่าตรงนี้ Cook ทำได้ดี เพราะถ้าไม่มีเขา Apple ไปไม่เป็นตั้งแต่ Job ตายแล้ว ถึงเปลี่ยน CEO ก็อาจจะไม่ช่วยอะไร
ค่อนข้างเห็นด้วยนะครับว่าจริงๆ ปัญหาหลักจริงๆ น่าจะอยู่ที่ Ive มากกว่า แต่ยังไง CEO ก็คงต้องมีส่วนเหมือนกันไม่มากก็น้อย เพราะสุดท้ายก็เป็นคนที่คอยตัดสินใจขั้นเด็ดขาดในการนำทิศทางของบริษัท
นั่งอ่านความเห็นของสาวกฝั่ง ตปท. มาเยอะ ก็มีฝั่งที่เคิดว่าควรเป็นความผิดของ Ive อยู่เยอะเหมือนกัน ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วยนะ ผมว่าตอนนี้ Ive มี Power มากเกินไป ไม่มีคนคอยขัดเกลาให้เหมือนสมัย Jobs จะทำอะไรออกมาก็ไม่มีคนห้ามหรือเกลาให้เข้าทิศเข้าทางแล้ว จะขี้เกียจก็ได้ ( นึกถึงเคสแบตไอโฟน ) ตรงนี้ถึงมาเป็นส่วนผิดของ Tim ที่ไม่คอยควบคุมทิศทางบริษัทหรือดีไซน์เนอร์ อีกอย่างผมมองว่าคนที่คอยตัดสินใจว่าจะเลิกผลิตอะไร นี่น่าจะเป็นความผิดของ Tim เต็มๆ ด้วย เช่นการยกเลิกการผลิตสินค้าตระกูล AirPort และ Display เพราะทำกำไรน้อย ( Supplies Chain guy ) ซึ่งถ้าเป็นยุค Jobs ผมว่าไม่เกิดขึ้นแน่ๆ
+1 ครับ ส่วนตัวติดว่า Jobs จะคิดว่าลูกค้าควรจะใช้อะไร ดังนั้นของที่จำเป็นจะยังมีขายต่อไป แม้มันจะไม่ค่อยทำกำไรก็ตาม พอมาถึงยุค Tim รู้สึกเหมือนสิ่งที่ไม่ทำกำไร จะถูกตัดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลิกขาย หรือ เลิกอัพเดตก็ตามแต่
++
ข่าวออกมาว่า Ive อยากลาออกตั้งแต่ Job เสียแล้วครับ
ตอนนี้เหมือนแค่ยังยืนอยู่แบบครึ่งๆ ให้ใช้ชื่อหากิน
ปีที่แล้วเฟลหลายอย่างจริงๆ ทำยังไง Apple จะกลับมาเป็นแบบเดิม เฮ้ออออ
ราคามันอัพเพราะเป็นรอบของ Major change ตามปกตินี่ครับ
ถ้าอยากได้ถูกกว่านี้ รอ minor change สักสามสี่ gen น่าจะโอเค
แอปเปิ้ลอาจทำให้เราสับสนว่า... สินค้าแพงขึ้น หรือว่าค่าเงินมันลดลง หรือว่าเราหาเงินได้น้อยลง
วิธีออกจากความสับสนคือหันไปมองแบรนด์อื่นๆ ว่าเขาตั้งราคากันยังไงครับ
เดิมมันเคยมีช่วงห่างเท่าไร เวลาผ่านไปมันก็ควรใกล้เคียงกับเดิม ถ้าเป็นสินค้าใน segment/position/market เดียวกันนะ
นั่นนะสิ แอปเปิลคงคิดว่า "แบรนด์กรูมีสาวกภักดีสูง ตั้งราคายังไงก็ได้ เดี๋ยวสาวกก็หาทางซื้อได้เอง"
ถ้า Siri สามารถทำได้ดีกว่า Google Home คุยกับ Google Home ผมคาดว่าก็น่าจะช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ตามด้านล่างครับ(ถ่ายทอดสด, มีโฆษณาขั้นบ้าง)
https://www.twitch.tv/seebotschat
MBP แพงเกินไป แถมเลิกขาย MBA
iPhone 7 ช่องหูฟังหาย นี่กำลังคิดว่าซื้อ iPhone 6 น่าจะดีกว่า แถมราคายังถูก
ไม่แนะนำครับ i6 ผมว่ามันเริ่มอืดแล้ว ถ้าซื้อแล้วกะให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ปีอย่างน้อย 6s น่าจะดีกว่า
ก็พี่ท่านเล่นขายแพงขนาดนั้น
แอปเปิลทุกวันนี้ดูเน้นกำไรมากขึ้น เรื่องผลประโยชน์กำไรทางธุรกิจดูมีความสำคัญมากกว่าการสรรสร้างอุปกรณ์ที่ผู้บริโภคต้องการ เหมือนสูญเสียความเป็นตัวตนไปแล้ว
คิดว่ายานแม่เสร็จเมื่อไร อะไรๆ คงลงตัวขึ้น คงได้เห็นเทคโนโลยีเอเลี่ยนใหม่ๆ ไม่มากก็น้อย และราคาสูงแบบนอกโลกด้วย
ผมก็ลุ้นแบบนี้เหมือนกันครับ
เพราะค่าสร้างยานแม่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ สินค้าช่วงนี้เลยเหมือนค้ากำไรเกินควรเอามากๆ
ถ้ายานแม่เสร็จแล้ว หวังว่าความว้าวของAppleจะกลับมา เพราะสามารถสร้างสินค้าได้เป็นความลับยิ่งขึ้น
และไม่ต้องเร่งหากำไรไปสร้างยานแม่ ทำให้สินค้าถูกลงด้วย
สาธุ...
ตอนนี้ก็เป็นแค่บริษัท Consumer electronics ธรรมดาๆ ต่อไป
ถ้าไปสังเกต MBP 2016 จะพบว่า Apple ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบเดิม ไม่ได้เอาเทคโนโลยีทำแบตเตอรี่ที่ออกแบบใหม่ที่ใช้ใน MB 12 นิ้วครับ จากการอ่านข่าวในต่างประเทศ เค้าวิเคราะห์ว่า Apple จะใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ แต่เทสไม่ผ่าน เลยต้องกลับลำเอาเทคโนโลยีเดิมมาใช้ก่อน ถ้าไม่ออกขายช่วงปีใหม่ก็จะเลยเทศกาล ขายของได้น้อย เลยเอามายำๆ ใส่ชิป Skylake แล้วออกมาขายก่อน ด้วยแนวคิดทางการตลาด ทั้งๆที่คู่แข่งเตรียมวางขาย Notebook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Kabylake เปิดตัวงาน CES และจะวางขายกันตั้งแต่ มีนาคม ไปจนถึงกลางปีนี้ ทำไม Apple จึงมีปัญหาพวกนี้ สาวกอาจจะบอกว่า เพราะไม่มี Jobs แล้วทิศทางเลยไม่ชัด Design และ Feature ใหม่ๆ ก็ดูไม่เข้าท่า มันก็เป็นไปได้ Tim Cook คงไม่ใช่คนตัดสินใจหลัก และ Ive ก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้คลุกคลีกับผลิตภัณฑ์เหมือนเมื่อก่อน มีลูกน้องทำงานแทน จึงดูงานออกแบบในภาพรวม แถมตอนหลังไปรับหน้าที่ทำภาพลักษณ์ใหม่และ Interior Design ให้กับร้าน Apple Store ด้วย