เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของญี่ปุ่นภาคตะวันออกเกิดปัญหาใช้งานไม่ได้กว่า 7 ชั่วโมง ทางบริษัท NTT East เจ้าของเครือข่ายรายงานว่ามีผู้ใช้ที่เจอปัญหานี้ถึง 2.85 ล้านคน

จากการหาสาเหตุของ NTT East พบว่าเราเตอร์ของ Cisco จำนวนระหว่าง 2,000-4,000 ตัวเป็นต้นตอของปัญหานี้ โดยเราเตอร์พยายามจะเขียน routing table ใหม่แต่ไม่สำเร็จ ทำให้มันหยุดการทำงานไป ทาง Cisco ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ว่าเราเตอร์ที่เกิดปัญหาเป็นเราเตอร์รุ่นไหน บอกแค่ว่าได้ร่วมมือกับ NTT East ในการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด

หลังจากที่เป็นเรื่องกันมานานในเรื่องเครื่องหมายการค้า ชื่อ iPhone ในที่สุด ก็ได้ข้อตกลงที่แปลกมากๆ คือ ทั้งแอปเปิลและ Cisco จะใช้ชื่อ iPhone ร่วมกัน !!

โดยข้อตกลงที่เปิดเผยออกมานั้น มีไม่มาก เพียงแต่คาดกันว่า ทั้งสองอาจจะตกลงในเรื่องของการนำชื่อไปใช้โดยไม่ให้สินค้าทั้งสองไปทับซ้อนในกลุ่มเดียวกัน แต่มันก็คงเป็นเรื่องน่าสับสนไม่น้อยเลย เวลาจะพูดถึง iPhone ในอนาคต อาจจะต้องระบุค่ายตามหลังไปด้วย

ที่มา - Cisco and Apple Reach Agreement on iPhone Trademark

ซิสโก้ ผู้ผลิตเราเตอร์ที่ครองตลาดมากส่วนใหญ่ได้ออกมายอมรับช่องโหว่ในระบบปฎิบัติการ IOS ที่ทางซิสโก้ใช้งานในเราเตอร์ของตนแทบทุกรุ่นว่ามีการพบช่องโหว่ 3 แห่งที่อาจะทำให้ผู้บุกรุกส่งคำสั่งอันตรายหรือยิง DOS ทำให้เราเตอร์หยุดทำงานได้ โดยบั๊กทั้งสามอยู่ในส่วนของการประมวลผล TCP, IPv4 และ IPv6 ทำให้แพกเก็ตที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อจู่มโจมบั๊กนี้สามารถทำอันตรายต่อเราเตอร์ได้ ซึ่งในตอนนี้ทางซิสโก้ได้ออกเอกสารแสดงวิธีการแก้ไขชั่วคราวพร้อมซอฟต์แวร์อัพเดตให้ในเว็บของทางซิสโก้แล้ว

ถ้าสงสัยว่าเราเตอร์ในหน่วยงานแก้ไขรึยังก็ถามแอดมินดูดีๆ นะ อย่าไปยิงเล่น เดี๋ยวเค้าหาว่าผมชี้โพรง....

หลังจากที่ Jobs ได้ออกมายืนยันและประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะใช้ชื่อ iPhone อย่างแน่นอน ล่าสุด Cisco เตรียมยื่นฟ้องร้องข้อหาละเมิดเครื่องหมายการค้าต่อ federal court ในสหรัฐฯ

Cisco อ้างว่า ได้ถือเครื่องหมายการค้านี้มาตั้งแต่ปี 2000 หลังจากซื้อบริษัท Infogear Technology ซึ่งเป็นผู้ลงทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ ก่อนหน้านี้ Cisco ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เมื่อปลายปีที่แล้ว ในชื่อเดียวกัน เพื่อยืนยันการถือครองเครื่องหมายการค้านี้เป็นนัย ๆ

ได้เวลาสนุกแล้วสิ ๆ

[ที่มา: BBC]

หลังจากที่ Gizmodo ออกมาให้ข่าวว่า iPhone จะออกในวันจันทร์ แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ เพราะมีข่าวจาก CNet แจ้งการเปิดตัวโทรศัพท์แบบ Wifi ที่ชื่อว่า iPhone แต่ไม่ได้มาจาก Apple ดังที่หลายคนเฝ้ารออยู่ แต่กลับมาจาก Linksys ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Cisco อีกทีหนึ่ง สำหรับโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นโทรศัพท์แบบ Wifi ที่ใช้เครือข่ายโทรศัพท์ของ Skype และสามารถเล่น Yahoo messenger ได้ด้วย

ก็เป็นอย่างที่ Gizmodo ว่า "มันออกมาแน่ ๆ แต่มันไม่เหมือนกับที่คาดไว้"

Cisco จับอุปกรณ์สื่อสารฉุกเฉินลงกระเป๋า เพื่อเอาไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานบรรเทาพิบัติภัย กระเป๋าดังกล่าวเรียกว่า Mobile Communications Kit หรือ NetHope Relief Kit (NRK) มีอยู่หกชุด มีรายงานว่าใช้งานมาแล้วในอิรัก (2003) และ สึนามิในอินโดนีเซียและไทย (2004) -- ในเมืองไทยไม่เคยมีข่าวนี้ และเชื่อว่านำอุปกรณ์เข้ามาในประเทศได้ช้ามาก

ที่มา - eWeek

จูนิเปอร์ผู้ผลิตเราท์เตอร์ระดับองค์กรณ์เซ็นสัญญาจ้างนาย Micheal Lynn เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ ข่าวการย้ายงานครั้งนี้เป็นข่าวใหญ่เพราะนาย Micheal Lynn คืออดีตวิศวกรของบริษัท Internet Security System ที่ถูกไล่ออก เนื่องจากนำเสนอช่องโหว่ในอุปกรณ์ของซิสโก้ในงานประชุม Black Hat Conference จนทำให้ถูกฟ้องจากบริษัทของตนเองและซิสโก้

จูนิเปอร์เป็นคู่แข่งรายสำคัญของซิสโก้อยู่ในเวลานี้ แม้จะดูว่ายังมีสายการผลิตที่ห่างกันพอควร

ที่มา - TechWorld

ซิสโกได้มีการตีพิมพ์บทความวิจัยถึงสถิติการใช้ไอพี โดยพบว่าระบบการแปลงไอพีหรือ NAT (Network Address Translation) ที่ใช้เพื่อทดแทนจำนวนไอพีที่ขาดแคลนนั้นกำลังจะหมดอายุขัยของมันลง เมื่อปริมาณการใช้ไอพีกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่าไอพีจะหมดโลกไปใน 2 ถึง 10 ปีข้างหน้านี้

 ผลการวิจัยนี้แสดงถึงการผลักดันให้โลกหันไปใช้ IPv6 อย่างเต็มตัว ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริการหลายๆ อย่างซึ่งใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างในวันนี้สามารถทำงานได้เต็มที่เช่น VOiP ตลอดจนบริการจำพวก Peer-To-Peer อื่นๆ

เขียนข่าวซิสโก้เข้าซื้อที่โน่นที่นี่จนเบื่อจะเลิกเขียน เฮียเค้าเล่นซื้อบ่อยเหลือเกิน แต่พอเจอข่าวนี้แล้วคงต้องเขียนกันต่อไป

ข่าวลือ (ย้ำว่าลือ..) ของการซื้อครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากหนังสือพิมพ์ the Business ที่ระบุว่าได้แหล่งข่าวมาจากแหล่งภายในที่ไม่เปิดเผย ระบุว่าเป็นที่เชื่อกันว่าซิสโก้นั่นกำลังวางแผนที่จะเข้าซื้อบริษัทด้านการสื่อสารไร้สาย เพื่อเสริมทัพการสื่อสารของตนให้ครบช่วง จึงเป็นที่วิเคราะห์กันว่างานนี้อาจจะเป็นโนเกียที่ถูกทาบทาม

ระยะนี้ซิสโก้มือเติบจริงๆ ครับ หลังจากที่ไล่ซื้อ TopSpin ซึ่งผลิตสินค้าในระดับองค์กรณ์ไปแล้ว ซิสโก้ก็ประกาศเข้าซื้อ Sipura ที่พัฒนาอุปกรณ์ VoIP ในระดับผู้ใช้ตามบ้าน

การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้แบรนด์ลูกของซิสโก้คือ LinkSys นั่นเอง โดยน่าจะทำให้เราได้เห็นอุปกรณ์ชุดใหม่จากทางลิงค์ซิสในเร็ววันนี้

ตอนนี้ผมขอเราน์เตอร์อย่างเดียวเลย....

ที่มา Cisco Adds Sipura to Consumer VOIP Lineup

ซิสโก้ทุ่มซื้อบริษัท TopSpin ผู้นำด้านสวิตซ์ความเร็วสูงสำหรับการเก็บข้อมูลและเทคโนโลยีกริดอีกจำนวนมาก โดย TopSpin นั้นก็เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหารของซิสโก้เอง โดยมีมูลค่าซื้อขาย 250 ล้านดอลล่าห์

การซื้อครั้งนี้มาจากกระแสของเทคโนโลยีกริดและยูทิลิตี้คอมพิวติง ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน โดยน่าจะทำให้เราได้เห็นสินค้าของซิสโก้ใหม่ๆ ออกมาอีกจำนวนมาก

ที่มา Cisco buys grid switch firm for $� billion

ซิสโก้สร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดด้านไวร์เลสแลนมากขึ้น ด้วยการซื้อบริษัท Airespace ซึ่งเป็นผู้ผลิตอันดับสามในปีที่แล้ว

การซื้อครั้งนี้ช่วยให้ซิสโก้ทิ้งห่างบริษัทอย่าง Symbol Technologies ที่สองซึ่งครองตลาดอยู่ 15.9% ไปเป็นตลาดรวมเกือบๆ 50% ตามการวิจัยของบริษัท Synergy Research

หลังปี 2004 มานี่ ยังซื้อกันไม่หยุดเลยครับ.....

ที่มา Fool.com: Cisco Takes Up Airespace [Motley Fool Take] January 14, 2005

ลิงค์ซิสผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านเครือข่ายสำหรับผู้ใช้ตามบ้าน ที่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้ไปเรียบร้อยแล้ว ได้ประกาศใช้เทคโนโลยี (Multiple In Multiple Out) ของบริษัท Airgo ที่สร้างขึ้นตามมาตรฐาน 802.11n โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้เครือข่ายไร้สายสามารถรับส่งข้อมูลได้ไกลขึ้นสามเท่า และมีความเร็วสูงขึ้นสูงสุดถึง 8 เท่า พร้อมกับรองรับมาตรฐานเดิมเช่น 802.11b/g

เทคโนโลยีดังกล่าวสร้างขึ้นโดยการเพิ่มจำนวนตัวรับและตัวส่งเข้าไปในการ์ดไวร์เลสแลน

ซิสโก้ประกาศเปิดศูนย์วิจัยในประเทศญี่ปุ่นมูลค่าสิบสองล้านดอลล่าห์ โดยศูนย์นี้เปิดมาเพื่อพัฒนาซอฟท์แวร์ IOS ที่ใช้ในเราเตอร์ของซิสโก้โดนเฉพาะรุ่น CRS-1 เราเตอร์รุ่นใหญ่สุดของซิสโก้ในตอนนี้นั่นเอง ในในช่วงเริ่มแรกนี้มีการจ้างวิศวกรจำนวนประมาณ 10 คน

ญี่ปุ่นนั้นนับได้ว่าเป็นประเทศที่ล้ำหน้าที่สุดในด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และยังเป็นผู้สนับสนุนเครือข่าย IPv6 รายใหญ่อีกด้วย ทำให้ในญี่ปุ่นเองมีการวิจัยและพัฒนาด้านนี้จำนวนมาก คาดว่าทางซิสโก้เองน่าจะมองเห็นถึงศักยภาพของบุคลกรในญี่ปุ่นจึงได้ตัดสินใจเปิดศูนย์นี้ขึ้น

ซิสโก้เริ่มจำหน่ายสุดยอดเราท์เตอร์ CRS-1 ที่มีความเร็วในการสวิตซ์ข้อมูลสูงถึง 640 กิกกะบิตต่ิอวินาที ล่าสุดมีการขายเราเตอร์ดังกล่าวออกไปแล้วถึงหกตัว

เราเตอร์ CRS-1 มีความสามารถในการเชืื่อมต่อขยายออกไปได้ โดยซิสโก้อ้างว่าสามารถเชื่อขยายไปได้ถึง 72 ตัว นั่นหมายถึงความเร็วในการสวิตซ์ถึง 92 เทระไบต์ เร็วในระดับที่นึกกันไม่ออกเลยทีเดียว

ในช่วงหลังนี้ซิสโก้เสียส่วนแบ่งตลาดระดับบนให้กับคู่แข่งไปมากพอดู เช่นบริษัท Juniper Network ที่ส่ง T640 ลงสู่ตลาดก่อนซิสโก้ได้นานหลายเืดือน โดยมูลค่าตลาดนี้สูงถึง 1.5 พันล้านดอลล่าห์ต่อปี

กลายเป็นแฟชั่นไปแล้วครับ ที่เหล่าบริษัทขนาดยักษ์ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก วันนี้ซิสโก้ก็ออกมาประกาศซื้อบริษัท Perfigo ผู้ผลิตอุปกรณ์ควบคุมการใช้งานเครือข่าย

งา่นนี้คาดว่าเราคงได้เห็นระบบใหม่ๆ ในอุปกรณ์เครือข่ายของซิสโก้ เช่นระบบป้องกันไวรัส เพิ่มเติมจะระบบที่เป็นอยู่กันอีกเยอะ โดยในตอนนี้ทางซิสโก้เองก็ชูธงระบบ NAC (Network Admission Control) ในการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายอยู่แล้ว

ซิสโก้ประกาศลงทุนเพิ่มในเกาหลีอีก 50 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณสองพันล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเงินให้กับบริษัทขนาดเล็ก ที่ต้องการใช้อุปกรณ์เครือข่ายประสิทธิภาพสูงของซิสโก้

ซิสโก้นั้นเป็นจ้าวตลาดอุปกรณ์เครือข่ายในระดับองค์กรณ์ขนาดใหญ่เป็นเวลานานแล้ว แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าบริษัทนี้กำลังต้องการครอบครองตลาดระดับล่างมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มตั้งแต่การเข้าซื้อบริษัทลิงค์ซิส

วันนี้ซิสโก้ได้ประกาศเข้าร่วมกลุ่ม WiMax แล้ววันนี้

โดย WiMax นั้นคือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้การสนับสนุนมาตรฐาน 802.16-2004 ที่เป็นมาตรฐานการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงระยะไกลแบบไร้สาย โดยจะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยความเร็วระดับเมกกะบิต โดยที่ห่างจากศูนย์ให้บริการนับสิบกิโลเมตรได้

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า WiMax นั้นเป็นคู่แข่งของทั้งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบมีสายเช่น ADSL และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือไปด้วย เพราะหาก WiMax เกิดจริง ทั้งสองอย่างนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะต้องถอนตัวออกจากตลาดใหญ่ไป

วันนี้สำนักข่าว C|NET รายงานถึงการอัปเกรดครั้งใหญ่ของผลิตภัณฑ์ เราเตอร์ (Router) ของบริษัท Cisco โดยเราเตอร์ที่ออกใหม่ทั้งสามรุ่นได้แก่ 1800 2800 และ 3800 นั้น จะมีการเพิ่มความสามารถด้านความปลอดภัยและการรองรับ VoIP เข้าไว้ในตัวด้วย

เราเตอร์นั้นเป็นอุปกรณ์หลักที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตในทุกวันนี้ โดยมีเป็นตัวตัดสินเส้นทางของข้อมูลว่าควรเดินทางไปในทางใด ทำให้เราสามารถส่งข้อมูลถึงกันได้ในโลกของเน็ตเวิร์ค และอินเทอร์เน็ต