กูเกิลเป็นบริษัทที่มีรายได้หลักจากธุรกิจโฆษณา แต่หากพูดชื่อผลิตภัณฑ์โฆษณาของกูเกิลเองก็มีมากมายหลายตัว เพื่อให้มีความชัดเจนและเข้าใจง่ายมากขึ้น กูเกิลจึงประกาศรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์โฆษณาในเครือทั้งหมด มีรายละเอียดดังนี้
ที่ยืนของ Flash ในโลกโฆษณาออนไลน์น้อยลงไปเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าว Chrome ไม่เล่นไฟล์ Flash แบบแบนเนอร์ และ Amazon เลิกรับโฆษณารูปแบบ Flash กันไปแล้ว
รอบนี้เครือข่ายโฆษณายักษ์ใหญ่ของโลก Google Display Network และ DoubleClick Digital Marketing ประกาศเลิกรับโฆษณาแบบ Flash แล้วเช่นกัน โดยเครือข่ายโฆษณาของกูเกิลจะอนุญาตให้อัพโหลดโฆษณาที่เป็น Flash ถึงแค่วันที่ 30 มิถุนายน 2016 และโฆษณาที่อัพโหลดไปแล้วจะสามารถแสดงต่อไปได้ถึง 2 มกราคม 2017 (ประกาศนี้ไม่รวมถึงโฆษณาแบบวิดีโอที่เป็น Flash)
รายงานจากนักวิจัยความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ Vadim Kotov และ Rahul Kashyap เตรียมนำเสนอในงาน Virus Bulletin ระบุว่าเขาพบแบนเนอร์โฆษณาบน YouTube และเว็บไซต์อื่นๆ ที่พาให้ผู้ใช้ไปดาวน์โหลดมัลแวร์ ส่งผลให้ผู้ใช้ติดมัลแวร์เข้ารหัสข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ (ransomware) ในที่สุด
เครือข่ายโฆษณาทำให้แฮกเกอร์สามารถปล่อยมัลแวร์ได้อย่างเจาะจง โดยสามารถเลือกประเทศของเหยื่อ โดยโค้ดโฆษณาจะตรวจสอบว่าเบราว์เซอร์ของเหยื่อเป็นรุ่นที่มีช่องโหว่ตามต้องการหรือไม่
ที่งานสัมมนาประจำปีของ DoubleClick (บริษัทโฆษณาของกูเกิลที่ซื้อมาปี 2008) กูเกิลได้ประกาศว่าจะออกเครื่องมือพัฒนา HTML5 ของตัวเองในชื่อ Google Web Designer
เป้าหมายหลักของ Google Web Designer คือวงการโฆษณา (ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ DoubleClick) ซึ่งจะใช้เครื่องมือนี้พัฒนาแคมเปญโฆษณาด้วยเทคโนโลยีเว็บ และรวมถึงการสร้างเนื้อหา-แอพพลิเคชันบนเว็บด้วย
ตอนนี้ยังมีรายละเอียดของ Google Web Designer น้อยมาก กูเกิลบอกแค่ว่าจะแจกฟรี และจะเชื่อมต่อกับเครื่องมือด้านโฆษณาอื่นๆ อย่าง DoubleClick Studio กับ AdMob ได้ด้วย
DoubleClick ยังประกาศเครื่องมือช่วยวิเคราะห์โฆษณาอีกหลายอย่าง รายละเอียดอ่านได้ตามลิงก์
เมื่อปี 2007 หลังจากซื้อกิจการ DoubleClick.net ด้วยมูลค่า 1.65 พันล้านดอลลาร์ ตอนนี้กูเกิลเริ่มรวมเอาบริการของ DoubleClick เข้ามาใต้แบรนด์กูเกิลแล้ว โดยใช้ชื่อว่า Google Affiliate Network
บริการอันนี้เดิมชื่อ DoubleClick Performics ซึ่งมีลักษณะการทำงานเหมือน affiliate network ทั่วไป (เช่นของ Amazon) นั่นคือถ้ามีคนซื้อสินค้าที่โฆษณาอยู่ในเว็บไซต์ของเรา เราจะได้ส่วนแบ่งด้วย ผู้ลงโฆษณากับ Performics ได้แก่ Barnes & Noble, Circuit City, Citibank และ Verizon เป็นต้น
หลังจากที่กูเกิลได้ทำการซื้อบริษัท DoubleClick บริษัทโฆษณาออนไลน์และติดตามการใช้งานผู้ใช้ผ่านโฆษณาออนไลน์ชื่อดังแล้วทำให้หลาย ๆ คนได้เริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
สาเหตุหลัก ๆ ก็คือก่อนที่กูเกิลจะทำการซื้อ DoubleClick นั้น ทั้งสองบริษัทต่างก็มีข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับผู้ใช้มากมายอยู่แล้ว และเมื่อมีการรวมตัวกันขึ้นจะทำให้ฐานข้อมูลของบริษัทเต็มไปด้วยข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ มากมายของผู้ใช้ทุกครั้งที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคลิ๊กเว็บ ทำให้กลุ่มผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรป (BEUC) เริ่มกังวลกับเรื่องนี้มาก
หลังจากที่เสนอซื้อ DoubleClick แพ้แล้วออกมาโวยวาย (ข่าวเก่า) เราอาจคิดว่าไมโครซอฟท์ขี้แพ้ชวนตี แต่จริงๆ มันอาจมีนอกมีในมากกว่านั้น
มีการอ้างแหล่งข่าวภายในที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า ข้อเสนอราคา 3.1 พันล้านเหรียญของกูเกิลนั้น ไมโครซอฟท์ได้ให้ไม่น้อยไปกว่ากัน และยินดีจะให้มากกว่านั้นอีก เพียงแต่ผู้ถือหุ้นส่วนมากของ DoubleClick ตัดสินใจว่าไปอยู่กับกูเกิลน่าจะดีกว่า
ดีลนี้อาจมีข้อเสนอในทางลับที่ไม่เปิดเผย หรือไม่ก็ DoubleClick พิจารณากระแสตลาดแล้วเห็นว่าในระยะสั้นกูเกิลอนาคตสดใสกว่า ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีมูลค่าตลาดประมาณ 248 พันล้านเหรียญ กูเกิลมี 150 พันล้านเหรียญ
หลังการพยายามทุ่มเงินแข่งกันซื้อบริษัทโฆษณาอินเทอร์เน็ตอย่าง DoubleClick แต่แพ้ไปในที่สุด ทางไมโครซอฟท์ก็ออกมาระบุว่าการที่กูเกิลเข้าซื้อ DoubleClick นั้นอาจจะเป็นการนำไปสู่การผูกขาดทางการค้าในเร็วๆ นี้ โดยแนวร่วมของไมโครซอฟท์ในเรื่องนี้คือ AT&T ก็ออกมาร่วมกันแสดงความเห็นให้รัฐบาลสหรัฐเข้าตรวจสอบการซื้อครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
Eric E. Schmidt (คนเดียวกับที่มีข่าวว่าสิทธิชัยจะบินไปพบ) ได้ออกมาปฏิเสธว่าเขาได้ดูข้อกล่าวหาของทางไมโครซอฟท์แล้ว และพบว่าไม่เป็นจริงแต่อย่างใด โดยกูเกิลเข้าใจดีว่าการซื้อขายครั้งนี้ต้องผ่านการตรวจสอบจากภาครัฐตามขั้นตอนปรกติ
หลังจากสร้างความโด่งดังในวงการ dot com ด้วยการเข้าซื้อ youtube.com ด้วยราคา 1.65 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 57,600 ล้านบาท ตอนนี้ Google ได้เสร็จสิ้นในการเจรจาซื้อ DoubleClick ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโฆษณาออนไลน์ของโลก ด้วยราคา 3.1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 111,600 ล้านบาท (คูณด้วย 36 บาทนะ) เพราะด้วยรายได้หลักของ google มาจาก โฆษณาออนไลน์ และ DoubleClick ก็เป็นเป้าหมายใหญ่ที่คุมตลาดนี้อยู่ ซึ่งในการซื้อครั้งนี้ Google ได้แข่งกับ Microsoft ที่พยายามเข้าซื้อเช่นกัน....
โห google ได้ DoubleClick ไปอยูในมือแล้ว ต่อไปรายได้จากโฆษณาออนไลน์ทั่วโลกคงอยู่ในมือ google มากขึ้นอย่างมาก