ประเด็นการให้บริการ Uber ในเชียงใหม่กลายเป็นชนวนให้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกลงมือปราบปรามการใช้รถยนต์ผิดประเภทอย่างหนัก เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาส่งเจ้าหน้าที่ไปล่อซื้อเพื่อจับปรับ เมื่อวานนี้ก็มีอีกกรณีคือ คุญปริญญา ชาวสุพรรณบุรี ได้รับจดหมายแจ้งจากขนส่งเชียงใหม่ว่าเขาใช้รถยนต์ผิดประเภท โดยใช้ภาพการรับชายต่างชาติสองคนขึ้นรถเป็นหลักฐาน
คุณปริญญายืนยันว่าการรับคนครั้งนั้นเป็นการรับเพื่อนที่นัดกันไปพบในเชียงใหม่
ทางขนส่งเชียงใหม่ระบุกับคุณปริญญาว่ามีคนส่งภาพมาร้องเรียนจึงส่งหนังสือเปรียบเทียบ 2,000 บาท หากยืนยันว่าบริสุทธิ์ ก็ต้องเดินทางไปให้ปากคำที่ขนส่งเชียงใหม่ในเวลาราชการอยู่ดี
หนังสือออกวันที่ 2 มีนาคม และให้เวลาคุณปริญญาเดินทางไปยังขนส่งเชียงใหม่ภายในวันที่ 15 มีนาคมนี้
ท้ายจดหมายระบุวิสัยทัศน์กรมการขนส่งทางบกไว้ว่า "เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมในการควบคุม กำกับ ดูแล ระบบขนส่งทางถนนให้มีคุณภาพและปลอดภัย"
ที่มา - CM108
Comments
เจ้าหน้าที่รัฐทำงานกันแบบไม่ใช่ปัญหาของกู กูไม่ต้องใช้วิจารณญาณก่อนแจ้งข้อหาก็ได้ แล้วก็อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ตน แต่ผู้ต้องหามีหน้าที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง
นั่งอยู่เฉยๆ มีหลักฐานแค่หยิบมือ แล้วก็เรียกคนไปเชียงใหม่เสียเวลา เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ... คนออกหนังสือไม่ต้องใช้อะไรเลย นอกจากใช้อำนาจในทางที่ไม่เหมาะสม
ของไทยเราใช้กระบวนการดำเนินคดีทางอาญาแบบกล่าวหาครับ ว่าง่ายๆ คือจนท.รัฐ กล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดก่อน แล้วผู้ต้องหามีหน้าที่แสดงพยานและหลักฐานแก้ต่างให้ตนเอง ข้าราชการทำงานตามกฏหมายกำหนดวิธีปฏิบัติตามนี้ ถ้าไม่ทำตามเดี๋ยวจะโดนฟ้องข้อหา ละเว้นฯ ตามมาตรา 157
ถ้าไม่พอใจการทำหน้าที่คุณควรวิจารณ์ หรือเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวระบบคือกฎหมาย ไม่ใช่ด่าเจ้าหน้าที่ครับ
เคสนี้เหมือนคุณไปเที่ยวยะลา แล้วมีจดหมายมาที่บ้านว่า จนท.สงสัยว่าคุณจะขายยาที่ยะลา ให้มารายงานตัวที่ จ.ยะลาด้วย ค่าเดินทางคุณออกเองนะ เราแค่สงสัยคุณเฉยๆ
ผมว่าที่คนเค้าด่ากันเพราะหลักฐานมันคือรูปถ่ายสองใบ ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่หลักฐานที่แน่นหนาเลยครับ
ใครๆก็ต้องบินละครับงั้นอาจกลายเป็นหมายจับได้เลยทีเดียว XD
ขนส่งเชียงใหม่ควรเดินทางไปสอบปากคำที่สุพรรณเอง
แก้ปัญหาไม่จุดนะผมว่า
ถ้าผมขับรถไปเชียงใหม่แต่เพื่อนต่างชาติผมต่อเครื่องไปลงเชียงใหม่เลยผมจะไปรับเขาไม่ได้ใช่มั้ยครับ เจ้าหน้าที่คนไหนคิดนี้ ชีวิตนี้ไม่คบใคร ไม่รู้จักคนต่างชาติสักคนหรือไง
สงสัยครับ แบบนี้ผมฟ้อง ม.157 เจ้าหน้าที่ได้ไหม ? ถ้าผมมีหลักฐานว่านั่นเพื่อนจริงๆ
ไม่ได้ครับ เจ้าหน้าที่ประพฤติตามหน้าที่ ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง แต่มันเป็นการกระทำที่ขาดวิจารณญาณซึ่งกฎหมายไม่ได้คุ้มครองในส่วนนี้ครับ
อย่างกรณีเก็บแผ่นซีดีไปขายแล้วถูกแจ้งจับจนเป็นคดีใหญ่โตนั่นแหละ มันชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ตรงเจตนารมภ์ และขาดวิจารณญาณครับ
แล้วถ้าฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียงล่ะครับ โดยฟ้องทั้งตัวบุคคลคนออกจดหมายและหน่วยงาน
น่าจะได้นะครับ อันนี้ไม่แน่ใจ
อันดับแรกเข้าใจด้วยนะครับว่า
บุคคลที่นำรูปต่างๆนั้นมาลงอินเตอร์เนต คือตัวคนขับเอง ดังนั้นไม่สามารถฟ้องได้
เจ้าหน้าที่ก็แค่ส่งเอกสารไปเงียบๆตามระเบียบทุกประการ
รูปถ่ายโดยผู้เห็นเหตุการณ์ ไม่ได้ถ่ายโดยตัวคนขับ
สังเกตคำให้การณ์แล้วจะพบว่าไม่สมเหตุสมผล อ้างว่าอยู่สุพรรณ แต่ไปขับรถส่ง ฝรั่งที่เชียงใหม่ ( ฝรั่งผู้ชายตัวโตสองคน อ้างว่าเป็นเพื่อน ) แต่ก็อ้างเหตุผลในการปรากฎที่เชียงใหม่ว่า เป็นการไปเที่ยวกับครอบครัว. อ้างว่าเป็นการส่งเพื่อนเพราะอยากเที่ยวต่อ (ส่งลงบริเวณป้ายรถแดง)
คำถามหลักๆที่สังคมน่าจะตั้งคำถามคือ
A ) เพื่อนฝรั่งทั้งสองคนชื่ออะไร เป็นชาวอะไร (ถ้าตอบไม่ได้ก็ = ?)
B ) ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวของเชียงใหม่ คนต่างชาติยังพอว่า เพราะวีซ่าจำกัดวัน แต่คนไทยไป จะแปลกมาก
C ) ไปเที่ยวกับครอบครัว แต่ฝรั่งสองคนพร้อมสัมภาระขนาดนั้น ยัดใส่รถซีดาน พร้อมครอบครัว ได้หรือไม่ ?
D ) ทั้งที่ขับรถจากสุพรรณมาเชียงใหม่ได้ ทำไมถึงส่งเพื่อน (?) ฝรั่งลง ณ จุดขึ้นรถแดง
แต่เหตุใดไม่ไปส่งเพื่อนให้ถึงจุดหมายที่ชัดเจน เพื่อนต้องแบกกระเป๋าขึ้นรถแดง ด้วยหรือ ??
F ) อ้างว่าเพื่อนฝรั่งอยากเที่ยวต่อ แต่สัมภาระพะรุงพะรังขนาดนั้น ?? ถามว่าไปเที่ยวใหนในสภาพนั้นครับ ??
คือในความหมายของผมคือ หลักฐานมันอ่อนไปหรือเปล่า แค่รูปสองรูปแค่นี้หรือที่เรียกมาปรับ ความผิดเกิดหรือยังก็ไม่รู้ ดันบอกให้มาจ่ายค่าปรับ ? ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบหรือเปล่า ?
ในความคิดผมเจ้าของรถน่าจะฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวได้ เพราะหลักฐานอ่อนมาก ฟ้องที่สุพรรณบ้านเจ้าของรถเลยแหละ ให้นายชาญชัญเดินทางมาที่สุพรรณมั่ง จะได้รู้สึก
ผมมองว่ามันเป็นการยัดข้อหา น่าจะฟ้องได้นะ ไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นอูเบอร์เลย แค่ถ่ายรูปมาส่งเพื่อนฝรั่ง
แต่กฎหมายแพ่งนั้นยังถือว่ารัฐทำละเมิดอยู่ดีครับ
มันก็แล้วแต่ว่าเราจะสู้หรือไม่แต่ถ้าสู้แล้วเราไม่ผิดผมก็คิดว่ายังฟ้องร้องได้อยู่ดี
ปัญหาการใช้ดุลยพินิจต้องฟ้องศาลครับ ใช้ดุลผินิจไม่ถูกก็ถือว่าผิดกฎหมายไม่ใช่ว่าจะใช้ดุลยพินิจได้ตามอำเภอใจนะครับ
ฟ้องแพ่งฯ อาจจะได้ เรียกได้ค่าเดินทาง ค่าลางาน ฯลฯ
แต่ฟ้องม.157 ยาก(ฟ้องหมิ่นประมาท พรบ.คอมไม่ได้ เพราะคนโดนเอารูปลงเอง ไม่ใช่จนท.ลง จนท.ใช้อำนาจตามกฎหมายปกติ)
เคยเห็นผลการตัดสินพวกคดีจราจรมาหลายคดีที่ฟ้องกลับจนท. สุดท้ายท่านบอกว่า จนท.ไม่ได้รู้จักหรือมีความแค้นส่วนตัวกันมาก่อน เลยไม่น่าใช่การกลั่นแกล้ง จบ
ผมเบิกค่าเดินทาง และค่าเสียเวลางานของผมได้มั้ย ในกรณีที่ผมไม่ผิด?
ศาลปกครองครับ...
ผมว่าหัวข้อข่าวมันอ่านไม่รู้เรื่องนะ ลองพยายามอ่านหลายรอบแล้ว จนต้องเข้ามากดข้างใน 55
แต่แค่หลักฐานแค่นี้ก็เกิน แถมไม่พูดถึงหลักฐานับเงินค่าจ้างด้วย
เสนอได้เลยครับว่าใครปรับปรุงอย่างไร
lewcpe.com, @wasonliw
คนสุพรรณต้องไปให้ปากคำที่เชียงใหม่ เพราะโดนขนส่งเชียงใหม่ใช้ "ภาพรับต่างชาติขึ้นรถ" เป็นหลักฐานการรับจ้าง
แบบนี้พอไหวเปล่าครับ
"คนสุพรรณโดนเรียกให้ปากคำเชียงใหม่ เหตุขนส่งเชียงใหม่อ้างใช้รถวิ่งรับจ้าง อึ้งแค่ภาพรับฝรั่งขึ้นรถก็ใช้เป็นหลักฐานตั้งข้อหาแล้ว"
ยอมรับว่าพออ่านแล้วก็ยังงงในตอนแรก ว่าแล้วใครบินไปไหนหรอ?
เพิ่งมาเก็ตที่หลังว่าเป็นมุกครับ
ผมก็ว่างั้น จะใครๆก็บินได้ทำไม
ทำงานห่วย บ้าบอ เกินไปแล้วคุณ
คุณมีอำนาจอะไร กล่าวหา เขาแบบนี้
ใช้สมองคน หรือ อมีบา อีโคไล สมองสัตว์ชั้นต่ำ ในการคิดทำงาน ครับ
เฮ้อ ยังทำตัวแย่แย่ได้อีก
หนักกว่านี้ จะมีอีกมั้ย
มีคนร้องเรียน เจ้าหน้าที่ก็ทำตามหน้าที่ครับ ไม่ทำงานก็ถูกข้อหาละเว้นฯ
เพียงแต่กรณีนี้หลักฐานมันอ่อนมาก เจ้าหน้าที่ควรจะถูกตำหนิในกรณีไม่พิจารณาความเหมาะสม และความพร้อมในการตั้งข้อหามากกว่า
คำว่า "ใครๆ ก็บินได้" ต้องการสื่ออะไร จำเป็นกับการสื่อข่าวนี้แค่ไหนครับ
พอเก็ทแล้วมันตลกดีครับ เขาเรียกว่าอารมณ์ขัน
บินคือโดนบลัสต์ครับ โดนบลัสต์คือโดนซิว โดนซิวคือโดนเล่นงาน โดนเล่นงานในกรณีนี้คือโดนแจ้งความครับ
สำนวนเป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นในการเขียนข่าวใดๆ ครับ เราสามารถลดรูปของประโยคให้เหลือแต่เนื้อความโดยปราศจากมุก สำนวน โวหาร คำซ้ำซ้อน คำลงท้าย สามารถตัดออกได้หมดครับ ลายเซ็นในความจริงก็ไม่จำเป็นต้องใส่ อีโมติค่อนก็ตัดออกได้ ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ ต่อคนอ่าน
คือ แต่ถ้าไม่อ่านคอมเมนท์ ผมก็ไม่เก๊ทนะครับ แบบว่า บินอะไร ทำไมต้องบิน เขาต้องบินไปให้ปากคำเหรอ หรือเพื่อนเขาบินมา หรือ ตัวเขาโดนซิว(บิน) พอมันชวนงงก็คิดเหมือนกันว่าจำเป็นต้องใส่เข้ามาหรือเปล่า
คนเขียนข่าวคงนึกว่าคนที่อ่านบล็อกนันส่วนมากน่าจะคุ้นกับ "เฟสบุคบิน เพจบิน เว็บบิน" มั้งครับ
ถ้าในบริบทของการใช้อินเตอร์เนทนั้นผมก็เก๊ททันทีครับ แต่ถ้าลองสมมตินะครับว่าหัวข่าวมีแค่ว่า " คนขับอูเบอร์บิน " ผมว่าชักไม่แน่ใจว่าคนส่วนมากนึกถึงอะไรก่อนเป็นอย่างแรกกับคำว่าบินนี้ อาจจะออกแนวกำกวมรึป่าว
Edit : ลบข้อความที่อ่านเข้าใจผิดครับ
ผมเฉยๆ อ่ะครับ ผมเจอข่าวประหลาดๆ บ่อยด้วยมั้งครับ แล้วคนเขียนข่าวท่านนี้ไม่ค่อยเล่นมุกเท่าไร เขียนแนวนี้คงไม่ใช่แนวของเค้า ก็ช่วยๆ กันเสนอว่าทำไมควรแก้ หรือต้องแก้ ผมว่าเค้ารับฟังอยู่ ... มั้ง
อ้างอิงจาก histoty อยู่ย่อหน้าเกือบสุดท้าย แซวเล่นหวังว่าจะไม่โกรธเคือง
ไม่มีกฏห้ามครับ ข่าวยิ่งเยอะก็ยิ่งดี แนะนำให้ลองเขียนดูครับ ;)
my blog
ไม่มีกฎห้าม แต่มันมีการคัดกรองคุณภาพอยู่นะครับ การที่มีคนทักท้วงก็เป็นการตรวจสอบแบบนึง
ข้าราชการไทยนี่มัน...ข้าราชการไทยจริงๆ
เราจะอธิบายกับต่างชาติอย่างไรดี ว่าเราไม่สามารถ_ปรับที่สนามบินได้ เพราะตำรวจไทยจะคิดว่าเราเป็นอูเบอร์แล้วโดนจับ
คนไม่ผิดต้องเสียเวลาเสียเงิน เดินทางไปชี้แจงหรอเนี่ย ส่วนคนฟ้องสบายตัวเลย
แบบนี้ใครจะไปกล้ารับเพื่อน ญาติ ที่สนามบินละเนี่ย
ผมอ่านคำให้การแล้วผมกลับรู้สึกเชื่อไม่ลง
รูปถ่ายในภาพ ชาวต่างชาติตัวใหญ่สองคน แบกกระเป๋าใบโต ลงจากรถ
อ้างว่า ไปเที่ยวเชียงใหม่จากสุพรรณ พร้อมครอบครัว แต่รถยนต์ซีดาน 4 ประตู ??
เพียงพอบรรจุฝรั่งตัวใหญ่ขนาดนั้น พร้อมครอบครัวด้วยหรือ ? วางแผนอย่างไร
มีการอ้างเรื่อง ไม่ประทับใจ และไม่อยากไปเที่ยวเชียงใหม่อีก
ทำไมต้องอ้างเรื่องการท่องเที่ยว เหมือนจะขู่กลายๆว่าคนจะไม่ไปเที่ยวเชียงใหม่หากปรับ
วรรคนี้ " ใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายผมครับ สุพรรณ-เชียงใหม่ ไม่ใช่ใกล้ ๆ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่ถูก ๆ "
ขัดกับ --- การไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยการขับรถยนต์ --- มีเวลา "บริการ" ชาวต่างชาติตัวใหญ่พร้อมสัมภาระขนาดใหญ่หลายชิ้น
สมเหตุสมผลเมื่อ : ค่าใช้จ่ายได้รับการหักกลบด้วย "รายได้" บางอย่าง ? (ไม่ทราบ)
ฤดูท่องเที่ยวเชียงใหม่คือช่วงสงกรานต์ / ขึ้นดอยปีใหม่ ตอนนี้เพิ่งจะมีนาคม ปีใหม่ก็ผ่านไปแล้ว ? ไปเที่ยวอะไร
แปลกตรงไหนครับนั่น?
ก็ไม่ถึงกับปกติ แต่ก็ไม่ได้ผิดปกติระดับที่ไม่มีใครทำนี่ครับ? ยิ่งถ้ารู้จักขนาดนัดเจอกันระหว่างเที่ยวนี่ยอมเบียดๆ ไปหน่อยก็ไม่ถึงกับแปลก สัมภาระก็ใส่ท้ายรถอยู่แล้วแล้วก็ไม่ได้เยอะขนาดที่จะเต็มท้ายรถจนไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระของครอบครัวด้วย
ผมไม่รู้ว่าครอบครัวเค้าไปกันกี่คนนะครับ แต่ถ้าบ้านเค้าไปแค่ 2-3 คนนี่ผมว่าปกติ
อันนี้ผมว่าปกตินะ ไปเจออะไรที่ทำให้เดือดร้อนมาคนก็ไม่ค่อยอยากกลับไปที่นั่นอยู่แล้วครับ คนไปเที่ยวตปท. ก็พูดแบบนี้กันบ่อยเวลาไปโดนอะไรมา
แบบนี้ตอนผมไปเที่ยวญี่ปุ่น วางแผนเก็บเงินหาวันหาเวลาสำหรับไปเที่ยวไว้ได้แล้ว กลับมาสมมติว่าโดนเรียกให้กลับไปจ่ายค่าปรับที่ญี่ปุ่นในสิ่งที่ผมไม่ได้ผิดผมต้องบอกว่ามันใกล้ๆ ค่าใช้จ่ายถูกๆ แล้วมีเวลาไปได้เพราะผมไปเที่ยวยังเดินทางไปได้? ตลกแล้วครับ
เพื่อนผมเพิ่งกลับจากเที่ยวเชียงใหม่กับกลุ่มเที่ยวของเค้าครับ ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเที่ยวเลยเสียเมื่อไหร่?
ผมไม่รู้หรอกครับว่าเค้าขับ Uber จริงหรือเปล่า แต่ที่ท่านยกๆ มามันชี้ชัดไม่ได้ครับ เป็นข้อสงสัยได้แต่ระบุไม่ได้ว่าทำหรือไม่ทำ
1 คุณเลือกคบเพื่อนที่ขนาดเหรอครับ
2 คนไม่มีทางเลือกมากจะได้เลือกได้ว่าวันนี้ขับรถซีดาน วันนี้ขับ SUV วันนี้ขับเปิดประทุนนะครับ
3 ถ้าคุณโดนปรับโดยที่ไม่ผิดคุณจะหงุดหงิดมั้ยครับ
4 ไม่เคยต้องต้อนรับเพื่อนต่างชาติเหรอครับ?
5 ช่วง low season มันเป็นเวลาเที่ยวของคนชอบความไม่วุ่นวาย กับคนชอบความประหยัด หรือไม่เค้าก็อาจมาเยี่ยมญาติเยียมลูกก็ได้
งงกับความเห็นคุณมากเลย
ที่คุณกล่าวมาทั้งหมดเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวของใครหลายๆ คนครับ
อาจจะจริงตามที่คุณพูดทั้งหมด แต่นำมาใช้กล่าวหาใครสักคนทั้งๆ ที่หลายอย่างนั้น "มโนขึ้นมา" แบบนี้มันมีความเป็นธรรมเหรอครับ?
หลักฐานอ่อน + มโน แล้วก็ตั้งข้อหาให้ ซึ่งไปในชั้นศาลนี่แก้ต่างได้หมด เพราะที่คุณมโนมานั้นมันเป็นการมโนแบบเอาไลฟ์สไตล์ของตัวเอง มาจับผิดคนที่ทำไม่เหมือนคุณอ่ะครับ คนอื่นเค้าอาจใช้ชีวิตไม่เหมือนคุณก็ได้ครับ
หลักฐานมีแค่นี้ดิ้นนิดเดียวในชั้นศาลก็หลุดแล้ว
ถ้าไปค้นในระบบอูเบอร์เจอหลักฐานว่ารถคันดังกล่าวมีการนำผู้โดยสารมาส่งที่จุดดังกล่าว ผมว่ามันจะเหมาะสมกว่านี้ครับ
ความเป็นธรรมของคุณคือ
= แม้แต่เรื่องฟ้องหมิ่นได้ไม่ได้ ก็ไม่ทราบ ไม่สนกระทั่งข้อเท็จจริงพื้นฐาณ ที่มาของข่าวสาร ใครโพสคุณยังไม่สนเลย หรือครับ ??
A กรมการขนส่งได้รับข้อมูลจากพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับ มีภาพถ่ายเป็นหลักฐาณ
B แต่ข่าวที่เขียนใน node นี้คนเขียนข่าวก็นำมาจากเวบ 108 -->
เขียน โดยคนขับเอง --> ไม่มีทั้งหลักฐาณยืนยันคำกล่าวของ ผู้เขียนแม้แต่ชิ้นเดียว ( มีแค่ร้อยแก้วไม่กี่บรรทัด )
เรื่องที่ผมประหลาดใจคือ ตรรกศาสตร์ของท่านขุนออนไลน์ทั้งหลายคือ
" หัวข่้อใดที่ตนได้อ่านเข้าสมองก่อน ประโยคนั้นเป็นจริงเสมอ และมีน้ำหนักมากกว่าเสมอ"
ทั้งที่สิ่งที่ปรากฎ ณ เวลานี้ ไม่มีทั้งชื่อแซ่ของ "ชาวต่างชาติ" ไม่มีทั้ง "รูปถ่ายเที่ยวกับครอบครัว" แม้แต่รูปเดียว ?
ผมเชื่อว่าตรรกศาสตร์สากลไม่สามารถอธิบาย "การให้ค่าน้ำหนักของหลักฐาณ " ของคุณได้เลย
ก็เพราะไม่มีนี่แหละครับ ผมถึงบอกว่าหลักฐานอ่อน คงไม่มีใครเอาภาพเอาชื่อของเพื่อยมาโพสต์เรื้อยเปื่อยมั้งครับ ถ้ามีจริงก็ใช้ในชั้นศาล เพราะเอามาให้คนดูตอนนี้ก็ใช่ว่าจะรอด ก็ยังต้องไปรายงานตัวอยู่ดี แถมเอาข้อมูลส่วนตัวเพื่อนมาโพสต์นี่ก็เสียมารยาทนะครับ นี่ถึงขั้นอยากให้โพสต์ชื่อด้วย
คือคุณไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีนี่ครับ
แล้วที่คุณโพสต์ๆ มาว่าข้อความใดเข้าสมองก่อนบลาๆๆๆ นี่เอามาจากไหนครับ คิดเอาเองอีกแล้ว? ใช้นิสัยตัวเองมาชี้วัดคนอื่นอีกแล้ว?
ผมว่าปัญหาคือคุณตัดสินคนอื่นด้วยพื้นฐานของคุณเองก่อนเสมอ ส่วนคนอื่นๆ เค้ามองว่าหลักฐานมันอ่อนเกินกว่าจะมาใช้ตั้งข้อหา ให้ผู้ต้องหามานั่งพิสูจน์ตนเองครับ ต้องเสียเงินเสียเวลา
ทุกคนก็มองกันว่าถ้าหลักฐานมันอ่อนแบบนี้ ใครๆ ก็ซวยได้ เสียเวลา เสียทรัพย์ได้โดยใช่เหตุ นี่ยังไม่มีใครเชื่อปักใจคนขับเลยนะครับ ว่าไม่ได้ขับอูเบอร์ เค้าสงสัยในการตั้งข้อหานี่แหละ
แต่คุณก็ตัดสินคนอื่นด้วยอคติ ตัดสินทั้งคนขับ ตัดสินสมาชิกท่านอื่นแถมมีเหน็บแนมประชดประชัด
ทำไมไม่ว่าด้วยหลักฐานล่ะครับ ทำไมใช้นิสัยตนเองมาคอยตัดสินชี้นิ้วใส่คนอื่นล่ะ?
ปล. ผมเคยพาอินเดียไปส่งที่สวนโป๊ยเซียน ผมไม่รู้จักเค้ามาก่อน แต่ผมไปเจอเค้าโพสต์ถามทางในกลุ่มต้นไม้ของเฟสบุค
ผมไม่มีรูป ผมไม่รู้จักชื่อ แต่มีข้อความคุยกันในเฟสบุค ซึ่งชื่อเค้าเป็นชื่อจริงมั้ยก็ไม่รู้ รูปถ่ายคงไม่ต้องพูดถึงว่าไม่มีแน่ๆ ผมไปรับเค้าจากสุวรรณภูมิไปส่งแถวประชาอุทิศครับ
คือที่เล่านี่จะบอกว่าหลักฐานที่คุณถามหาอ่ะมันใช่ว่าจะมีให้เสมอไปครับ มันเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าใช้วิธีพิจารณาแบบเอาพื้นฐานนิสัยของคุณเองมาตัดสิน ใครไม่เหมือนคุณก็ผิดหมดสิครับ
ที่ผมจะบอกตรงๆคือ. แค่หมิ่นประมาทฟ้องได้หรือไม่ คุณยังไม่สามารถชี้ได้อย่างถูกต้องเลย
ตรงนี้แสดงชัดเจนว่าความรู้เรื่องกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ของคุณเป็น 0 .
สิ่งที่ย้ำว่าความรู้เรื่องกระบวนการยุติธรรมของคุณเป็น 0 อีกครั้ง ก็คือประโยคข้างบน
[คือคุณไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีนี่ครับ]
กระบวนการตัดสินทางตรรกศาสตร์ " สากล "ทุกอย่าง ตัดสินจาก "หลักฐาณที่ปรากฎ" เท่านั้น
ปรกติผมไม่โพสอะไรตรงๆ แต่ครั้งนี้เห็นคุณพยายามเฉไฉ ก็เลยขอพิมพ์ตรงๆเตือนสติสักหน่อย
"อย่าคิดว่าเสแสร้งเป็นรู้ แล้วคนรู้จริงเขาจับคุณไม่ได้ " ครับผม
บุคคลที่ใช้พื้นฐาณความรู้ทางกระบวนการที่เป็น 0
คือตัวคุณใช่หรือไม่ใช่ ? ขอให้ตอบตัวเองนะครับ หรืออ่านคอมเมนท์ของคุณเองก็ได้
เพราะผมคาดว่านั่นเป็นคอมเมนท์ที่มาจากจิตใต้สำนึกของคุณเอง (ที่เรียกกันว่าการสารภาพบาปผ่านการแสดงโยนบาปให้ผู้อื่น)
ทั้งหมดที่คุณเขียนคือตัวคุณเองทั้งนั้น ขอให้รับทราบครับ
เยอะนะเนี่ย ... มีอะไรอีกครับ จัดมาให้หมดเลย สากลอีก ตรรกะศาสตร์ แสร้งทำเป็นรู้ สารภาพบาป ฯลฯ จัดมาเยอะๆ ป้อนความรู้ให้ผมหน่อยครับ
ส้มเอ๊ย......ที่ตัดสินจากหลักฐานที่ปรากฏมันกฏหมาย ไม่ใช่ตรรกะ
ตรรกะหมายถึงวิธีคิดเชื่อมโยงเหตุไปยังผลหรือผลกลับไปหาเหตุ แค่พื้นฐานมันอย่าง"ความคิด"ก็ไม่มีหลักฐานให้ปรากฏแล้ว
แนะนำว่าอย่ามโนให้มากครับ
** ขอตอบในแบบถ้าเป็นตัวผมแล้วกันนะครับ
รูปถ่ายในภาพ ชาวต่างชาติตัวใหญ่สองคน แบกกระเป๋าใบโต ลงจากรถ
ตอบ: ชาวต่างชาติตัวใหญ่? ตัวใหญ่แล้วไงอ่ะ ผิดหรอ
กระเป๋าใบโต? มาเที่ยวต่างประเทศจะให้พกมาแค่ยาสีฟันหรอครับ ผมไป ตจว บางทีพกตั้งสองใบ
อ้างว่า ไปเที่ยวเชียงใหม่จากสุพรรณ พร้อมครอบครัว แต่รถยนต์ซีดาน 4 ประตู ??
ตอบ: ถ้าบ้านมีแค่ซีดาน 4 ประตู ไปเที่ยว ตจว พร้อมครอบครัวไม่ได้หรอครับ ต้องไปออกรถใหม่เลยรึ
เพียงพอบรรจุฝรั่งตัวใหญ่ขนาดนั้น พร้อมครอบครัวด้วยหรือ ? วางแผนอย่างไร
ตอบ: ครอบครัว ผัว เมีย ลูก 1 นับเป็นครอบครัวป่าว? หรือแค่ ผัว เมีย นับเป็นครอบครัวมั้ย?
มีการอ้างเรื่อง ไม่ประทับใจ และไม่อยากไปเที่ยวเชียงใหม่อีก
ทำไมต้องอ้างเรื่องการท่องเที่ยว เหมือนจะขู่กลายๆว่าคนจะไม่ไปเที่ยวเชียงใหม่หากปรับ
ตอบ: เป็นผมก็ไม่อยากกลับไปอ่ะ
วรรคนี้ " ใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายผมครับ สุพรรณ-เชียงใหม่ ไม่ใช่ใกล้ ๆ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่ถูก ๆ " ขัดกับ --- การไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยการขับรถยนต์ --- มีเวลา "บริการ" ชาวต่างชาติตัวใหญ่พร้อมสัมภาระขนาดใหญ่หลายชิ้น
ตอบ: เอ้า ก็นั่นมันไปเที่ยว ก็คืออยากไปเอง มีเวลาพร้อมที่จะไป แต่อันนี้มันเหมือนโดนบังคับไปเพราะรูปถ่ายง่อยๆรูปนึง แล้วอันนี้ก็เน้นชาวต่างชาติตัวใหญ่อีก ตัวใหญ่แล้วไง ห้ามคบ จะมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติตัวใหญ่ไม่ได้?
ฤดูท่องเที่ยวเชียงใหม่คือช่วงสงกรานต์ / ขึ้นดอยปีใหม่ ตอนนี้เพิ่งจะมีนาคม ปีใหม่ก็ผ่านไปแล้ว ? ไปเที่ยวอะไร
ตอบ: อ้าว แล้วฝรั่งเค้าไปทำไมอ่ะ ไปไม่ได้หรอ ผิดด้วย? คือผมจะไปเที่ยวจังหวัดไหน ช่วงไหน มันก็เรื่องของผมมั้ย ผิดด้วยหรอ
A ) ถูกต้อง เพราะสัมภาระที่เห็นในภาพ เป็นเพียงส้มภาระของชาวต่างชาติสองคน
และคุณคิดว่าเมื่อ "สัมภาระ ของครอบครัว" รวมกับ "สัมภาระที่เห็นในภาพ" สามารถบรรจุลงรถคันนั้นได้จริงหรือ ??
หรือครอบครัว "พกมาแค่ยาสีฟัน" ? นอกนั้นเป็นพื้นที่สำหรับ "ชาวต่างชาติและสัมภาระ" หมด ??
คุณบอกเองนะครับว่า ตัวคุณพกกระเป๋า 2 ใบเมื่อเที่ยวต่างจังหวัด ?
B ) ข้อความอ้างว่า " เพื่อนชาวต่างชาติไปเที่ยวต่อ " แต่
ปริมาณสัมภาระขนาดนั้นเป็นลักษณะของการ "ยังไม่ได้ check-in ที่พัก" หรือเพิ่งจะลงมาจากยานพาหนะประเภทอื่นนั่นเอง .
C ) พิรุธน่าสงสัย : ข้อความในใบเอกสารราชการ ไม่มีการใช้คำว่า "UBER" แม้แต่ประโยคเดียว . (ใช้คำว่า "รถโดยสารผิดประเภท")
แต่ผู้โพสข้อความกลับ กล่าวว่า "ตนถูกกล่าวหาว่าเป็น UBER"
D ) ไม่มีรูปถ่ายหลักฐาณการไปเที่ยวกับครอบครัว
F ) ไม่มีหลักฐาณคือชื่อ สกุล ของชาวต่างชาติ ที่อ้างว่าเป็นเพื่อน
G ) ไม่มีรูปถ่ายหลักฐาณ การเป็น "เพื่อน" กับชาวต่างชาติที่อ้าง
H ) ไม่ยอมไปพบกรมขนส่ง
A) นัดเจอกันที่เชียงใหม่ ต่างฝ่ายก็มีที่พัก ตอนมาส่งนี่เอาของเอาคนไว้ รร ไม่ได้หรอครับ คนในครอบครัวกระเป๋า ของทั้งเจ้าของรถ ทั้งฝรั่ง ต้องอยู่ที่รถหมด?
B) เที่ยวต่อ มันก็ไปพักที่อื่นต่อก็ได้นะ
C) ข่าวช่วงนี้ก็มีแต่ UBER แหละครับ หรือว่ามีเจ้าอื่นด้วยแล้วผมไม่รู้?
D - H) คนกล่าวหาก็ไม่ได้แสดงอะไร นอกจากรูปใบเดียว หลักฐานการว่าจ้าง อย่างเช่นการชำระเงินมีมั้ย ส่วนการไปพบขนส่งมันมีค่าใช้จ่ายและเวลา ซึ่งใครจะรับผิดชอบ
ตรรกะโคตรป่วยเลยครับ โลกหมุนรอบตัวคุณเองด้วยเลยไหม ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
การไม่แสดงตรรก เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด ในการซ่อนเร้นค่า 0 ของตรรกศาสตร์ครับ :)
ครับ :)
it's better to keep your mouth shut and appear stupid than open it and remove all doubt
เพื่อนของเพื่อน เพื่อนของญาติ ลูกค้ามาเที่ยวเจ้านายให้มาต้อนรับ ความสัมพันธ์ของมนุษย์มันมีหลากหลายนะครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่รู้ น่าจะเพราะไม่มีประสพการณ์หรือเปล่าครับเลยไม่ค่อยจะรู้เรื่องทั่ว ๆ ไป แนะนำให้เก็บประสพการณ์เพิ่มก่อนนะครับ เห็นแล้วสงสาร
ตัวผมเองเพิ่งย้ายมาอยู่เชียงใหม่จากการพูดคุยกับคนขับ ส่วนใหญ่เขาไม่รับคนไทยแล้วครับ(จะรับถ้า...)แล้วเลาจะขึ้นรถแต่ละทีผมก็ต้องไปขึ้นรถไกลๆที่ไม่มีรถแดงหรือสามล้อจอดอยู่เพราะพวกนี้เคา้จะถ่ายรูปไปแจ้งขนส่งโดยที่ไม่สนสี่สนแปดใดๆเลย
ก็ไปจบที่ภูเก็ตโมเดล
เมืองไทย ก็ได้แค่นี้แหละ
แปลกนะครับ หลักฐานแค่รูปภาพไม่กี่รูป ก็ระบุได้ว่าเป็น UBER
แต่ในขณะที่หลักฐานคือคลิปหลายคลิปมากที่แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร
หรืออันที่จริงแล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแค่ 5 โมงเย็นไปเรียกแท็กซี่ที่ไหนก็ได้ ให้ไปส่งที่อนุสาวรีย์ชัย มากกว่าครึ่งไม่มีใครไปหรอก
จับ UBER ก็สมควรครับเห็นด้วย เพราะผิดกฎหมาย แต่ไม่จับแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสารแถมยังปกป้องว่าไม่มีอีก แบบนี้ไม่ได้ช่วยให้คนอยากขึ้นแท็กซี่ขึ้นมาเลยครับ
ยังไม่นับว่าโกงมิเตอร์อีกนะ
ถ้าโดนแท็กซีโกงมิเตอร์ โดนแทกซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร แล้วเอาไปเคลมเงินกับกรมการขนส่งได้ ผมยินดีจะขึ้นแท็กซี่ และไม่ขึ้น UBER เลย (เพราะดูแล้ว น่าจะรวยกว่าทำงานประจำเสียอีก)
ผมหน้าตาเกาหลี แล้วครายมันจะมารับผมที่หนามบิน TT
ก็การกระทำแบบนี้ไงพวกโจรตัวจริงทั้งหลายมันถึงยิ้มหวานน้ำลายเยิ้ม มันแสดงถึงจุดบกพร่องของประเทศไทยที่ชัดเจนมากๆ ถ้าฝรั่งเห็นข่าวนี้แล้วคงจะฮากลิ้งกันเลยทีเดียว