ศาลทั่วไปสหภาพยุโรป (General Court) ออกตัดสินให้กูเกิลชนะคดี ไม่ต้องจ่ายค่าปรับ 1.49 พันล้านยูโร ที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission หรือ EC) สั่งปรับกูเกิลในปี 2019 จากประเด็นพยายามจำกัดการแข่งขันในธุรกิจโฆษณาออนไลน์ ให้คู่สัญญาที่ใช้ AdSense ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งกูเกิลได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลศาลทั่วไป
ศาลระบุว่า EC ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนมากพอที่แสดงว่ากูเกิลได้กำหนดข้อจำกัดต่าง ๆ กับคู่สัญญาตามที่ระบุไว้ในความผิด
กูเกิลประกาศการเปลี่ยนแปลงของ Google AdSense สองอย่าง ได้แก่ การปรับโครงสร้างส่วนแบ่งรายได้ใหม่ และปรับวิธีนับการจ่ายเงินให้เจ้าของเว็บไซต์ด้วย Impression
ประเด็นแรกเรื่องการปรับโครงสร้างส่วนแบ่งรายได้ กูเกิลบอกว่าเพื่อความโปร่งใสและสอดคล้องกับอัตราในอุตสาหกรรม จะแสดงรายละเอียดการหักส่วนแบ่งเป็น 2 ลำดับ กรณีโฆษณาถูกแสดงผ่าน AdSense ในรูปแบบคอนเทนต์ โดยเจ้าของเว็บไซต์จะได้ส่วนแบ่ง 80% ของรายได้หลังจากแพลตฟอร์มโฆษณา 3rd Party หักค่าธรรมเนียมไปแล้ว (ดูรูปประกอบ) ซึ่งทำให้เจ้าของเว็บไซต์ยังคงได้เงินที่อัตรา 68% ของรายได้ต่อไป
กูเกิลบอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มมีผลต้นปีหน้า ฝั่งเว็บไซต์ไม่ต้องทำอะไร และกูเกิลบอกจะไม่กระทบกับอัตราส่วนแบ่งโฆษณาปัจจุบัน
กูเกิลประกาศปิดบริการแอพ AdSense บนสมาร์ทโฟน Android และ iOS โดยให้ย้ายไปใช้เวอร์ชัน mobile web แทน
กูเกิลให้ข้อมูลว่าทราฟฟิกผู้ใช้ AdSense มาจากสมาร์ทโฟนถึง 1 ใน 3 และจะไม่ทอดทิ้งผู้ใช้กลุ่มนี้ โดยจะลงทุนพัฒนาเวอร์ชัน mobile web ต่อไป ให้เป็นซอฟต์แวร์เวอร์ชันเดียวตอบโจทย์ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
แอพ AdSense บน Android/iOS จะใช้งานได้ถึงสิ้นปี 2019 และกูเกิลจะประกาศข่าวเพิ่มเติมอีกครั้งว่าให้ย้ายวิธีการใช้งานอย่างไร
ที่มา - Google
คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) โดยกรรมาธิการด้านการผูกขาด ประกาศสั่งปรับ Google เป็นจำนวนเงิน 1.49 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 1.69 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากความพยายามในการลดการแข่งขันในตลาดโฆษณาออนไลน์ ด้วยวิธีการการผลักดันโฆษณาจากแพลตฟอร์ม AdSense ของตนเองด้วยข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม
ประกาศดังกล่าวนี้แถลงโดย Margreth Vestager กรรมาธิการด้านการผูกขาดของ EC เธอระบุว่าแนวทางของ Google ทำให้ลดการแข่งขันในตลาดโฆษณาออนไลน์โดยรวม เนื่องจากบีบบังคับให้คู่สัญญาที่ใช้บริการของ AdSense ต้องดำเนินการตามกรอบของบริษัทเท่านั้น และใช้อิทธิพลในฐานะเจ้าของระบบการค้นหาออนไลน์รายใหญ่ ในการควบคุมและทำสัญญา
Google ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ AdSense ชื่อว่า Auto Ads โดยใช้ machine learning ในการอ่านและวิเคราะห์หน้าเว็บเพื่อระบุว่าตำแหน่งไหนควรจะวางโฆษณาอะไรลงไป และจะวางไว้ที่ไหนที่จะทำให้ผู้ใช้สนใจโฆษณาพร้อมกับให้ประสบการณ์ในการท่องเว็บที่ดีไปพร้อมกัน
ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดให้ทดลองใช้แบบเงียบ ๆ ในวงจำกัดมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว ตอนนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวเปิดให้ผู้ใช้ทุกคนได้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว โดย Google กล่าวว่า สำนักข่าวที่เข้าร่วมทดสอบมีรายได้สูงขึ้นตั้งแต่ 5-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วรายได้ของสำนักข่าวที่ใช้ฟีเจอร์นี้เพิ่มขึ้นที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
Google ประกาศหยุดพัฒนาปลั๊กอิน Adsense บน WordPress ของตัวเองในเดือนพฤษภาคมหลังพัฒนามากว่า 3 ปี
สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้งและใช้งานปลั๊กอิน AdSense for WordPress ในช่วงนี้ ยังสามารถใช้งานตามปกติ แต่ผู้ใช้รายใหม่ลงทะเบียนผ่านปลั๊กอินไม่ได้แล้ว ส่วนเดือนเมษายน ผู้ใช้ทุกคนจะไม่สามารถตั้งค่าการแสดงหน่วยโฆษณาบนเว็บผ่านปลั๊กอินได้ สุดท้ายปลั๊กอินจะหยุดพัฒนาและไม่สนับสนุนการทำงานในเดือนพฤษภาคม แต่ทั้งนี้ยังคงแสดงผลโฆษณาที่เคยตั้งค่าไว้ให้เหมือนเดิม
Google เริ่มหาวิธีรับมือกับเว็บที่เสนอข่าวปลอม บ้างแล้ว และหลังจากที่มีประเด็นเรื่องข่าวปลอมเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ล่าสุด Google เพิ่มมาตรการป้องกันเว็บเหล่านี้หารายได้จากโฆษณาแล้ว ด้วยการไม่แสดงโฆษณา AdSense บนเว็บข่าวปลอมแล้ว
Google AdSense เพิ่มสล็อตโฆษณาแบบใหม่ที่เรียกว่า Matched Content โดยจะแสดง "เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง" จากเว็บไซต์ของเราเองในพื้นที่โฆษณา เพื่อให้ผู้ชมเว็บมีโอกาสเข้าถึงเนื้อหาของเรามากขึ้น
Matched Content มีลักษณะคล้ายกับปลั๊กอิน What's Related ของ CMS ต่างๆ แต่การทำงานรันอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลทั้งหมด และใช้วิธีการฝังโค้ดบนเพจแบบเดียวกับ AdSense (ผมว่าคล้ายกับปลั๊กอินของ WordPress Jetpack) นอกจากนี้สล็อต Matched Content ไม่นับรวมเป็นโฆษณาตามเงื่อนไขของ AdSense ที่จำกัดจำนวนสล็อตโฆษณาต่อเพจ (และแน่นอนว่าคลิกแล้วไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ ประโยชน์ของมันคือเอาไว้เพิ่มเพจวิวของเราเอง)
รายงานจากนักวิจัยความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ Vadim Kotov และ Rahul Kashyap เตรียมนำเสนอในงาน Virus Bulletin ระบุว่าเขาพบแบนเนอร์โฆษณาบน YouTube และเว็บไซต์อื่นๆ ที่พาให้ผู้ใช้ไปดาวน์โหลดมัลแวร์ ส่งผลให้ผู้ใช้ติดมัลแวร์เข้ารหัสข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ (ransomware) ในที่สุด
เครือข่ายโฆษณาทำให้แฮกเกอร์สามารถปล่อยมัลแวร์ได้อย่างเจาะจง โดยสามารถเลือกประเทศของเหยื่อ โดยโค้ดโฆษณาจะตรวจสอบว่าเบราว์เซอร์ของเหยื่อเป็นรุ่นที่มีช่องโหว่ตามต้องการหรือไม่
ThaiCERT รายงานโฆษณาบางชุดที่ส่งผ่าน Google Adsense วางสคริปต์เพื่อให้มี pop-up ขึ้นมาที่หน้าเว็บที่ติดโฆษณา เพื่อให้ผู้ใช้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ชื่อ SnapSea โดยหลอกผู้ใช้ว่าเป็นการติดตั้ง Flash Player
ไฟล์ apk ที่ให้ดาวน์โหลดคือ Click_me_to_install_SnapPea_avazu_thai_snappea.apk
เป็นไฟล์แอพพลิเคชั่นที่ขอสิทธิจำนวนมาก ทั้งการเข้าถึงรายชื่อบนเครื่อง, ตำแหน่งที่อยู่ของเครื่อง, รวมถึงขออ่านและส่ง SMS
Google AdSense เพิ่มการรายงานการเข้าเว็บและมีส่วนร่วมของผู้เยี่ยมชมเว็บจากดาวเคราะห์และดวงจันทร์ต่างๆ
ผู้ใช้นักพัฒนาเว็บไซต์สามารถเรียกดูรายงาน "Top planets and moons" ซึ่งจะแจกแจงรายละเอียดกิจกรรมและปฏิสัมพันธ์ที่เกิดจากกลุ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์จากดาวเคราะห์หรือดวงจันทร์ต่างๆ โดยสามารถเรียกดูรายงานได้ที่หน้าหลักของบัญชีผู้ใช้ AdSense
บริการ AdSense ของกูเกิลนั้นปกติแล้วกูเกิลจะตัดสินใจให้เเจ้าของเว็บว่าจะนำโฆษณาใดมาแสดง และโฆษณาที่นำมาจะมีมูลค่าเท่าใด ตอนนี้กูเกิลก็เปิดบริการใหม่ AdSense Direct ที่เปิดให้เจ้าของเว็บสามารถรับโฆษณามาแสดงได้โดยตรง
เจ้าของเว็บสามารถเจรจาพื้นที่โฆษณา, ระยะเวลา, และราคาโฆษณาได้เอง เมื่อเจรจาสำเร็จแล้วจึงนำมากรอกใน AdSense Direct จากนั้น AdSense จะสร้างลิงก์ให้ส่งไปยังลูกค้า ลูกค้าจะสามารถอัพโหลดโฆษณาได้เองและจ่ายเงินผ่าน Google Wallet
กูเกิลคิดค่าบริการ 15% จากราคาขาย และยังใช้งานได้เฉพาะในสหรัฐฯ
ที่มา - AdSense
กูเกิลออกมาเผยสถิติด้านโฆษณา-เนื้อหาที่ผิดกฎ (bad ads/content) ตลอดทั้งปี 2013
ตามปกติแล้วเวลาเราลงโฆษณากับเครือข่าย Google Display Network เราสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายค่าโฆษณานับตามคลิก, นับตามเป้า conversion หรือจะนับตามจำนวนครั้งในการแสดงผลหรือที่เรียกว่า impression (ภาษาโฆษณาเรียก CPM)
ปัญหาของการคิดค่าโฆษณาตาม impression คือโฆษณาอาจถูกแสดงบนหน้าเว็บจริง แต่ผู้ชมเว็บไม่เห็นโฆษณานั้นด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป เช่น ไม่ได้ scroll หน้าจอลงไปดู หรือโดนวัตถุอื่นบนเว็บบังเอาไว้ ทำให้อาจไม่ยุติธรรมในการคิดเงินค่าโฆษณาอยู่บ้าง
กระแสการออกแบบเว็บแนว responsive ที่ปรับตัวเองได้ตามขนาดหน้าจอผู้ใช้กำลังมาแรง และกูเกิลก็ตอบสนองกระแสนี้ด้วยการปรับโฆษณาบนแพลตฟอร์ม AdSense ให้สามารถปรับตัวตามเว็บแบบ responsive ได้ด้วย
การใช้งานโฆษณาแบบใหม่นี้จำเป็นต้องเลือกชนิดของ ad unit เป็นแบบ responsive (ยังมีสถานะเป็นเบต้า) ซึ่งเบื้องต้นยังสามารถปรับตัวเองตามขนาดของเว็บเพจเฉพาะตอนโหลดครั้งแรก (initial page load) ได้เท่านั้น ถ้าเพจมีการปรับขนาดในภายหลัง (เช่น เปลี่ยน orientation ของหน้าจอ) โฆษณาจะยังไม่ปรับขนาดตาม กูเกิลบอกว่ารับทราบปัญหานี้และกำลังหาวิธีแก้ไขอยู่
ใครที่มีเว็บไซต์แนว responsive และติดโฆษณา AdSense อยู่แล้วก็ไปทดสอบกันได้ครับ
ยาฮูประกาศความร่วมมือกับกูเกิล เพื่อนำโฆษณาของกูเกิลทั้ง AdSense และ AdMob มาแสดงบนเว็บไซต์และบริการของยาฮู มีผลกับบริการของยาฮูทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความร่วมมือแบบ non-exclusive นั่นคือยาฮูยังมีพันธมิตรโฆษณารายอื่นๆ เช่นเดิม แค่เพิ่มกูเกิลมาเป็นพันธมิตรอีกรายเท่านั้น (ถ้ามองว่ากูเกิลเป็นบริษัทโฆษณาออนไลน์รายใหญ่ ก็คงมีผลต่อรายได้จากโฆษณาของยาฮูไม่น้อย)
สำหรับผู้ใช้ของยาฮูคงไม่เห็นความแตกต่างมากนัก เพราะเห็นโฆษณาเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนผู้ให้บริการเท่านั้น แต่นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ายุคสมัยที่สองบริษัทนี้แข่งขันกันโดยตรงนั้นจบลงแล้ว
ไม่รู้จะมีใครบอกว่า Marissa Mayer เป็นคนที่กูเกิลส่งเข้ามาคุมยาฮูหรือเปล่า?
Symantec ยังเกาะติดมัลแวร์ Flashback ที่เกิดจากช่องโหว่ของ Java บน Mac OS X โดยบริษัทบอกว่าถึงแม้ทั้งแอปเปิลและออราเคิลออกแพตช์มาแก้แล้วก็ตาม แต่กว่าแพตช์จะออกก็มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยติด Flashback กันไปแล้ว
Symantec วิเคราะห์องค์ประกอบของ Flashback ว่าผู้ประสงค์ร้ายจะสร้างเว็บปลอมที่ทำด้วย WordPress/Joomla ที่ฝังสคริปต์เอาไว้ ถ้าหากเราใช้แมคที่ยังไม่ได้ลงแพตช์เข้าเว็บนี้จะติด Flashback ทันที และตัว Flashback จะดาวน์โหลดโปรแกรมคลิกโฆษณาติดตั้งลงในเครื่องของผู้ใช้
ตลาดโฆษณาบนมือถือใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามยอดขายอุปกรณ์พกพาที่เพิ่มขึ้น เจ้าแห่งวงการโฆษณาออนไลน์อย่างกูเกิลเองก็รองรับการแสดงโฆษณาบนมือถือหลายรูปแบบ ที่ชัดๆ คงเป็น AdMob แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ในเครืออีกมาก
ล่าสุด เครือข่ายโฆษณาสำหรับเว็บอย่าง AdSense ที่คนทำเว็บน่าจะรู้จักกันดี เพิ่มแบนเนอร์ขนาด 320x50 สำหรับแสดงโฆษณาเมื่อเข้าชมบนหน้าจอมือถือแล้ว เพื่อให้เจ้าของเว็บสามารถนำไปแสดงบนเว็บเวอร์ชันมือถือได้
นอกจากนี้กูเกิลยังเลิกนโยบายการแยกผลิตภัณฑ์โฆษณาบนเว็บระหว่างเดสก์ท็อป-มือถือออกจากกัน จากเดิมที่บนมือถือใช้ AdMob mobile web เป็นหลัก ก็ให้เปลี่ยนมาใช้ AdSense ตัวเดียวที่ใช้ได้ทั้งเดสก์ท็อป-มือถือในตัวเอง
กูเกิลยังเดินหน้าเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Google+ และ Google+1 อย่างต่อเนื่อง จากที่ประกาศฟีเจอร์ชุดใหญ่ของ Google+ ไปแล้ว ก็ถึงคิวของ Google+1 บ้าง
กูเกิลพัฒนาเทคนิคการโหลดจาวาสคริปต์แบบใหม่ให้กับ AdSense ทำให้การโหลดเว็บเพจที่ติดโฆษณาจาก AdSense เร็วขึ้นกว่าเดิม
เดิมทีสคริปต์ของ AdSense (show_ads.js) จะต้องโหลดตัวเองเข้ากับเว็บ อ่านเนื้อหาบนหน้าเว็บให้ครบ แล้วดึงโฆษณาจากกูเกิลมาแสดง ทำให้เกิดคอขวดของการแสดงผลเว็บเพจ แต่สคริปต์ตัวใหม่จะใช้ iframe เข้าช่วย การโหลดโฆษณาจะเป็นแบบ asynchronous ซึ่งกูเกิลบอกว่า "แทบไม่รู้สึก" ถึงความแตกต่างกับหน้าเว็บที่ไม่มีโฆษณาเลย
ข่าวดีคือทุกอย่างเกิดขึ้นบนฝั่งกูเกิลหมด คนที่ติด AdSense ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะ Chrome, Firefox และ IE8 ครับ
กูเกิลนั้นไม่เคยเปิดเผยว่าจ่ายเงินให้คนติด AdSense เป็นอัตราเท่าไรเมื่อเทียบกับเงินที่กูเกิลได้รับจากผู้ลงโฆษณา แต่เราพอจะหาตัวเลขนี้เองได้ผ่านงบการเงินประจำไตรมาสของกูเกิล
เว็บไซต์ labnol.org ได้ลองเอารายได้จาก AdSense ไปหารค่าใช้จ่ายที่กูเกิลต้องจ่ายให้เจ้าของเว็บผู้ติดโฆษณาเพื่อหาสัดส่วนนี้ และพบว่าในแต่ละไตรมาสของปี 2009 กูเกิลจ่ายเงินให้คนติด AdSense น้อยลงเรื่อยๆ
แม้ว่าการลดลงจะไม่เยอะนัก คือ 75% ในไตรมาสแรก ลงมาเหลือ 72% ในไตรมาสสุดท้าย ถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้ว กูเกิลอาจจะเป็นรายที่จ่ายเยอะ แต่ผู้ติด AdSense ก็ควรพึงระวังว่า ถ้าไปในอัตรานี้เรื่อยๆ เดี๋ยวมันอาจจะน้อยกว่าแทน
กูเกิลเปิดตัวบริการใหม่โฆษณา YouTube วีดีโอผ่าน AdSense ในชื่อ YouTube Promoted Videos โดยคุณ Arlene Lee ทีมงาน Inside AdSense ได้กล่าวว่า วีดีโอบน YouTube จะเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่าเดิม เช่น การโฆษณาหนังโดยใช้หนังตัวอย่าง การสาธิตสินค้า เป็นต้น (แล้วโอกาสผู้ที่นำโฆษณาไปลงในหน้าเว็บของตนจะได้เงินจากการคลิกก็เพิ่มขึ้นด้วย)
Promoted Videos จะแสดงเป็นรูปขนาดย่อ (thumbnail) และข้อความยาวสามบรรทัด เมื่อมีคนคลิกเข้าไปก็จะลิงก์ไปหน้า YouTube เพื่อชมวีดีโอดังกล่าว สำหรับการแสดงผลนั้นมี 4 ขนาด คือ สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกลาง 300x250, สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ 336x280, แบบ Leaderboard 728x90, สี่เหลี่ยมจัตุรัส 250x250 และสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก 200x200
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Susan Wojcicki ตำแหน่ง Vice president of product management ของกูเกิลได้ประกาศผ่าน Google Blog ว่าได้ทดลองให้บริการ AdSense บนอุปกรณ์พกพาแล้วในชื่อว่า AdSense for Mobile Applications โดยโปรแกรมดังกล่าวช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถแสดงข้อความและแบนเนอร์โฆษณาบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
สำหรับการสาธิตการทำงานและประสบการณ์การใช้งานโดยบริษัท Urbanspoon ดูได้จากวีดีโอข้างล่าง (คลิกที่หัวข้อเพื่อดูวีดีโอ)
หลังจากทดสอบมาพักใหญ่ๆ กูเกิลก็เปิดบริการให้โฆษณาเกม Flash ที่หลายๆ คนเล่นแล้วติดกันจนงอมแงมกันบ้างแล้ว และเช่นเดียวกับ Adsense ตามปรกติ บริการนี้จะให้ผู้สร้างเกมเลือกได้ว่าจะติดโฆษณาไว้ในจุดไหน และแสดงเวลาใดบ้าง
บริษัทที่เข้าร่วมกับโครงการนี้แล้วก็มีอยู่หลายราย ชื่อที่เราเคยได้ยินกันคงเป็นบริษัท Konami หรือบริษัทที่เน้นแต่เกม Flash เช่น Armor Games
บ้านเราจะมีใครทำเกมไว้ขายโฆษณามั่งรึเปล่า?
ที่มา - Google
เจ้าของบล็อกจำนวนมากในไทยคงต้องรำคาญหัวใจกันมานาน กับ Google Adsense ที่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสำหรับคนไทย แต่ต้องแอบๆ ใช้งานกัน ล่าสุดทางกูเกิลก็ได้เปิดให้คนไทยใช้งาน Adsense อย่างเป็นทางการโดยไม่ต้องสร้างเว็บภาษาอังกฤษอีกต่อไป
ที่น่าสนใจคือหลังจากนี้ทาง Adsense จะจ่ายเงินเป็นเงินบาทให้คนไทยได้อีกด้วย
ที่มา - Adsense Help, รายชื่อสกุลเงินที่ Adsense จ่าย
UPDATE: Press Release จากทางกูเกิลมาแล้วครับ