ก่อนหน้านี้ Google ได้เสนอปรับสเปค API ของ Chromium หรือ Manifest v3 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยจุดสำคัญของอัพเดตครั้งนี้จะส่งผลต่อส่วนขยายบล็อคโฆษณาบน Chrome เพราะ API ใหม่ไม่เปิดให้ส่วนขยายจัดการกับ request โดยตรงเหมือนเดิม
ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะนักพัฒนารวมถึงผู้ใช้ไม่พอใจกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จนทำให้ Brave, Opera และ Vivaldi สามเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium เป็นฐานเหมือนกับ Chrome ได้ประกาศออกมาชัดเจนว่าจะซัพพอร์ต API เดิมต่อไป
หากยังจำกันได้ Google เคยเสนออัพเดตสเปค Manifest v3 ซึ่งจะส่งผลต่อตัวบล็อคโฆษณาที่ทำงานอยู่บน Chromium แม้ภายหลัง Google จะยอมถอย แต่สุดท้าย Google ก็ประกาศออกมาว่าเทคโนโลยีเก่า ๆ จะอยู่เฉพาะผู้ใช้ Chrome เวอร์ชันองค์กรเท่านั้น ส่วนเวอร์ชันปกติที่ใช้กันจะได้รับผลกระทบแน่นอน ซึ่ง Manifest v3 จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า
เมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่งผ่านมา Opera for Android ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 50 โดยได้เพิ่มการรองรับโหมด picture-in-picture ที่มีอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8 ขึ้นไป ทำให้สามารถสั่งเล่นวิดีโอขนาดเล็กจาก Opera และใช้งานแอพอื่นๆ ไปพร้อมๆ กันได้ดังภาพ
Spotify เริ่มแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อตัวบล็อกโฆษณามากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดทางบริษัทได้อัพเดตข้อตกลงการใช้บริการใหม่ที่กำหนดว่าผู้ที่ใช้ตัวบล็อกโฆษณากับ Spotify อาจถึงขั้นถูกระงับบัญชีได้
Spotify ระบุว่าหากผู้ใช้หลีกเลี่ยงหรือบล็อกโฆษณาใน Spotify หรือสร้างและกระจายเครื่องมือที่ออกแบบมาให้บล็อกโฆษณาใน Spotify อาจทำให้ผู้ใช้ถูกระงับบัญชี Spotify ได้ทั้งแบบชั่วคราวและถาวรได้ในทันที
หลังกฎ GDPR ของยุโรปบังคับใช้ สิ่งที่จับต้องได้อย่างชัดเจนคือเว็บไซต์จำนวนมากจะแสดงข้อความแจ้งเตือนผู้ใช้ว่า ใช้งานคุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัว ข้อเสียสำคัญคือหน้าจอคุกกี้เหล่านี้มักบังส่วนสำคัญของเว็บเพจ จนทำให้เกิดความรำคาญไม่ต่างอะไรกับโฆษณาบางประเภท
Opera for Android เวอร์ชันล่าสุด 48.0 จึงขยายฟีเจอร์ ad blocking ไปอีกขั้น เพิ่มตัวเลือก block cookie dialogs เพื่อปิดการแสดงผลหน้าจอคุกกี้เหล่านี้ด้วย (ผู้ใช้จำเป็นต้องเปิดใช้กันเองในหน้า Settings ไม่ได้เปิดมาเป็นดีฟอลต์)
เบราว์เซอร์ Microsoft Edge เวอร์ชัน Android และ iOS เพิ่มฟีเจอร์บล็อคโฆษณาโดยร่วมมือกับ AdBlock Plus
ตอนนี้ Edge ยังทดสอบฟีเจอร์นี้ในกลุ่มจำกัด (ต้องเป็นเวอร์ชัน test จึงจะใช้ได้) และจะทยอยเปิดให้ใช้งานในวงกว้างต่อไป
ที่มา - The Verge
หลัง Chrome เริ่มเปิดใช้งานตัวบล็อคโฆษณา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยรูปแบบการบล็อคโฆษณาคือ "บล็อคทั้งไซต์" ที่ถูกกูเกิล blacklist เอาไว้เท่านั้น (ผู้ใช้ไม่มีสิทธิเลือกบล็อคเอง)
โฆษกของกูเกิลให้ข้อมูลกับ Wired ว่า เว็บไซต์ที่ถูกบล็อคมีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น โดยจาก 100,000 เว็บไซต์ยอดนิยมสูงสุดในอเมริกาเหนือและยุโรป มีเพียง 1% ที่เข้าข่ายถูกบล็อคโฆษณา
จากที่กูเกิลเคยประกาศไว้ว่า Chrome จะเริ่มบล็อคโฆษณาที่น่ารำคาญ นโยบายใหม่จะเริ่มมีผลใช้งานในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ. 2018) โดยฟีเจอร์บล็อคโฆษณาพร้อมใช้งานแล้วใน Chrome เวอร์ชันใหม่ๆ รอเพียงแค่กูเกิลกดสวิตช์เริ่มทำงานเท่านั้น
ผู้ใช้ Chrome และเจ้าของเว็บไซต์คงมีคำถามว่า ระบบบล็อคโฆษณาของ Chrome ทำงานอย่างไร และโฆษณาแบบใดบ้างที่จะถูกบล็อค
ด้วยความนิยมของการบล็อกโฆษณานั้น ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ที่ใช้โมเดลธุรกิจซึ่งรับเงินจากการโฆษณาไม่น้อย ตั้งแต่การบอกผู้ใช้แต่โดยดีไปจนถึงการหลีกเลี่ยงการบล็อกโดยการปรับตำแหน่งโฆษณาไปเรื่อย ๆ ล่าสุด มีรายงานผลการศึกษาจาก University of Iowa และ UC Riverside พบว่าตอนนี้มีเว็บไซต์ชื่อดังนับพันได้เริ่มมาตรการตอบโต้ระบบการบล็อกโฆษณา ซึ่งหลายเว็บนั้นกระทำแบบเงียบมาก ๆ และทำอย่างเชี่ยวชาญ
นักวิจัยได้ใช้ทดสอบโดยการเข้าเว็บไซต์หลายพันเว็บเป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง โดยทดสอบทั้งแบบใช้ตัวบล็อกโฆษณาที่ติดตั้งบนเบราว์เซอร์ และไม่ใช้ ซึ่งจากข้อมูลที่สำรวจพบว่า 30.5% ของเว็บไซต์ 1 หมื่นเว็บไซต์ชื่อดังเริ่มใช้ระบบการตรวจจับตัวบล็อกโฆษณา และหลีกเลี่ยงการโฆษณาเพื่อให้ไม่โดนบล็อก
ก่อนหน้านี้ Google เคยประกาศเตรียมบล็อกโฆษณาที่สร้างความรำคาญมาแล้วตั้งแต่ต้นปี 2018 อย่างเช่นโฆษณาจำพวกเล่นเสียงอัตโนมัติ, ให้รอระยะเวลาหนึ่งก่อนจะกดเข้าไปยังหน้าเว็บ หรืออื่น ๆ ที่ทำลายประสบการณ์ท่องเว็บ ล่าสุด Google กำหนดวันมาแล้วคือ 15 กุมภาพันธ์นี้ที่จะเริ่มบล็อกโฆษณา
การบล็อกโฆษณาครั้งนี้ เป็นผลมาจากการเข้าร่วมกลุ่ม Coalition for Better Ads เพื่อสร้างมาตรฐานและระบุรูปแบบโฆษณาที่ไม่ดีไว้ใน Better Ads Standards ซึ่งมาตรฐานโดยกลุ่ม Coalition นี้ตั้งใจจะให้ผู้ใช้รับประสบการณ์ที่ดีจากการโฆษณา เพื่อให้เลิกใช้ตัวบล็อกโฆษณาเพราะเป็นการทำให้สูญเสียรายได้ต่อบริษัท
เมื่อไม่นานมานี้ เราเห็นข่าว หน้าเว็บ The Pirate Bay รันสคริปต์ขุดคอยน์บนเครื่องผู้ใช้ ล่าสุดแนวทางนี้กำลังกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว และมีคนค้นพบว่าเว็บไซต์หลายแห่งเริ่มฝัง JavaScript สำหรับขุดเหมืองกันแล้ว
ข้อมูลนี้มาจากบริษัท AdGuard ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ad block ที่สำรวจเว็บไซต์ยอดนิยม 100,000 อันดับแรกของ Alexa เพื่อตรวจเช็คว่าแอบฝังสคริปต์ขุดเหมืองอย่าง CoinHive และ JSEcoin มาด้วยหรือไม่ ผลคือมีเว็บไซต์ถึง 220 แห่งที่ทำแบบนี้ และทำรายได้รวมกันไปแล้ว 43,000 ดอลลาร์
จากการที่ Google มีแผนจะปล่อยตัวบล็อคโฆษณาในช่วงต้นปี 2018 ในวันนี้ก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นกับโครงการนี้แล้วครับ
ตัวบล็อคโฆษณาเริ่มผนวกเข้ากับตัวเบราว์เซอร์ Chrome ในเวอร์ชั่น Dev และ Canary (62.0.3173.0) บนแอนดรอยด์โดยผนวกรวมเข้ากับตัวเบราว์เซอร์ โดยจะเปิดเป็นค่าเริ่มต้นทันทีเมื่อติดตั้งหรืออัพเดต สามารถเข้าไปเปิดและปิดตัวบล็อคได้จากหน้า "การตั้งค่าไซต์" บนแอนดรอยด์ โดยฟังก์ชั่นในตอนนี้จะยังไม่สามารถตั้งค่าอะไรได้มากนัก โดยจะใช้ข้อมูลของฝั่งเซิร์ฟเวอร์ของไปก่อน
ที่มา - gHacks
กูเกิลต้านกระแสไม่ไหว ประกาศเพิ่มตัวบล็อคโฆษณาลงใน Chrome โดยจะเริ่มมีผลช่วงต้นปี 2018
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดของตัวบล็อคโฆษณามากนัก โดยกูเกิลบอกเพียงว่าจะบล็อคโฆษณาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ Better Ads Standards ของกลุ่ม Coalition for Better Ads ที่กูเกิลและเฟซบุ๊กร่วมก่อตั้ง การบล็อคโฆษณาจะมีผลกับโฆษณาที่ยิงผ่านเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลเองด้วย หากโฆษณาไม่ผ่านตามมาตรฐานดังกล่าว
เราอาจมองว่า นโยบายการใส่ตัวบล็อคโฆษณาของ Chrome จะช่วยลดความรำคาญของผู้ใช้ได้บางส่วน และไม่ต้องใช้ตัวบล็อคโฆษณาอื่น (เช่น AdBlock Plus) ที่อาจปิดกั้นโฆษณาทั้งหมดออกไป
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า Google เตรียมใส่ฟีเจอร์บล็อกโฆษณาลงมาในเว็บเบราว์เซอร์ Chrome พร้อมเปิดให้ผู้ใช้ทุกคนใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น โดยตอนนี้ฟีเจอร์ยังอยู่ระหว่างการดีล ซึ่งถ้า Google จะทำจริงน่าจะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
การที่ Google ใส่ตัวบล็อกโฆษณาเข้ามาใน Chrome จะเน้นไปที่โฆษณาประเภท pop-over หรือโฆษณาที่เล่นเสียงหรือวิดีโออัตโนมัติ ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้ทั่วไปต้องใช้งานตัวบล็อกโฆษณาจากนักพัฒนาภายนอก เช่น Adblock Plus
การที่ Google จะทำตัวบล็อกโฆษณาเองแม้ว่าทางบริษัทมีรายได้จากการโฆษณาสูงมาก น่าจะถูกตั้งคำถามจากอุตสาหกรรมโฆษณาแน่นอนว่าเป็นกีดกันหรือไม่ และน่าจะโดนสอดส่องจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดด้วย
Google, Facebook, บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง P&G, Unilever และสมาคมด้านโฆษณาหลายแห่ง รวมตัวกันตั้งกลุ่ม Coalition for Better Ads เพื่อพัฒนามาตรฐานของวงการโฆษณาออนไลน์ให้ดีขึ้น
กลุ่ม Coalition for Better Ads จะศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค และร่วมกับห้องแล็บของ Interactive Advertising Bureau (IAB) พัฒนามาตรฐานโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพื่อแก้ไขปัญหาการบล็อคโฆษณา (ad blocking) จากผู้บริโภคที่รู้สึกรำคาญโฆษณาในรูปแบบเดิมๆ
ทางกลุ่มยอมรับว่าผู้บริโภคไม่พอใจกับโฆษณาแบบปัจจุบัน และมองว่าถ้าไม่ฟังเสียงผู้บริโภคก็ไม่มีทางอยู่รอดได้ ในขั้นแรก กลุ่มจะทำวิจัยผู้บริโภคโดยให้คะแนนโฆษณาและเผยแพร่ผลการวิจัยในไตรมาสที่สี่ของปีนี้
ที่มา - Coalition for Better Ads, Business Insider
Adblock Plus เพิ่งจะออกฟิลเตอร์ใหม่สำหรับกรองโฆษณาบน Facebook ได้ไม่นานนัก ล่าสุดนี้ทาง Facebook ก็โต้กลับว่า ฟิลเตอร์ใหม่ของ AdBlock Plus นี้จะทำการปิดกั้นโพสต์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่โฆษณาด้วย และเตรียมจะปิดการทำงานอีกครั้ง
Facebook ได้ให้ข้อมูลกับ TechCrunch ว่า บริษัทที่ทำ ad blocker ไม่ใช่แค่เพียงปิดกั้นโฆษณาบน Facebook แต่ยังปิดกั้นโพสต์จากเพื่อนและเพจด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้ และทางบริษัทเตรียมจะแก้ปัญหานี้แล้ว
นอกจากนี้ Facebook ยังบอกอีกว่า พวกตัวปิดกั้นโฆษณาเป็นอุปกรณ์ที่ทื่อ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Facebook เลือกโฟกัสกับการทำอย่างอื่น เช่น เครื่องมือปรับค่าโฆษณาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมได้
ไม่กี่วันก่อน Facebook เพิ่งจะออกประกาศแสดงโฆษณาให้คนใช้โปรแกรมปิดกั้นโฆษณา และล่าสุดอีกฝั่งก็คือฝ่ายที่ทำโปรแกรมปิดกั้นโฆษณาเริ่มออกมาตอบโต้แล้ว
ทาง Adblock Plus ได้โพสต์รายละเอียดว่า ตอนนี้ได้ทำฟิลเตอร์ใหม่สำหรับกรองโฆษณาใส่เข้าไปใน EasyList เมื่อ 15 นาทีที่แล้ว โดยวิธีใช้คือให้อัพเดตรายการฟิลเตอร์ได้เลย หรือรออีกไม่กี่วันก็จะอัพเดตให้เองอัตโนมัติ โดยฟิลเตอร์ล่าสุดนี้ยังไม่ได้ทดลองใช้มากนัก ฉะนั้นอาจจะทำให้ยังไม่ได้ผลที่ดี
อย่างที่ทราบกันว่ารายได้สำคัญของเฟซบุ๊กคือโฆษณา ขณะที่ Ad Block ก็กำลังเป็นหนามยอกอกสำหรับผู้ผลิตคอนเทนท์ต่างๆ ที่หารายได้จากโฆษณา
ล่าสุดเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าจะใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแสดงโฆษณา กับผู้ใช้ที่ใช้ Ad Block บนเดสก์ท็อป แตกต่างจากผู้ผลิตคอนเทนท์หลายเจ้า ที่เลือกจะไม่แสดงเนื้อหา และให้ผู้ใช้ปิด Ad Block เพื่อเข้าชมเว็บไซต์
ทั้งนี้ถึงแม้รายได้กว่า 84% ของเฟซบุ๊กจะมาจากโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ แต่หากคิดเป็นตัวเลขแล้ว รายได้จากโฆษณาบนเดสก์ท็อปก็สูงถึงกว่า 1 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว
ที่มา - Recode
Opera อัพเดตแอป Opera เวอร์ชันเต็มบน Android และ Opera Mini บน iOS และ Windows Phone โดยเพิ่มฟีเจอร์บล็อคโฆษณาแล้ว หลังจากเพิ่มฟีเจอร์ดังกล่าวลง Opera เดสก์ทอปและ Opera Mini for Android ไปก่อนหน้านี้
ข่าวนี้ดูจะเป็นข่าวดีของผู้ใช้ Windows Phone เพราะก่อนหน้านี้บริษัทประกาศระงับการพัฒนาเบราว์เซอร์บนแพลตฟอร์มข้างต้นเป็นการชั่วคราว ครับ
ที่มา: Opera
PageFair สตาร์ทอัพที่ช่วยเจ้าของเว็บไซต์รับมือกับซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณา เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ใช้ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาในปัจจุบันมีถึงราว 420 ล้านคนทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 90% ภายในระยะเวลาหนึ่งปี และนับเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลก
ผู้ใช้ที่ใช้ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน อินเดียและปากีสถาน ขณะที่ประเทศในแถบยุโรปและอเมริกามีอัตราส่วนในการใช้น้อยกว่ามาก โดยทาง PageFair ให้เหตุผลที่ประเทศกำลังพัฒนามีการใช้งานซอฟต์แวร์ประเภทนี้มากกว่า เป็นเพราะช่วยใช้ดาต้าลดลงและโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น ซึ่ง PageFair คาดว่าเมื่อปีที่แล้ว การบล็อกโฆษณา ทำให้รายได้ที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ควรจะได้หายไปราย 21.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา - The Verge
AdBlock และ AdBlock Plus ได้ออกส่วนเสริมสำหรับ Microsoft Edge เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากรรอให้ Microsft อนุมัติอยุ่ช่วงหนึ่ง
ปัจจุบัน Microsoft Edge ที่สามารถติดตั้งส่วนเสริมได้ยังอยู่ในช่วงพรีวิวเท่านั้น ผู้ที่จะทดสอบต้องลงทะเบียน Windows Insider Preview และอัพเดต Windows 10 ก่อน และดาวน์โหลด AdBlock กับ AdBlock Plus ได้เลย
ที่มา - Engadget
Opera ได้เปิดให้ใช้งานระบบบล็อคโฆษณาในเว็บเบราว์เซอร์เวอร์ชัน stable และ Opera Mini บน Android แล้ว จากก่อนหน้านี้ที่เปิดให้ใช้งานเฉพาะใน developer release เท่านั้น
Opera อธิบายว่าระบบบล็อคโฆษณาของ Opera เองนั้นเร็วกว่า Chrome หรือเบราว์เซอร์อื่นๆ ที่ติดตั้งระบบบล็อคโฆษณาจากภายนอก โดยเปรียบเทียบกับ Chrome ที่ติดตั้ง AdBlock Plus ว่าเร็วกว่าถึง 45% รวมถึงระบบบล็อคโฆษณาของ Opera จะใช้หน่วยความจำน้อยกว่าระบบบล็อคโฆษณาอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนฝั่งแอพบน Android นั้น Opera Mini ก็ได้ฟีเจอร์บล็อคโฆษณาแล้วเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การดาวน์โหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น 40% แต่ Opera เวอร์ชันเต็มบน Android ยังไม่ได้ฟีเจอร์นี้
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปีเราเห็นข่าว Brave เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากอดีตผู้บริหาร Mozilla จุดเด่นของมันคือบล็อคโฆษณามาตั้งแต่ต้น ช่วยให้การท่องเว็บรวดเร็วกว่าเดิม แต่จริงๆ แล้ว Brave มีโมเดลธุรกิจที่ลึกกว่านั้น
โหมดการบล็อคโฆษณาของ Brave แบ่งออกเป็น 3 แบบคือ อนุญาตให้แสดงโฆษณา, บล็อคโฆษณา และ Replace Ads หรือแปลงพื้นที่โฆษณาของเว็บไซต์ มาเป็นโฆษณาจากเครือข่ายโฆษณาของ Brave แทน
เว็บไซต์ ZDNet ได้ข้อมูลแผนการพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ Edge ของไมโครซอฟท์ จากการนำเสนอในงาน Build พบว่า Edge กำลังจะมีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง (บางอย่างเคยมีใน IE แต่หายไปตอน Edge ออกใหม่ๆ)
ที่มา - ZDNet
หลังจาก AdBlock Plus ประกาศทำส่วนขยาย (extension) ให้กับ Microsoft Edge เมื่อปลายปีที่แล้วก็ยังไร้วี่แววส่วนขยายดังกล่าวถึงแม้ไมโครซอฟท์จะปล่อย Windows 10 รุ่นทดสอบ 14291 ที่ Microsoft Edge รองรับส่วนขยายมาแล้วก็ตาม
ล่าสุด มีการสอบถาม Adblock Plus ทางทวิตเตอร์ และได้รับคำตอบว่าทีมงานรอไมโครซอฟท์อนุมัติให้ปล่อยส่วนขยายดังกล่าวเท่านั้น
ก็คงต้องตามกันว่า Adblock Plus จะลง Microsoft Edge เมื่อไรครับ
ที่มา: @AdblockPlus ผ่าน WinBeta