ดราม่าวงการ WordPress กลับมาอีกครั้งเตรียมส่งท้ายปีเก่า ลูกพี่ Matt Mullenweg ประกาศหยุดรับปลั๊กอิน ธีม และการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่บน WordPress.org ชั่วคราว เพื่อให้ตัวเขาและ "เหล่าอาสาสมัครที่เหน็ดเหนื่อย" (ใช้คำนี้จริงๆ) ได้หยุดพักผ่อนกันช่วงสิ้นปี ไม่ต้องมานั่งรีวิวปลั๊กอิน-ธีมใหม่ๆ ในช่วงนี้ ส่วนตัวเว็บบอร์ดและการแปลภาษา (localization) ที่ไม่ต้องเปลืองแรงตรวจสอบเยอะยังเปิดบริการตามปกติ โดยเขาหวังว่าจะมีแรงกลับมาเปิดบริการได้เหมือนเดิมหลังปีใหม่
Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ขึ้นกล่าวในงานสัมมนาประจำปี State of the Word 2024 ปีนี้จัดที่ญี่ปุ่น แน่นอนว่าไม่มีประเด็นร้อนเรื่อง WP Engine (ฮา) แต่มีสถิติที่น่าสนใจของโลก WordPress เปิดเผยดังนี้
WordPress ประกาศว่า Block Editor จะรองรับการแก้ไขไฟล์ EPUB เท่ากับว่าเราสามารถใช้ WordPress มาสร้างไฟล์อีบุ๊กได้ด้วย (นอกจากเอาไว้สร้างเว็บไซต์)
ตัว Block Editor สามารถเขียนเนื้อหาข้อความ จัดฟอร์แมต ใส่รูปได้ตามปกติของ EPUB อยู่แล้ว การเรียงบทจะอิงตามลำดับของ heading โดยตรง สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการเพิ่มหน้าปกหนังสือ (cover) เพื่อให้แสดงในหน้ารวมหนังสือของแอพอ่านอีบุ๊กต่างๆ สวยงาม ฟีเจอร์นี้เรียกว่า blockdocs เปิดโอเพนซอร์สบน GitHub ตามปกติ และมีเดโมให้ลองเล่น
ดราม่า WordPress ประจำวันนี้ เป็นเรื่องต่อเนื่องหลังจากศาลเขตแคลิฟอร์เนีย มีคำสั่งคุ้มครองเบื้องต้นให้ Automattic เลิกบล็อกการเข้าถึงทรัพยากรปลั๊กอินตามที่ WP Engine ร้องขอ โดยให้คำสั่งนี้มีผลทันทีตลอดกระบวนการพิจารณาคดีของศาล ซึ่งฝ่ายที่ไม่พอใจแน่นอนก็คือ Automattic
อภิมหาสงครามศักดิ์สิทธิ์โลก WordPress ระหว่าง Automattic กับ WP Engine มีความคืบหน้า หลัง WP Engine ยื่นฟ้องศาลในเดือนตุลาคม ขอให้ศาลสั่ง Automattic ให้เลิกบล็อคการเข้าถึงปลั๊กอินในระบบ WordPress.org กับลูกค้าของ WP Engine
ศาลเขตแคลิฟอร์เนีย มีคำสั่งคุ้มครองเบื้องต้น (preliminary injunction ) ให้ Automattic หยุดทำการบล็อคการเข้าถึงตามที่ WP Engine ร้องขอ โดยให้เหตุผลว่าการบล็อคปลั๊กอินเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างสองบริษัท ส่วนเหตุผลของฝ่าย Automattic ที่บอกว่า WP Engine ไม่มีสัญญาใช้งาน WordPress.org (no contractual right) นั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ Automattic ตั้งใจปิดกั้นเฉพาะ WP Engine เพียงรายเดียว
Automattic บริษัทแม่ของ WordPress ประกาศซื้อกิจการ WPAI สตาร์ทอัปที่พัฒนาโซลูชัน AI บน WordPress โดยดีลนี้ไม่มีการเปิดเผยมูลค่า
WPAI มีเครื่องมือหลายอย่างได้แก่ CodeWP สำหรับสร้างปลั๊กอิน WordPress ด้วย AI, AgentWP ผู้ช่วย AI สำหรับสร้างเว็บไซต์ WordPress และ WP Chat แชทบอตถามตอบปัญหา WordPress
ทีมงานผู้ก่อตั้ง WPAI จะเข้าร่วมงานกับ Automattic ในส่วนพัฒนาฟีเจอร์ AI ขณะที่เครื่องมือ CodeWP และ AgentWP จะยุติการใช้งาน เพราะจะถูกนำไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของ WordPress ตามข้อตกลงในการขายกิจการ
ที่มา: TechCrunch
ยุคสมัยนี้ นานทีปีหนจะมีข่าว WordPress ที่ไม่เกี่ยวกับดราม่าของ Automattic กับเขาบ้าง ตัวซอฟต์แวร์ WordPress ออกเวอร์ชัน 6.7 มีของใหม่ดังนี้
Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Automattic ให้สัมภาษณ์กับ CIO.com เผยถึงคดีความกับ WP Engine ที่ Automattic เรียกร้องให้ WP Engine จ่ายส่วนแบ่งรายได้ 8% หรือคิดเป็นเงิน 32 ล้านดอลลาร์กลับมาช่วยพัฒนา WordPress
Mullenweg เปิดเผยว่าเขาเจรจากับ WP Engine มานาน 18 เดือนแต่ไม่เป็นผล ทำให้เขาโกรธมาก เขามองว่าถ้า WP Engine ยอมทำตามดีๆ แต่แรกก็ไม่ต้องจ่ายเงินมากถึง 32 ล้านดอลลาร์ มันควรจะเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยซ้ำ เขาบอกว่ายินดีกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา แต่ก็เตือนว่าข้อเสนอจะไม่ดีเท่ากับที่เขาเคยเสนอให้ในเดือนมิถุนายนหรือกันยายน
ข่าวสาร WordPress ประจำวันนี้ ถึงคราวตอบโต้จากฝั่ง WP Engine บ้าง โดยบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลแคลิฟอร์เนีย ขอให้ออกคำสั่งหยุดการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของ Automattic และซีอีโอ Matt Mullenweg ที่สร้างผลกระทบกับ WP Engine รวมทั้งการบล็อกการเข้าถึงทรัพยากร WordPress และการยึดปลั๊กอินที่เกิดขึ้นล่าสุด
WP Engine บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมากและมาในหลายทิศทาง ทำให้บริษัทเสียลูกค้า ส่วนแบ่งตลาด ตลอดจนมูลค่าแบรนด์ของบริษัท เฉพาะช่วง 5 วันระหว่าง 26-30 กันยายน บริษัทได้รับคำขอยกเลิกใช้บริการเพิ่มขึ้น 14%
อัพเดตข่าวสารวงการ WordPress ประจำวัน บริการโฮสติ้ง WordPress.com ในเครือบริษัท Automattic ออกโปรโมชั่นใช้งานฟรี 1 ปี หากย้ายมาจาก WP Engine ที่ทะเลาะกันอยู่ แถม WordPress.com ยังบริจาค 5% ของราคาโฮสติ้ง (ที่ไม่ต้องจ่ายในปีแรกด้วย) ให้กับมูลนิธิ WordPress Foundation เพื่อนำไปใช้พัฒนา WordPress ต่อไป
นอกจากนี้ WordPress.org ยังขนพันธมิตรโฮสติ้งรายอื่นๆ มาให้เลือกใช้บริการ หากต้องการย้ายออกจาก WP Engine โดยหลายรายยกเว้นค่าบริการย้ายข้อมูล (migration cost) ให้ด้วย
ที่มา - WordPress.com, WordPress.org
TechCrunch อ้างข้อความจาก Slack ภายใน Automattic บริษัทเจ้าของ WordPress.com ซึ่ง Matt Mullenweg ซีอีโอ โดยเขาได้ยื่นข้อเสนอรอบใหม่กับพนักงาน จากประเด็นที่บริษัทเลือกตอบโต้กับ WP Engine ทำให้พนักงานบางส่วนไม่เห็นด้วย ซึ่งครั้งแรกมีพนักงาน 159 คน รับข้อเสนอออกจากบริษัท พร้อมแพ็คเกจเป็นเงินเดือน 6 เดือน
Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ซีอีโอ Automattic โพสต์บล็อกตอบโต้กับ David Heinemeier Hansson หรือ DHH ผู้สร้าง Ruby on Rails หลังจาก DHH แสดงความเห็นต่อสงคราม WordPress ระหว่าง Automattic กับ WP Engine ว่ากำลังทำให้วงการโอเพนซอร์สโดยรวมสกปรกขึ้น
Matt เริ่มต้นว่านี่เป็นการโต้แย้งด้วยความเคารพต่อกัน จริง ๆ ทั้งสองคนควรโทรคุยกันเอง แต่ไม่สะดวกเพราะต่างคนต่างเดินทางอยู่ เขาบอกว่า DHH พยายามบอกว่าตนคือผู้เชี่ยวชาญโอเพนซอร์ส แต่ผลิตภัณฑ์ในบริษัท 37signals ทั้ง Hey, Campfire, Writebook, Basecamp ต่างก็ไม่ใช่โอเพนซอร์ส แถมไม่ได้รับความนิยมมากนัก
สงครามในวงการ WordPress ประจำวันนี้ - WordPress.org ถอนปลั๊กอินยอดนิยมของ WP Engine ออกจากแพลตฟอร์ม
โดย Matt Mullenweg ซีอีโอ Automattic และผู้ก่อตั้ง WordPress เผยแพร่ประกาศเองว่าได้ถอนปลั๊กอิน Advanced Custom Fields (ACF) ของ WP Engine ออก ด้วยเหตุผลเรื่องปัญหาความปลอดภัย ซึ่งในเวลาเดียวกันทีม WordPress ก็ fork หรือแยกโครงการนี้ออกมาเป็นปลั๊กอินชื่อ Secure Custom Fields เพื่อแทนที่สำหรับเว็บไซต์ที่ติดตั้ง ACF พร้อมติดป้ายกำกับว่าเป็นโครงการ fork
อัพเดตข่าว WordPress รายวัน ล่าสุด Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ออกมาโพสต์ว่าสิทธิในการ fork หรือแยกโครงการ ถือเป็นหัวใจของโลกโอเพนซอร์ส เพราะตัว WordPress เองก็ถูก fork มาจากซอฟต์แวร์ b2/cafeblog ซึ่งเป็น CMS ยุคแรกๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีโครงการ b2evolution ที่เป็นอีกสายย่อยพัฒนาต่อไป
David Heinemeier Hansson หรือ DHH ผู้สร้าง Ruby on Rails และซีทีโอ 37signals เจ้าของแอป Basecamp ออกมาแสดงความเห็นจากประเด็นความขัดแย้งในวงการ WordPress ระหว่าง Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ซีอีโอ Automattic กับ WP Engine โดยมองว่าตอนนี้ Automattic กำลังทำตัวออกนอกเส้นทาง
มีรายงานว่าผู้ดูแลเว็บไซต์ที่โฮสติ้งบน WordPress.org พบว่าในหน้าล็อกอิน มีกล่องให้ติ๊กยืนยันเพิ่มเติมว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ WP Engine ไม่ว่าจะทางการเงินหรืออื่น ๆ หากไม่ยืนยันก็จะไม่สามารถล็อกอินเข้าไปในหน้าแอดมินได้
สงครามโลก WordPress ระหว่าง Automattic และ WP Engine ยังร้อนแรงต่อเนื่อง และยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีกเมื่อ Jason Bahl ผู้พัฒนาปลั๊กอิน WPGraphQL (ใช้แปลงข้อมูลจาก WordPress เป็นฟอร์แมต GraphQL ที่นิยมใช้ในโลกโซเชียล) ประกาศย้ายค่ายจาก WP Engine มาทำงานกับ Automattic โดยตรง
ศึกระหว่าง Automattic เจ้าของ WordPress.com ที่มี Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress เป็นซีอีโอ กับ WP Engine ผู้ให้บริการโฮสติ้ง WordPress ยังคงดำเนินต่อไป ล่าสุด Mullenweg เปิดเผยว่าการเลือกตอบโต้กับ WP Engine ทั้งการเรียกเงินส่วนแบ่ง และบล็อกการเข้าถึงของ WP Engine ย่อมมีพนักงาน Automattic ที่ไม่เห็นด้วย และเขาก็เสนอทางเลือกให้แล้ว
Dries Buytaert ผู้ก่อตั้ง Drupal ออกมาโพสต์แสดงความเห็นถึงกรณีสงครามกลางเมืองของโลก WordPress โดยยกตัวอย่างแนวทางแก้ปัญหาของ Drupal ที่ประสบปัญหาแบบเดียวกัน
Dries บอกว่าเขารู้จักกับ Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress มานาน ในฐานะผู้ก่อตั้งซอฟต์แวร์ CMS โอเพนซอร์สลักษณะเดียวกัน ในอีกด้าน เขาก็รู้จักกับ Heather Brunner และ Founder Jason Cohen ของฝั่ง WP Engine เช่นกัน ในฐานะคนนอกที่ไม่รู้รายละเอียดความขัดแย้ง จึงไม่ขอตัดสิน
ศึกในวงการ WordPress ระหว่าง Automattic ของ Matt Mullenweg ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง WordPress และให้บริการ wordpress.com กับ WP Engine บริษัทโฮสติ้ง WordPress ยังดำเนินต่อไป ล่าสุด Automattic ได้เผยแพร่ข้อตกลงที่เสนอให้กับ WP Engine เมื่อวันที่ 20 กันยายน เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่การขู่เรียกเงินแบบที่ WP Engine ระบุ
Matt Wullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ออกมาอธิบายสาเหตุของความขัดแย้งระหว่าง WordPress กับ WP Engine ผ่านบล็อกส่วนตัวของเขาเอง ว่ามาจาก WP Engine ละเมิดเครื่องหมายการค้า WordPress มายาวนานหลายปี
ฝั่งบริษัท Automattic ของ Matt พยายามเจรจาให้ WP Engine ซื้อไลเซนส์เครื่องหมายการค้ามานาน แต่ไม่เคยสำเร็จ ข้อเสนอที่ Automattic ยื่นให้มีทั้งการจ่ายเงินค่าไลเซนส์ตรงๆ หรือจะเป็นการสนับสนุนโครงการโอเพนซอร์สแทนก็ได้ เพราะจริงๆ แล้ว Automattic ไม่ได้ต้องการเงิน แต่คาดหวังว่าบริษัทอย่าง WP Engine ที่ทำเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จาก WordPress ควรให้อะไรคืนกลับโครงการโอเพนซอร์สบ้าง แต่ WP Engine ปฏิเสธข้อเสนอทุกอย่าง
สงครามภายในของโลก WordPress ยังดำเนินต่อไป เริ่มจาก Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress วิจารณ์ WP Engine ว่าเป็นมะเร็งร้าย แล้ว ฝั่งของ WP Engine ตอบโต้ว่าโดนบริษัท Automattic ของ Matt เรียกเงินเป็นมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปี และจะดำเนินการทางกฎหมายกับฝั่ง Matt/WordPress.org
ล่าสุด Matt ออกมาซัดต่อผ่านบล็อกบน WordPress.org ว่าเนื่องจาก WP Engine จะดำเนินการทางกฎหมายกับ WordPress.org ดังนั้น ลูกค้าของ WP Engine ก็ไม่ควรเข้ามาใช้ทรัพยากรฟรีของ WordPress.org ได้อีก เช่น กระดานถามตอบปัญหา ถ้าอยากแก้ปัญหาก็ติดต่อฝ่ายซัพพอร์ตของ WP Engine กันเอง
WP Engine ตอบโต้ Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ที่เพิ่งออกมาโจมตี WP Engine ว่าเป็นมะเร็งของโลก WordPress โดยใช้แนวทางส่งหนังสือขอให้หยุดการกระทำ (cease and desist) และให้ Mullenweg ออกมาถอนคำพูดตัวเองเสีย
WP Engine ระบุว่า Mark Davies ซีเอฟโอของ Automattic ขู่ก่อน Mullenweg ขึ้นพูดในงาน WordCamp โดยเรียกร้องให้ WP Engine ต้องจ่ายเงินเข้า Automattic ระดับสิบล้านดอลลาร์ต่อปี โดยระบุว่าเป็นค่าไลเซนส์เครื่องหมายการค้า WordPress
นอกจากการขู่ก่อนวันงาน WordCamp ตัว Mullenweg ยังส่งข้อความมาต่อเนื่องจนถึงหน้าเวที ให้ WP Engine ตกลงจ่ายค่าไลเซนส์
Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ออกมาเปิดศึกกับ WP Engine บริษัทโฮสติ้ง WordPress (ที่เป็นคู่แข่งกับบริษัท Automattic ของเขาเองซึ่งให้บริการ wordpress.com) โดยประกาศชัดเจนว่า "WP Engine is not WordPress"
Matt พูดเรื่องนี้ในงานสัมมนา WordCamp และมาเขียนบล็อกขยายความบน wordpress.org ซ้ำอีก ว่า WP Engine ทำเงินจากค่าโฮสติ้ง WordPress ไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ แต่แทบไม่ส่งโค้ดกลับมายัง WordPress เลย อีกทั้งระบบของ WP Engine เป็น WordPress เวอร์ชันปรับแต่งให้มีความสามารถน้อยลงอย่างตั้งใจ เช่น ตัดฟีเจอร์ revision ของบทความทิ้งไป เพื่อลดปริมาณข้อมูลที่ต้องเก็บบนเซิร์ฟเวอร์
Tumblr แพลตฟอร์มบล็อกยุคเว็บ 2.0 ขายกิจการให้ Yahoo! ในปี 2013 จากนั้นก็เปลี่ยนมือเจ้าของมาเป็น Verizon และขายต่อให้ Automattic บริษัทแม่ของ WordPress.com ในปี 2019
เวลาผ่านมา 5 ปี Automattic ปรับเปลี่ยนหลายอย่างใน Tumblr ทั้งฟีเจอร์และโครงสร้างองค์กร ล่าสุดบริษัทประกาศแผนการเปลี่ยนระบบเอนจิน backend เบื้องหลังของ Tumblr มาเป็น WordPress โดยไม่เปลี่ยนแปลงฟีเจอร์และ UI ใดๆ เรียกได้ว่าถ้าไม่ประกาศต่อสาธารณะ จะไม่มีทางทราบได้ว่าเปลี่ยน backend แล้ว