Tags:
Node Thumbnail

ดีเบตแบนคอนเทนต์ขวาจัดยังไม่จบ หลังจากเว็บ Daily Stormer ที่ถูกเรียกว่าเป็นของกลุ่มนาซีใหม่ (neo-Nazi) ถูกปิดโดย GoDaddy ขณะที่ Discord ก็ปิดเซิร์ฟเวอร์แอคเคาท์ของ alright.com ตามด้วย Crowdfunding ที่ทยอยต้านเว็บขวาจัด

ประเด็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้มีการหยิบยกเรื่องความเป็นกลางในการบริการคอนเทนต์ออนไลน์ และหลักการเรื่อง free speech เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายกลาง (federal law) ที่จะบังคับใช้กับบริษัทเอกชนที่ปฏิเสธในการให้บริการแก่ผู้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ แม้อาจมีกฎหมายในบางรัฐที่ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีแนวคิดฝักใฝ่ทางการเมืองใดๆ ก็ตาม

ทั้งนี้ กรณีเหตุปะทะที่ชาร์ล็อตต์วิลล์ระหว่างกลุ่มนิยมคนขาวแบบสุดโต่งกับกลุ่มผู้ต้านการเหยียดผิว ผู้ที่สนับสนุนให้มีการบริการคอนเทนต์อย่างเป็นกลางเช่น EFF (Electronic Frontier Foundation) ก็เห็นว่า GoDaddy มีสิทธิที่จะไม่ให้บริการโดเมนแก่เว็บใดๆ ก็ย่อมได้

ขณะที่ Malkia Cyril ผู้อำนวยการ Center for Media Justice มองว่าการตัดความช่วยเหลือที่มีต่อกลุ่ม white supremacy ไม่ใช่การเซ็นเซอร์ แต่เป็นการจัดการในแง่บวกด้วยซ้ำต่อการก่อการร้ายภายในประเทศ เพราะเป็นการก่อความรุนแรงที่ทำให้มีคนตาย ไม่ใช่เรื่อง speech

ล่าสุด Apple หยุดให้บริการ Apple Pay กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความสนับสนุนแก่กลุ่มที่สร้างความเกลียดชังและกลุ่ม white nationalists ไปแล้วเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่ขายสเวตเตอร์ที่มีโลโก้ Nazi หรือเสื้อที่ประทับตราว่า White Pride ไปจนถึงสติ๊กเกอร์ที่ติดท้ายรถและมีรูปรถพุ่งชนฝูงชนที่ชาร์ล็อตต์วิลล์

แม้จะยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ จาก Apple แต่ซีอีโอ Tim Cook ก็ทวีตถึงจุดยืนต่อสถานการณ์ดังกล่าว และในแพลตฟอร์มของ Apple Pay on the Web ก็อ้างถึงนโยบายหรือแนวทางการใช้งานที่ยอมรับได้ ซึ่งเนื้อหาที่เป็นข้อห้ามได้ระบุว่าเว็บไซต์ที่มีคุณสมบัติสนับสนุนให้เกิดความเกลียดชัง การก่อความรุนแรง หรือการไม่ยอมรับต่อความแตกต่างทางสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ฯลฯ ก็จะไม่ได้รับการบริการจาก Apple Pay ด้วย

ด้าน Twitter เองก็ลงมาร่วมสนับสนุนการแบนครั้งนี้ด้วยการระงับการใช้งานแอคเคาท์ของ Daily Stormer แม้จะไม่มีแถลงการณ์หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อกรณีดังกล่าว แต่ทวิตเตอร์ก็มีกฎในการใช้งานเช่นกัน ซึ่งพูดถึงการไม่สนับสนุนความรุนแรงหรือคุกคามผู้อื่นหรือล่วงละเมิดผู้อื่น เป็นต้น

ขณะที่ Cloudflare ผู้ให้บริการ CDN รายใหญ่ก็เปิดเผยว่าต้องสิ้นสุดการให้บริการแก่แอคเคาท์ของ Daily Stormer ด้วยเช่นกัน เพราะการให้บริการของเขาทำให้ทีมผู้อยู่เบื้องหลังของเว็บไซต์นี้นำไปอ้างอิงว่า Cloudflare เป็นผู้สนับสนุนอุดมการณ์ของกลุ่มนี้อย่างลับๆ และทางองค์กรพยายามถกเถียงเรื่องนี้มานานนับปีแล้วถึงนโยบายการเซ็นเซอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้องค์กรยึดหลักการให้บริการอย่างเป็นกลางแต่เนื่องจากมีการนำไปอ้างอิงว่าเป็นผู้สนับสนุนจึงต้องยุติการให้บริการนี้

ส่วน Facebook หลังจากที่มีการปิดเพจการรวมกลุ่มของฝ่ายขวาจัดหลายเพจแล้ว Mark Zuckerberg ก็ออกมาชี้แจงผ่านแอคเคาท์ตัวเองเช่นกันว่าไม่ได้สนับสนุนแนวทางการสร้างความเกลียดชังหรือผู้ที่มีมุมมองสุดโต่ง และเห็นว่าผู้คนต้องแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ และยืนยันว่า Facebook เป็นพื้นที่ที่รวมผู้คนที่มีมุมมอง ความคิดที่แตกต่างกัน

เขาย้ำว่า ไม่ควรมีพื้นที่ใดในสังคมที่เป็นพื้นที่สำหรับการสร้างความเกลียดชัง เขาชี้ว่าผู้คนส่วนใหญ่พูดถึงความเกลียดชังนี้มาจากไหนและรู้สึกแปลกใจที่ยังมีการพูดถึงเรื่อง neo-Nazis และ white supremacy อยู่ เขาเห็นว่าเหยื่อของการสร้างความเกลียดชังนั้นมีอยู่ทั่วโลกและเห็นว่าทุกคนนั้นมีความหลากหลาย การทำให้ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น น่าจะทำให้สังคมเจริญก้าวหน้าได้มากขึ้น

ขณะที่ Spotify ก็ร่วมแบนเนื้อหาเพลงที่สื่อความหมายขวาจัดและสร้างความเกลียดชังเช่นกัน

No Description
Tim Cook: Apple CEO, Jack Dorsey: Twitter CEO, Matthew Prince: Cloudflare CEO, Mark Zuckerberg: Facebook CEO

ที่มา - The Verge, 9TO5Mac, Recode, Cloudflare

Get latest news from Blognone

Comments

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 17 August 2017 - 15:45 #1002918
panurat2000's picture

Discord ก็ปิดเซิร์ฟเวอร์แอคเคาท์ของ alright.com

alright.com => altright.com

และหลักกการเรื่อง free speech

หลักกการ => หลักการ