กระทรวงการคลังเปิดเผยว่าเตรียมจะปรับโครงสร้างภาษีออนไลน์ เช่นเดียวกับที่หลายประเทศเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว โดยจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% กับ 5 กลุ่มเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada, Alibaba กลุ่มโซเชียลมีเดียที่มีรายได้จากโฆษณาอย่างเฟซบุ๊ก กูเกิลและ YouTube กลุ่มเว็บไซต์จองที่พักโรงแรม, กลุ่มเว็บไซต์จองตั๋วคอนเสิร์ต และเว็บไซต์นายหน้าขายสินค้าและบริการ อาทิ ประกันออนไลน์และเว็บไซต์หาคู่
กระทรวงการคลังยืนยันว่าการปรับโครงสร้างภาษีจะเป็นไปตามหลักสากล และกรมสรรพากรจะพิจารณาบนฐานที่รัดกุม ปิดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและจัดเก็บภาษีถูกคน และที่สำคัญคือต้องจัดทำให้รอบด้าน สามารถบังคับใช้ไปได้อีกไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีนี้จะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในรัฐบาลปัจจุบัน คาดว่าน่าจะภายในเดือนมีนาคมนี้
ที่มา - ฐานเศรษฐกิจ
Comments
เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา
มันควรจะเก็บมานานแล้ว?
ควรเก็บผู้ขายด้วย? แม่ค้าในเฟสบุ้คควรจะจ่ายด้วยนะครับ
ไม่ได้เข้าข้างรัฐบาลนะครับแต่เห็นด้วยมานานแล้วควรจะเก็บ
ซื้อของจาก Lazada ก็มี Vat อยู่แล้วนี่ครับ
พวกตั๋วเครื่องบินก็มี แล้วจะเก็บอะไรเพิ่มหว่า
Vat เป็นภาษีที่ผู้อุปโภคบริโภค(ลูกค้า)จ่ายเพื่อส่งให้รัฐนะครับ(แถมบางทีร้านค้าไม่นำส่งด้วย ฮุบไว้เอง) ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาษีเงินได้ของธุรกิจ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
ชัดเจนครับ
ในข่าวบอกว่า "โดยจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% กับ 5 กลุ่มเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่"
ผมก็เลยบอกว่า ตอนนี้ก็เก็บอยู่ครับ สั่งอะไรมา ก็มี Vat ทั้งนั้นเลย
เรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคล ผมว่าเค้าก็น่าจะจ่ายปกตินะครับ เป็นบริษัททั้งนั้นเลย เจ้าใหญ่ๆเนี่ย
เข้าใจแล้วครับ ผมอ่านข่าวพลาดเอง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ประสบการณ์ตรง คืออย่าสั่งที่ "ฟรีค่าส่ง" ให้เลือกอันที่ถูกกว่าแล้วคิดค่าส่งแยก
เพราะถ้าฟรีค่าส่ง DHL จะเอาราคาที่เราสั่ง declare มา พร้อมกับแจ้งค่าส่งแยกมา พอเสียภาษีก็จะเอา ราคา (ที่รวมค่าส่งแล้ว) บวกกับค่าส่ง (ที่ DHL แจ้งให้) แล้วค่อยเอาไปคิด 7% กลายเป็นเสีย VAT ค่าส่งสองรอบ
lewcpe.com, @wasonliw
เคยโดนเหมื่อนกันครับ เล่นเอาเซ็งเลย
ปกติภาษีก็ต้องคิดรวมค่าสินค้า+ค่าส่งอยู่แล้วนี่ครับ
ใช่ครับ ถูกแล้ว แต่กรณีนี้คือ
((ค่าสินค้า + ค่าส่ง) + ค่าส่ง) แล้วค่อยคิดภาษีครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับ พึ่งรู้มีงี้ด้วย (ในตัวที่ติดพัสดุ ที่ระบุที่อยู่ ราคา น่าจะมีแยกช่องราคาสินค้ากับค่าส่งจากกัน หรือจริงๆมีแต่คนขายแจ้งกับ DHL ไม่ถูก ไม่แน่ใจ)
อันนี้ที่เจอคือเวลาสั่งแบบ "ฟรีค่าส่ง" (ซึ่งมันไม่ฟรีจริงหรอก) คนขายจะกรอกมูลค่าสินค้ามาตามที่เราจ่ายครับ
ไม่แน่ใจว่าขอให้เขาแยกได้ไหม แต่ให้ง่ายก็สั่งจากคนที่ค่าส่งไม่ฟรี แต่ขายถูกกว่าคงง่ายกว่า
lewcpe.com, @wasonliw
สั่งจาก Aliexpress เคยเลือกพวกขนส่งอินเตอร์เช่น DHL,EMS,UPS แทร็กดูข้อมูลสินค้ามาถึงเมืองไทยเร็วมาก แต่ขั้นตอนพิธีการนานมากหลายวัน(สรุปมันไม่เห็นด่วนเลย)ผลลัพธ์โดนภาษีอาน จากนั้นมาผมเลือกแต่ขนส่ง China Post, Hongkong Post, Singapore Posะ ได้ของช้าหน่อยแต่ไม่เคยเสียภาษีสักบาท ...
ปล.จากข่าวเนี่ย ช่องทางขนส่งที่ผมว่ามาจะต้องโดนภาษีแล้วใช่มั้ย ...
DHL ผมสั่งก็ผ่านเร็วนะครับ โอเคล่ะเสียภาษีแต่ก็ผ่านออกมาได้ไม่นานนัก (น่าจะค้างอยู่วันเดียว) ที่ลำบากหน่อยคือต้องเตรียมเงินตอบรับของ บางทีฝากคนอื่นรับ
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับ ผมก็ทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
เรื่องจ่ายภาษีผมไม่มีปัญหานะ ถ้าเงินที่ผมจ่ายออกไปมันทำให้ประเทศดีขึ้น
แต่มองรอบๆตัวแล้ว เรือดำน้ำเอย เรือเหาะ(ที่ไม่เคยได้ใช้แล้วกลายเป็นซาก)เอย ไม้ล้างป่าช้า(GT200)เอย อุทยาน...เอย ฯลฯ
ได้แต่ถอนใจครับ
VAT 7% มันก็ต้องเก็บอยู่แล้วกรณีมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาท/ปีนี่ครับ งง
หลายกิจการรายได้มากกว่านั้นก็ไม่ยื่นภาษีนะครับ
หัวหมอกันเป็นเรื่องปกติ
ยุคถังแตก
ในความเห็นท่าน คิดว่าเราควรจะต้องเก็บภาษีเว็บไซต์ e-Commerce หรือเปล่านะครับ? หรือควรเก็บเฉพาะยุคถังแตกแบบนี้เท่านั้น
ควรเก็บ แต่ไม่ไช่ต้องเก็บเพราะไม่มีตัง ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่มีตังค์นี่แหละถึงต้องเก็บ
คิดว่าสวัสดิการต่างๆ มันผุดขึ้นมาเองจากดินหรือยังไง?
สวัสดิการบ้านเรามีมาพักหนึ่งแล้วตังก็ไม่มีปัญหาอะไร เพิ่งจะมามีปัญหาเอาตอนทหารเข้า + ห้ามตรวจสอบ จะไม่ไห้สงสัย ?
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำไมต้องบอกยุคถังแตก แต่มันต้องทำมานานแล้ว เพราะตอนนี้ทุกคนในประเทศได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานจากรัฐบาลที่กระจายอย่างกระจุกตัว แล้วเงินที่จะจัดทำสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ หรือบริการสาธารณะนี้ก็มาจากเงินภาษีที่เก็บจากประชาชน ซึ่งการเรียกร้องขอเพิ่มสิทธิต่างๆ ก็มีตลอดมาแล้วรัฐบาลก็เพิ่มให้น้อยบ้าง มากบ้าง แต่เงินที่จะเป็นรายได้รัฐกลับน้อยลงทั้งๆที่ รายจ่ายเพิ่มขึ้น แล้วในอนาคตคนไทยใช้จ่ายกับบ.ต่างชาติ ที่ให้บริการต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามัน 100% ครอบคลุมทุกบริการ หรือสินค้า เช่น google, apple ที่ตั้งที่นอกประเทศ ไม่จ่ายเงินให้กับรัฐไทย แล้วไปจ่ายให้กับรัฐที่ตั้งสนง.ใหญ่ตัวเอง แล้วรัฐจะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาสาธารณูปโภค บริการต่างๆ
ดังนั้นถ้าอยากไม่ให้รัฐเก็บภาษี
ผมขอแนะนำให้คุณ Thaitop_BN ให้เขียนจดหมายถึงศาลปกครองให้สั่งยกเลิกสิทธิ์ของคุณดังนี้
1. รับสิทธิ์บัตรทองหรือขอสละสิทธิ์ประกันสังคมที่รัฐบาลจ่ายให้คุณ
2. สิทธิ์การใช้งานถนนสาธารณะฟรี
3. สิทธิ์การใช้คชจ.รายหัวในการศึกษาของบุตรของคุณ หรือที่รัฐอุดหนุนการศึกษาที่ผ่านมาของคุณ
4. สิทธิ์การใช้ไฟฟ้าสาธารณะ หรือน้ำประปาสาธารณะฟรี
ซึ่งถ้าคุณทำได้ แล้วแนะนำเพื่อนๆ หลายๆคนจะทำให้ รัฐบาลลดรายจ่าย และการโกงต่างๆจะลดน้อยลงครับ
เพราะรัฐไม่ต้องใช้จ่ายอะไรเยอะมาก ทำให้บริหารงานง่ายขึ้นนะครับ ผมว่า
+1 ครับ ผมสงสัยเวลามีข่าวรัฐจะเก็บภาษีทำไมต้องโวยว่ารัฐถังแตก
แต่พอเวลาตัวเองเรียกร้องสวัสดิการต่างๆบางทีบ่นว่าไม่เหมือนตปท.
แล้วรู้ไหมว่าตปท.เขาเก็บภาษีกันเท่าไหร่ แล้วที่บอกว่ารัฐถังแตก
คุณ Thaitop_BN เอามาจากไหนครับว่าถังแตก ที่เฟซบุ๊คส่วนตัวคุณกรณ์ จาติกวณิช
แกเพิ่งเขียนโต้อาจารย์จุฬาที่ออกข่าวว่ารัฐถังแตกไปจนอาจารย์ต้องลบโพสต์ไป
ผมไม่ได้ชอบรัฐบาลนี้หรอก แต่ก็ไม่ชอบข่าวเท็จเหมือนกันไม่ว่ารัฐบาลไหน
เวลามีข่าวเท็จมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล
บ้านเราเก็บเยอะนะ เน็นเก็บจุกจิกเป็นครั้งๆไป โดยเฉพาะ รถ กับ เหล้า เก็บ 300% - 400% รวมแล้วเยอะ
จะลงทุนก็ ... นะ ... ห้ามต่างชาตมีหุ้นเกิน 49% พนักงานต่างชาตไม่เกิน 20% (ยกเว้น BOI)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ใช่ครับ ถังแตกอะไรที่ไหนกัน แค่รายจ่ายสุงกว่ารายรับ แค่นั้นเอง
ข่าว voice tv น่าเชื่อที่ไหนครับ เห็นว่าทุกฝ่ายยกเว้นพ่อของเจ้าของสถานี
ผมทำลิ้งค์ไม่เป็น ถ้าใครทำได้ก็ขอขอบคุณล่วงหน้า ที่บอกว่าถังแตกไม่จริงแค่เงินคงคลังน้อย เงินคงคลังไม่ใช่เงินสำรอง
https://mobile.facebook.com/story.php?story_fbid=10155094838057728&id=784302727
เห็นด้วยครับ ไม่คิดดู voice tv อีกเลย
ผมว่าคีย์เวิร์ดของผมมันอยู่ที่คำว่า "รายจ่ายสุงกว่ารายรับ" นะครับ ซึ่งตรงนี้มันน่าสนใจว่ามันคืออะไรมีที่มาที่ไปอย่างไรข้อเท็จจริงเป็นแบบไหน โดยไม่ต้องยึดติดกับว่าเป็นข่าวที่ออกมาจากสื่อสำนักไหน และคำว่า "รายจ่ายสุงกว่ารายรับ" มันมีความแตกต่างจาก "ถังแตก" อย่างไรในมุมมองด้านเศรษฐศาสตร์
แต่จากตรรกะของคุณบอกว่า voice tv น่าเชื่อที่ไหนครับ เห็นว่าทุกฝ่ายยกเว้นพ่อของเจ้าของสถานี ตรงนี้ผมว่ามันก็ต้องฟังหูไว้หูบ้างครับ ส่วนที่ว่ามานั้นมันจริงเท็จยังไงก็ต้องเอามาคิดด้วย เรามีสิทธิ์เลือกรับฟังสื่อที่เราชอบครับ แต่ว่าข่าวที่ออกมาจากสื่อฝั่งที่เราไม่ชอบนี่ก็ต้องรับฟังด้วยเช่นกัน
แปะให้ครับ
ลิ้งที่คุณให้มาไม่ได้บอกเลยนะครับว่าเมื่อเงินคงคลังซึ่งเป็นเงินหมุนเวียนเหลือ 74,907 แล้ว จะไปหาเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมมาจากไหนในปีหน้า/ไตรมาสหน้า และไม่ได้อธิบายเลยว่าดุลเงินสดก่อนกู้ที่ติดลบ 304,988/470,580 หมายความว่าอะไร และถ้าปีหน้าและปีต่อๆไปบริหารเงินขาดดุลช่วง 300,000-500,000 แบบนี้อีกจะทำอย่างไร
ลิ้งนั้นมันอธิบายแค่ว่า 'ทำไมปีนี้ถึงกู้น้อยลง' และ 'ทำไมปีนี้รายจ่ายเพิ่มขึ้น' แค่นั้นเองครับ
ผมไม่ได้ว่าเป็นผลงานของรัฐบาลนี้รัฐบาลเดียวนะครับ แต่อยากลองให้คุณอ่านข่าวนี้ดูครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอขำกลิ้งนะครับ
แนะนำให้ไปดูการจัดเก็บภาษีรายปีต่อเนื่องนะครับ
http://www.rd.go.th/publish/310.0.html
เป้าเท่าไร จัดเก็บจริงได้เท่าไร ช่วงสองสามปีหลังมานี้ตัวเลขเป็นอย่างไร
ล่าสุดแพล่มข่าวจะขึ้นvat เป็น 8% อีกแล้ว อย่ามาอ้างเลยว่าจริงๆแล้ว vat 10% มันคือเพดานสูงสุด เราเคยใช้สูงสุดตอน ติดหนี้ IMF นู่น ที่เหลือกำหนด 7% มาโดยตลอด
ีนี่จู่ๆจะขึ้น vat ก็บ่งชี้ชัดเจนว่า รัฐขาดรายได้มากขนาดไหน จึงหน้ามืดมาขึ้นvat
@khao_lek เห็นด้วย 100 %
ครับๆ ไม่เรียกถังแตก เรียกรายจ่ายมากกว่ารายรับก็ได้ ส่วนลดรายจ่ายนี่ลดผมคนเดียวคงไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ไปเลิกงบเทิดทูนฯ ลดงบกองทัพที่เอาไปซื้อเรือเหาะโง่ๆ ที่ใช้การไม่ได้ ซื้อรถถังมาใช้รปห. ซื้ออาวุธมาใช้ยิงหัวปชช. ช่วยลดรายจ่ายได้เยอะกว่าเยอะ
อีกอย่างคนแถวบ้านผมไม่เสียภาษีมรดก เปิดบริษัทแต่ไม่เสียภาษีเพราะอ้างว่าเป็นของรัฐ แต่เจ้าของที่ไม่ใช่รัฐเอาเงินมาใช้ได้ตามใจชอบยังอยู่ได้เลย ทำไมผมจะอยากไม่เสียภาษีบ้างไม่ได้ ไปทวงแบบนี้ให้หน่อยสิ เผื่อผมจะอยากเสียภาษีเพิ่มขึ้นขึ้นมาหน่อย อิอิ
ควรเก็บมานานแล้ว เข้าระบบให้หมด
ควรจะเก็บ พวกขายของออนไลน์ถ้ามีรายได้ก็ควรจ่ายภาษี พาดหัวข่าวเหมือนใช้ความรู้สึกตัวนะครับ ส่วนที่ว่ารัฐถังแตกมีหลักฐานไหมครับ เคยอ่านเฟซบุ๊คคุณกรณ์เขียนกรณีมีคนว่ารัฐถังแตกแกก็บอกไม่จริง ที่เหลือน้อยคือเงินคงคลัง แต่เงินคงคลังมีมากก็ใช้ว่าดี เห็นหลายคนที่มีรายได้บ่นเวลาเขาจะเก็บภาษี แต่ก็บ่นเวลาตัวเองรู้สึกรัฐไม่สามรถสนองความต้องการตัวเอง ที่สนองไม่ได้เพราะไม่มีเงิน พอจะเก็บภาษีก็บ่นแล้วก็พาลว่าประเทศตัวเองไม่เหมือนประเทศที่เจริญแล้ว ทั้งๆประเทศเหล่านั้นจ่ายภาษีสูง40กว่า%ของรายได้
มีเงินคงคลังมากแล้วไม่ดีจะเก็บภาษีเพิ่มไปทำไมล่ะครับ เก็บมามาก ๆ เงินคงคลังมันจะเยอะมากมันจะไม่ดีนะครับ
เรื่องคนบ่นตอนโดนเก็บภาษี เคยซื้อของไม่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปมั้ยครับ ถ้าเคยอยากถามว่าบ่นมั้ย
เรื่องภาษี 40% ที่เค้าโดนเก็บเชื่อมั้ยครับ ว่าเงิน 60% ที่เหลือของเขายังพอให้เขาอยู่สบายและเยอะกว่าเงินเดือนคนไทยหลายเท่านะครับ ไม่งั้นคนพวกนั้นก็อดตายกันแล้ว แถมภาษีที่จ่ายเค้าได้กลับคืนมาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่เหมือนคนไทยจ่ายไปแล้วไปลงเรือดำน้ำ ไปลงการดูงาน ไปลงคาร์เวียนะครับ
มันควรจะเก็บนานละ มาหากิน โฆษณา ค้าขาย
มีรายได้ก็ต้องจ่ายภาษีมาพัฒนาประเทศที่หากินอยู่ซิครับ
ไม่ใช่ขนเงินกลับประเทศตัวเอง
ผมเห็นด้วยนะกับการเก็บภาษี จัดไปยาว ๆ ...
ผมเพิ่งสังเกต ผู้เขียนตั้งใจเล่นคำ กับคำว่า "ยุคพระศรีอาริย์" หรือเปล่าครับเนี่ย
ใช่ครับ มุกนี้เล่นกันบ่อยนะครับ search google ดูก็ได้ :p
ไอผมสงสัยว่าถ้าเกิดว่าบริษัทนั้นไม่มีที่ตั้งในไทยก็ไม่ต้องเสียภาษีถูกต้องไหมครับ แค่ไปตั้งใกล้ๆบ้านเรา ก็ไม่ต้องเสียภาษี ช่องโหว่ที่ค่อนข้างใหญ่เลยอาจจะทำให้บริษัทเหล่านี้เลือกไม่ตั้งสาขาในประเทศไทย แล้วเราจะไม่ได้แม้แต่เงินจ่ายค่าพนักงานในประเทศไทยเลยหรือเปล่านะ แล้วการวัดว่าเขามีรายได้จากโหษณาเท่าไหร่จะวัดอย่างไรอีกที่น่าสนใจ เพราะบริษัทส่วนใหญ่ชอบทำบัญชีสองตัวอยู่แล้วจะตรวจสอบสิ่งที่จับต้องไม่ได้ก็ยิ่งยากนะเนี่ย แต่พรบ.คอมอาจช่วยได้แต่ถ้าจะงานใหญ่
เข้าใจว่าถ้ามาหากิน มาเอาเงินจากคนไทยก็ต้องมาตั้งสาขาในไทย ถ้าไม่มาตั้งสาขาจดทะเบียนในไทยก็จะโดนบล็อกการเข้าถึง
เอ แบบนั้นบริษัทส่งออกจะทำอย่างไรหรือครับ?
บริษัทบ้านเราส่งออกของ (หรือบริการ) ไปต่างประเทศ เราต้องไปตั้งบริษัทที่ประเทศลูกค้าเพื่อเสียภาษีด้วย???
lewcpe.com, @wasonliw
บริษัท ก(ไทย) ส่งออกให้ ข(อเมริกา) ข ไปขายในอเมริกา ได้กำไรจ่ายภาษีเข้าอเมริกา
แต่พวก google Facebook youtube alibaba ecommerce อื่นๆ อะไรพวกนี้มันดึงเงินจาก user เลยไม่ผ่านบริษัท เพราะฉนั้นไทยไม่สามารถเก็บภาษีใดๆได้เลย
อันนี้งงๆ แต่บริษัท (ก) ได้กำไรจาก (ข) ก็ไม่เคยก็ต้องเสียภาษีให้สหรัฐฯ นี่ครับ
กรณีนี้ บริษัทในสหรัฐฯ ให้บริการบริษัทในไทยได้กำไร ต้องเสียภาษีให้ไทย?
lewcpe.com, @wasonliw
อันนี้เข้ามาขยายความให้ครับ เนื่องจากผมมีประสบการณ์ด้านส่งออกและนำเข้ามาสดๆ ร้อนๆ เลย
สำหรับ E-Commerce
Company Thailand Export ---> Company USA หรือ Customers USA จะมีภาษีดังนี้
ภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับ บริษัทไทยแลนด์ คือ 0%
ภาษีส่งออก สำหรับ บริษัทไทยแลนด์ คือ 0% เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมการส่งออก
ภาษีนำเข้า สำหรับ บริษัท USA คือ 40% สำหรับ HS2017 มาตรฐานทั่วไป
ภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับ บริษัท USA ตามอัตราของประเทศสหรัฐอเมริการครับ
ซึ่งถึงแม้ว่าภาษีนำเข้า และภาษ๊มูลค่าเพิ่ม เป็นภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า แต่มันก็ทำให้ราคาสินค้าปลายทางสูงขึ้นตามไปด้วย = ลดความสามารถในการแข่งขันของเราลง
แต่กลับกันสำหรับ Software
บริษัท M, USA ขาย/ให้เช่าซอฟต์แวร์ใน Website/App Store ให้ลูกค้าไทย หรือ
บริษัท F, USA ขายบริการโฆษณาในประเทศไทย ซึ่งคนไทยเห็น แก่บริษัทในประเทศไทย อันนี้เริ่มมีปัญหาละ
1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในประทเศไทย ไม่เสีย เพราะเป็นการซื้อสินค้านอกประเทศไทย
2. ภาษีนำเข้า ในประเทศไทย ไม่เสีย เพราะไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้องได้
3. ภาษีส่งออก ในอเมริกา ไม่เสีย เพราะไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้องได้
4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอเมริการ ไม่เสีย เพราะเป็นการขายสินค้านอกประเทศสหรัฐอเมริกา
ข้อนี้จะเห็นได้ว่า เริ่มไม่แฟร์ละ
ดังนั้น การที่กรมสรรพากรออกมาไส่บี้เก็บภาษีการขายของพวกนี้ เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันขึ้น
แต่ในท้ายที่สุดของปีรอบบัญชี ก็ต้องไปเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล <---ไอ้นี่ที่เขาสนใจมาก!!!!
ป.ล. โดนประสบการณ์ตรงๆ จาก Amazon และ Office 365 ครับ
พวกซอฟต์แวร์นี่ต้องไปเทียบกับบริการ outsource อะไรแบบนั้นรึเปล่าครับ
บริษัท X ในไทยให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ลูกค้า Y ในสหรัฐฯ ก็ไม่เสียทั้งภาษีนำเข้าและภาษีส่งออกเหมือนกัน เพราะไม่มีตัวตนเหมือนกัน (เรื่อง VAT นี่เริ่มไม่แน่ใจล่ะ ปกติผมสั่งของเข้ามาก็ต้องไปจ่าย VAT เอง แบบนี้ก็เป็นหน้าที่คนซื้อบริการต้องเอาบิลไปจ่าย VAT ของประเทศตัวเอง???)
แต่พอรอบปีบัญชี ต่างคนก็ต่างเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศของตัวเอง จะบอกว่าบริษัทไทยไปทำมาหากินกับลูกค้าสหรัฐฯ คงแปลกๆ อยู่
lewcpe.com, @wasonliw
ตามที่คุณ lew ยกมานะครับ
บริษัท X ในไทยให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ลูกค้า Y ในสหรัฐฯ ก็ไม่เสียทั้งภาษีนำเข้าและภาษีส่งออกเหมือนกัน เพราะไม่มีตัวตนเหมือนกัน ถูกต้องครับ
และบริษัทไทยก็ไม่จำเป็นต้องเสีย VAT อีกด้วย อ้างอิงมาตรา 80/1(2) แห่งประมวลรัษฎากร
แต่ในกรณีในวงเล็บ เรื่องสินค้านำเข้า อันนี้หนังคนละม้วนกันเลยนะครับ
1. คุณ lew มีหน้าที่ต้องจ่าย VAT ตามมูลค่าที่กรมศุลกากรประเมิน ถ้าประเมินต่ำก็รอดตัว ถ้าประเมินไว้สูงอาจจะขอยื่นอุทธรณ์ภาษีกันดู
2. คุณ lew มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าสินค้า มาตรฐานสุดคือ ร้อยละ 40 ของมูลค่าสินค้า รวมค่าขนส่งและค่าประกันภัยเรียบร้อยแล้ว อันนี้ถ้าเป็นการซื้อประเทศที่มีมีเขตการค้าเสรีหรือ FTA ด้วย ก็สามารถลดลงไปได้ เช่น AFTA ตอนนี้ก็ลดเหลือ 0% แทบจะทุกรายการแล้ว เพียงแต่ตอนนำเข้า คุณ lew ต้องมีหนังสือ Form D มาสำแดงต่อกรมศุลกากรเพื่อพิสูจน์ได้ว่า สินค้าที่นำเข้ามานั้นมีถิ่นกำหนดในประเทศนั้นๆ จริง
3. คุณ lew มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตร ตามเกณฑ์ของสินค้านั้นๆ
4. คุณ lew มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีอื่นๆ เช่น ภาษีท้องที่ ภาษีมลภาวะสิ่งแวดล้อม และ ฯลฯ
ผมเคยสั่งกระเป๋าทำด้วยมือจากประเทศอินโดเนเซียเข้ามาในประเทศไทย โดนประเมิน VAT พร้อมภาษีนำเข้า ประมาณพันกว่าบาท กระเป๋าราคาสามพันบาท เพียงแค่ผมนำ Form D สำแดงต่อกรมศุลกากร ภาษีนำเข้าก็ได้รับการยกเว้นทันที เหลือแค่จ่าย VAT สองร้อยกว่าบาทก็จบครับ
ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องเสียให้ประเทศตัวเอง อันนี้เข้าใจว่า น่าจะเป็นการโวยมากกว่า
1.เคสนี้อันนี้ผมก็โดนนะ Office 365 Business ถ้าใครหลายๆ คนซื้อบริการนี้ตรงกับไมโครซอฟท์ จะสังเกตุว่า หัวบิลจะขึ้นว่า ไมโครซอฟท์ สิงคโปร์ เป็นผู้เรียกเก็บ ดังนั้นรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล ประเทศสิงคโปร์ก็ได้ตาม ในขณะที่ประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย แถมเงินไหลออกนอกประเทศอีกด้วย อันนี้น่าคิด
2.คนทำแอปขายใน App Store เวลาขายแอปได้เงินโอนจากแอปเปิ้ล หรือกูเกิ้ล ได้เอามาสำแดงร่วมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไหมครับ? ก็ไม่ เพราะประเด็นนี้ยังไม่มีวิธีในการตรวจครับ
เบื้องต้นน่าจะประมาณนี้ครับ
ผมก็มองเรื่อง Office365, Google, และ Facebook ว่าเหมือนเรา (บริษัทไทย) ไปให้บริการกับเมืองนอกนี่ล่ะครับ
คือสงสัยว่าจะไปเก็บภาษีเขาอย่างไร การใช้บริการจากบริษัทต่างชาติแล้วต่างชาติเป็นคนได้ภาษีก็ดูจะเป็นปกติ (แม้คงไม่มีชาติไหนชอบ)
มันมีระบบกำแพงภาษีบริการที่ให้บริการไซเบอร์มาก่อนไหม แนวทางการเก็บเป็นอย่างไรอะไรอย่างนั้นน่ะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
จริงๆคงไม่มีใครอยากไปตั้งสาขาทุกประเทศที่ไปขายสินค้าหรือบริการหรอครับ เพราะมันมีค่าใช้จ่าย ที่ตั้งเพราะกฎหมายประเทศปายทางบังคับซะส่วนใหญ่
ในกรณีนี้สินค้าและบริการของพวก Lazada, Alibaba Youtube นั้นส่งตรงถึงลูกค้า ไม่เหมือนกับที่ไทยส่งออกสินค้าเกษตร ที่ต้องขายผ่านคนกลางอีกต่อ คนกลางเหล่านั้นก็อยู่ในระบบภาษีของประเทศนั้นๆ
แต่กับบริษัทที่กล่าวไว้ข้างบน รายได้ได้จากลูกค้าปลายทางโดยตรงแล้วไม่ต้องเสียภาษีให้แก่ประเทศปลายทางเพราะไม่ได้อยู่ในระบบภาษีของประเทศปลายทาง
ต้องเสียภาษีฐานเงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย โดยผู้ที่จ่ายจะต้องเป็นผู้หักภาษีจากเงินที่จ่ายและนำส่งกรมสรรพากร ปกติทั่วไปก็ 15% ของเงินที่จ่าย เคสนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับภาษีที่กิจการต้องจ่าย เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มมันเป็นภาษีที่ผลักภาระมาให้ผู้บริโภค
หลายบริษัทเริ่มโดนเรียกสอบภาษีแล้วครับ สำหรับบริษัทที่มีหน้าเว็บขายออนไลน์แล้วพยายามยื่นรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์
Texion Business Solutions
เขยิบไปแก้กฎหมายให้บริการแนวๆ Uber มีแนวทางที่ถูกต้องแล้วไปเก็บภาษีตรงนั้นด้วยดูสิครับ อาจจะได้เยอะกว่าที่เก็บจากแท็กซี่อยู่ปัจจุบันก็ได้
รอมานานแล้ว :]
ผมชอบความเห็นในเว็บนี้จัง ดูมีสติกว่าที่อื่นๆ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
สำหรับผมเห็นด้วยมากๆ
เอาง่ายๆ Lazada
1.ผู้ขายสินค้า ต้องเสียภาษีในการขาย
2.Lazada ต้องเสียภาษีจากการเก็บค่า Com ภาษีในส่วนนี้จริงๆต้องเสียเข้ารัฐ
3.บริษัทขนส่ง ต้องเสียภาษี
4.ผู้ซื้อสินค้า จะเป็นคนเสียภาษีทั้งหมดกระบวณการนี้
จริงๆสินค้า Online ต้องมีราคาสูงกว่านี้หลาย % แต่เพราะโครงสร้างการเก็บภาษีแบบจริงจังยังไม่มี เลยแข่งกันถูกแต่อย่างเดียวอย่างทุกวันนี้ครับ แต่คุณคิดว่าภาครัฐจะเก็ยภาษีได้แค่ไหน สำหรับผมตอนนี้น่าจะเป็น 0 อย่างมากก็ได้จากแค่บริษัทขนส่ง เพราะ
1.ผู้ขาย เป็นส่วนน้อยมากที่ขาย Online แล้วเสียภาษีจริง
2.Lazada ถ้าเขาจดการเงินเข้าบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศที่ภาษีน้อยๆ เขาไม่ได้ส่งเงินเข้ารัฐเลย
สำหรับผม รัฐไปไล่บี่คนขายเป็นเรื่องยากมาก แต่กับบริษัทตัวกลาง นี้เป็นเรื่องง่ายในการไล่บี่ ซึ่งผมว่าสมควรทำมานานแล้ว
คนนี้คนขายของทั่วไปซื้อ online อยู่ 2 อย่าง
1.ต้นทุน สถานที
2.ภาษี เพราะ offline มีภาษีให้ต้องเสียเยอะมากกว่าแค่การขายสินค้า
ผมมีธุรกิจบน Online เป็นรายได้หลักของผม เสียภาษีครบ แต่บริษัทที่ผม Deal งานด้วยของผม 100% ไม่เสียภาษีในไทยแน่นอน เพราะคนไทยไปปเข้า Bank swiss ทันทีและมีมูลค่าต่อปีเยอะมาก
เห็นด้วยครับ (เป็นธรรมกับคนที่ขายช่องทางอื่นที่เสียแล้วด้วย)
ยังมีคนไม่ยอมรับความจริงว่าเรากำลังถังแตกอีก
ดูรายงานภาษีบ้าง จัดเก็บหลุดเป้าต่อเนื่องมาโดยตลอด ปีีก่อนๆหลุดเป้าไปเกือบสองแสนล้านบาทนะครับ อย่าหลงไปดูตัวเลขเป้ารายเดือนนะ เพราะเขา"ลด"เป้าจากปีก่อนๆมาเยอะแล้ว
เรื่องเก็บภาษีก็มีหลายแง่ แต่ที่แน่ๆเศรษฐกิจกำลังไม่ดี ดันไปเข้มงวดกับหาเรื่องขึ้นภาษี มันมีแต่ผลเชิงลบแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจ
ป.ล. หลายคนไม่รู้ว่าเราแอบขึ้นภาษีหลายๆตัวต่อเนื่องมาโดยไม่ประกาศนานแล้วเพราะยังไม่เกินเพดาน เช่นภาษีน้ำมัน
ควรนานแล้ว
ควรเปลี่ยนหัวข้อข่าวนะครับดูเป็น negative เพราะทุกคนก็เห็นด้วยเพื่อความเท่าเทียบกันและเพื่อได้เงินทุนมาพัฒนาประเทศด้วย...
อยากให้เก็บให้ทั่วถึง รัฐจะได้เงินเพิ่มขึ้นอีกเยอะมาก ทุกวันนี้ที่เห็นในสังคม ธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษีทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมีเยอะจริงๆ
..: เรื่อยไป
เอิ่ม มีบางท่านบอกว่าทำไมต้องบ่นเวลาที่รํฐเก็บภาษี จะบอกให้ ไม่ว่ารัฐท่านจะเก็บภาษีตัวไหนๆสุดท้ายภาระภาษีก็ตกอยู่กับประชาชนอยู่ดี ผู้ประกอบการเขาไม่แบกภาระนี้หรอก และยังมีหนาวอีกหลายรอบกับ ภาษีเหล้าบุหรี่,ภาษีน้ำตาล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม ม้นย้อนแย้งกับที่รัฐบอกว่าเศรษฐกิจขาขึ้นจริงๆ
สื่อที่ดีต้องเสนอแต่ข้อเท็จจริงเท่านั้น และมีความเป็นกลางนะครับ ไม่งั้นคุณก็อย่าทำหน้าที่สื่อเลย
ไม่จริงครับ สื่อต้องเลือกข้างและให้เหตุผลข้างตัวเอง ผู้รับสื่อจะไปรับข้อมูลแต่ละด้านแล้วตัดสินใจเองว่าตนจะอยู่ข้างไหน อันนี้จึงจะเรียกว่าสื่อที่แท้จริง
สื่อที่บอกว่าเป็นกลางจริงแล้วคือเลือกข้างผู้มีอำนาจต่างหากละครับ เพราะผู้มีอำนาจต้องการพวกปกครองง่าย ไม่ต้องเสนออะไร ไม่ต้องเตือนอะไร ไม่ต้องเถียงเวลาผู้มีอำนาจจะทำอะไร ส่วนเมื่อเกิดความผิดพลาดก็นิรโทษกรรมตัวเองไงครับ
การที่สื่อแบ่งข้างทำให้เราได้เห็นตัวแทนทางความคิดของแต่ละฝ่าย การต่อสู้ของแนวคิดจะทำให้สังคนเติบโตขึ้นไม่เป็นสังคนเด็กอ่อนแบบตอนนี้ครับ
การใช้จ่ายเงินของรัฐไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ถ้าทำดีๆ ไม่ต้องเก็บเพิ่มก็ยังได้ ยกตัวอย่างด้านการศึกษาเม็ดเงินที่ใส่ลงไปเหมือนเอาไปละลายน้ำมากกว่า
จริงๆควรเสนอแผน หรือสัญญาว่าจะให้อะไร ด้วยเพราะดูจากระดับความสามารถในการบริหารแล้วต่อให้เก็บเต็มที่ 10%
ก็คงไม่ได้อะไรเหมือนเดิม
ความตาย กับ ภาษี ท่านจะหนี2สิ่งนี้ไม่พ้น
ถ้ารวยพอนี้หนีภาษีได้ครับ